คำสั่งศาลฎีกาที่ ๔๕๙๙/๒๕๕๑

จาก วิกิซอร์ซ


แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)


ภูมิหลัง
การไต่สวนผู้กล่าวหา
การไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ และ ๒
การไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓
ข้อเท็จจริงที่รับฟังเป็นอันยุติ
ประเด็น ๑ ผู้ถูกกล่าวที่ ๓ รู้หรือควรรู้หรือไม่ว่าในถุงกระดาษมีธนบัตรจำนวนสองล้านบาทบรรจุอยู่
ประเด็น ๒ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมรู้เห็นหรือให้ความร่วมมือในการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ หรือไม่
ประเด็น ๓ การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือไม่
สั่ง





คำสั่ง
 
ตราครุฑ
ตราครุฑ
ที่ ๔๕๙๙/๒๕๕๑
ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์
ศาลฎีกา
 
นายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ ผู้กล่าวหา
ระหว่าง
นายพิชิต หรือพิชิฏ ชื่นบาน ที่ ๑ ผู้ถูกกล่าวหา
นางสาวศุภศรี ศรีสวัสดิ์ ที่ ๒
นายธนา ตันศิริ ที่ ๓


เรื่อง   ละเมิดอำนาจศาล


กรณีสืบเนื่องมาจากนายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ เลขานุการศาลฎีกา ได้ทำบันทึก ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๑ รายงานต่อนายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา ว่า เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๑ เวลาประมาณ ๙:๓๐ นาฬิกา พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร จะมารายงานตัวที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายอนันต์ไปตรวจดูความเรียบร้อยที่แผนกดังกล่าว เมื่อนายอนันต์เข้าไปในห้องเจ้าหน้าที่ ได้มีเจ้าหน้าที่ถือถุงกระดาษซึ่งมีสก็อตเทปปิดไว้มิดชิดมาถามว่า ทนายความของพันตำรวจโททักษิณให้มา จะรับไว้ได้หรือไม่ นายอนันต์จึงสั่งให้เปิดถุงกระดาษออกดูที่โต๊ะของนางพรทิพย์ ศรีนวล หัวหน้าแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา พบว่า เป็นธนบัตรฉบับละหนึ่งพันบาท จำนวนสองตั้ง ดูคร่าว ๆ เห็นตั้งละสิบมัด จำนวนเงินทั้งหมดน่าจะประมาณสองล้านบาท นายอนันต์จึงสั่งให้คืนแก่เจ้าของไป จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ ได้ความว่า ก่อนที่พันตำรวจโททักษิณจะเดินทางมาถึงแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา มีคณะทนายความของพันตำรวจโททักษิณมาเตรียมคดี และเสมียนทนายได้มาพบหม่อมหลวงฐิติพงศ์ ชมพูนุท เจ้าหน้าที่ในแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา แจ้งว่า นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความ ต้องการพบ เมื่อหม่อมหลวงฐิติพงศ์ไปพบ ได้มีนายธนา ตันศิริ ซึ่งเป็นผู้ที่ติดตามคณะทนายความ ส่งถุงกระดาษให้ และพูดว่า เจ้าหน้าที่เหนื่อย จึงซื้อของมาฝาก ให้ไปแบ่งกัน หม่อมหลวงฐิติพงศ์จึงจะไปถามนายรักเกียรติ วัฒนพงษ์ เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ว่า จะรับไว้ได้หรือไม่ แต่นายรักเกียรติไปสภาผู้แทนราษฎร เมื่อหม่อมหลวงฐิติพงศ์กลับมาที่ห้องทำงาน ได้พบกับนายอนันต์ซึ่งตรวจงานอยู่ จึงให้เจ้าหน้าที่ถามนายอนันต์ว่า จะให้ดำเนินการอย่างไร นายอนันต์ได้สั่งให้คืนแก่เจ้าของไป นายอนันต์เห็นว่า การที่นายธนานำถุงกระดาษบรรจุเงินมามอบให้เจ้าหน้าที่แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา น่าจะเป็นการไม่ชอบ อาจเป็นการละเมิดอำนาจศาล และเป็นความผิดต่อเจ้าพนักงาน ประธานศาลฎีกาจึงแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนคดีนี้ และให้ดำเนินการโดยเร็ว

เพื่อความสะดวกในการพิจารณา องค์คณะไต่สวนให้เรียกนายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ เลขานุการศาลฎีกา ว่า ผู้กล่าวหา นายพิชิต หรือพิชิฏ ชื่นบาน, นางสาวศุภศรี ศรีสวัสดิ์ และนายธนา ตันศิริ ว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑, ที่ ๒ และที่ ๓ ตามลำดับ

ศาลฎีกาตรวจสำนวน ประชุมปรึกษาแล้ว ทางไต่สวน ได้ความจากฝ่ายผู้กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๑ เวลาประมาณ ๙ นาฬิกา ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามขึ้นลิฟต์มาที่แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ซึ่งอยู่ชั้น ๔ ด้วยกัน และขณะที่หม่อมหลวงฐิติพงศ์ ชมพูนุท นิติกร ๕ แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กำลังทำงานอยู่ในห้องทำงานที่แผนก ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ซึ่งเป็นเสมียนทนายของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ ทนายความในคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑/๒๕๕๐ ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ที่ ๑ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่ ๒ จำเลย ได้นำคำร้องขอรายงานตัวของพันตำรวจโททักษิณและคุณหญิงพจมานมายื่นต่อศาล เนื่องจากพันตำรวจโททักษิณและคุณหญิงพจมานจะต้องมารายงานตัวหลังจากเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากหม่อมหลวงฐิติพงศ์พูดคุยกับผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ เกี่ยวกับวันนัดในคดีดังกล่าวแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ บอกหม่อมหลวงฐิติพงศ์ว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ อยากจะขอปรึกษาเรื่องคดีด้วย ขณะนั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ยืนอยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งวาบริเวณหน้าห้องพักทนายความ จากนั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เดินเข้าไปในห้องดังกล่าว หม่อมหลวงฐิติพงศ์เดินตามเข้าไปนั่งที่โต๊ะตรงข้ามกัน โดยในห้องมีเพียงผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ และหม่อมหลวงฐิติพงศ์เท่านั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ พูดขึ้นว่า ระยะนี้ต้องมาติดต่อบ่อย เห็นใจเจ้าหน้าที่ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อย ก็เลยมีของมาฝากให้เจ้าหน้าที่ทุกคน แล้วผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เดินไปหยิบถุงกระดาษสีขาวซึ่งวางอยู่ตรงตู้ข้างโต๊ะในห้อง ถุงดังกล่าวมีสก็อตเทปปิดปากถุงตามยาวเกือบตลอดปากถุง หม่อมหลวงฐิติพงศ์จึงหยิบถุงดังกล่าวเดินออกไปจากห้อง เพื่อไปถามนายรักเกียรติ วัฒนพงษ์ เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ว่า จะรับไว้ได้หรือไม่ โดยหม่อมหลวงฐิติพงศ์เข้าใจว่าเป็นขนม แต่นายรักเกียรติไม่อยู่ หม่อมหลวงฐิติพงศ์จึงมอบถุงดังกล่าวให้นางขวัญชีวา แจ่มจิตรตรง นิติกร ๔ ซึ่งยืนอยู่หน้าห้องนายรักเกียรติ ไปถามผู้กล่าวหา ซึ่งขณะนั้นอยู่ในห้องธุรการของแผนก ว่า จะรับไว้ได้หรือไม่ นางขวัญชีวาเห็นผู้กล่าวหาพูดคุยกับนายอดิเทพ ถิระวัฒน์ ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ ไม่กล้ารบกวน จึงถือถุงกระดาษเดินผ่านไป แล้วนำถุงไปวางไว้ที่โต๊ะของนางพรทิพย์ ศรีนวล หัวหน้าแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา แล้วบอกนางพรทิพย์ว่า ทนายความให้เจ้าหน้าที่มาแบ่งกัน นางขวัญชีวาไม่ทราบว่าเป็นอะไร นางพรทิพย์บอกว่าไม่ให้รับ และให้นางขวัญชีวาไปถามผู้กล่าวหาว่าจะรับไว้ได้หรือไม่ ผู้กล่าวหาบอกให้เปิดดู หม่อมหลวงฐิติพงศ์จึงหยิบคัตเตอร์มากรีดสก็อตเทปที่ปิดปากถุงออก พบซองสีน้ำตาลปิดอยู่ เมื่อดึงออก ก็เห็นธนบัตรฉบับละหนึ่งพันบาท จำนวนสองตั้ง ตั้งละสิบมัด มัดละหนึ่งร้อยฉบับ เป็นเงินประมาณสองล้านบาท หม่อมหลวงฐิติพงศ์หิ้วถุงไปให้ผู้กล่าวหา ผู้กล่าวหาสั่งให้หม่อมหลวงฐิติพงศ์ไปเรียกผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ มารับคืนไป โดยได้มีการถ่ายภาพถุงและธนบัตรทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน ปรากฏตามภาพถ่ายหมาย ก. ๑ ถึง ก. ๓ หม่อมหลวงฐิติพงศ์จึงบอกผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ให้ไปเรียกผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ มาพบ ซึ่งขณะนั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ลงไปรอรับพันตำรวจโททักษิณอยู่ชั้นล่าง ต่อมา ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ มารับถุงเงินคืนไปจากนายอำนาจ วงศ์สวรรค์ นิติกรประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ก่อนคืนถึง นายอำนาจถามผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ว่า ทราบหรือไม่ว่าในถุงเป็นอะไร ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ตอบว่า ทราบ นายอำนาจบอกว่า เรารับไม่ได้ พร้อมกับส่งถึงเงินคืนไป ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ รับถุงเงินแล้วก็เดินจากไป ต่อมา พันตำรวจโททักษิณมารายงานตัวต่อศาล และไปนั่งรอในห้องพักทนายความ หม่อมหลวงฐิติพงศ์นำคำร้องพร้อมสำนวนไปเสนอผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเพื่อพิจารณาสั่ง แล้วนำไปให้พันตำรวจโททักษิณเซ็นทราบคำสั่งในห้องพักทนายความ ครั้นเวลาประมาณ ๑๒ นาฬิกา ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ โทรศัพท์มาพูดกับหม่อมหลวงฐิติพงศ์ในทำนองว่า ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และกล่าวคำขอโทษต่อหม่อมหลวงฐิติพงศ์ พร้อมกับถามว่า จะทำอย่างไรต่อไป หม่อมหลวงฐิติพงศ์ตอบกลับไปว่า ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจะมาศาลทุกครั้งเมื่อพันตำรวจโททักษิณและคุณหญิงพจมานมาศาล

ทางไต่สวน ได้ความจากผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ และที่ ๒ ว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ เป็นทนายความให้แก่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ตามลำดับ ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑/๒๕๕๐ โดยมีผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ เป็นเสมียนทนาย และมีผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เป็นผู้ประสานงานระหว่างตัวความและทนายความ ในวันเกิดเหตุ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ นำคำร้องขอรายงานตัวของพันตำรวจโททักษิณและคุณหญิงพจมานมามอบให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ มาถึงศาลฎีกา ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ ได้ชวนผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ และพันตำรวจโทวทัญญู วิทยภโลทัย นายตำรวจติดตามพันตำรวจโททักษิณ ไปตรวจดูความเรียบร้อยที่ชั้น ๔ แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ และที่ ๓ พบผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ นั่งอยู่หน้าห้องพักอัยการ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ สั่งผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ให้ไปตามหม่อมหลวงฐิติพงศ์ ชมพูนุท เจ้าหน้าที่ศาลฎีกา ซึ่งเป็นผู้ดูแลประสานงานเกี่ยวกับคดีมาโดยตลอด มาพบ ระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑, ที่ ๓ และพันตำรวจโทวทัญญูอยู่ในห้องพักทนายความ คนขับรถของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ถือถุงกระดาษเดินเข้ามาในห้อง แล้ววางถุงไว้ที่โต๊ะ ครั้นเวลา ๙:๔๐ นาฬิกา ใกล้เวลาที่พันตำรวจทักษิณจะมาถึง ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ จึงลุกออกจากห้องพักทนายความ เตรียมตัวลงไปรับ ก็สวนกับหม่อมหลวงฐิติพงศ์บริเวณประตู แต่ไม่ได้พูดกัน ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ สอบถามผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ เรื่องคำร้อง โดยพันตำรวจโทวทัญญูลงไปชั้นล่างก่อน ต่อมา หม่อมหลวงฐิติพงศ์เดินกลับออกมาจากห้อง และถือถุงกระดาษใบดังกล่าวออกมาด้วย แล้วเข้าไปในห้องธุรการ ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ยังคงอยู่ในห้องพักทนายความสักพัก แล้วตามผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ ลงไปรอรับพันตำรวจโททักษิณ เมื่อพันตำรวจโททักษิณมาถึงศาลฎีกา ได้มานั่งรอในห้องพักทนายความพร้อมกับผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ และที่ ๓ รวมทั้งนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ระหว่างนั้น พันตำรวจโทวทัญญูมาตามผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ออกไป ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เดินไปหาเจ้าหน้าที่ศาลซึ่งเป็นผู้ชาย แล้วรับถุงกระดาษคืนมา จากนั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ถือถุงกระดาษไปให้พันตำรวจโทวทัญญูนำลงไปให้คนขับรถที่ชั้นล่าง ต่อมาอีกประมาณห้านาที หม่อมหลวงฐิติพงศ์เดินถือแฟ้มเข้ามาในห้อง เพื่อให้พันตำรวจโททักษิณเดินทางกลับ ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ และที่ ๓ รวมทั้งนายบรรณพจน์ รอคุณหญิงพจมานอยู่ที่ชั้นล่าง เมื่อคุณหญิงพจมานมาถึงศาลฎีกา ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของการรายงานตัวจนเสร็จแล้ว และส่งคุณหญิงพจมานกลับ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เดินมาหาผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ ที่รถ และบอกว่า วันนี้มีปัญหา ได้นำของฝากไปให้เจ้าหน้าที่ศาล แต่ถุงของที่นำไปฝากกลายเป็นถุงเงินโดยผิดพลาด ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ เกรงว่าจะมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน จึงรีบโทรศัพท์ไปขอโทษหม่อมหลวงฐิติพงศ์ และได้ทราบว่าหม่อมหลวงฐิติพงศ์ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว

ทางไต่สวน ได้ความจากผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เป็นผู้ประสานงานของพันตำรวจโททักษิณและคุณหญิงพจมานเกี่ยวกับคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑/๒๕๕๐ เนื่องจากภริยาของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกร้องกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ เวลาประมาณ ๒๑ นาฬิกา นายบุญชาญ อักษรสุวรรณ นำเงินค่าซื้อบ้านของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ บางส่วน มาชำระตามสำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย เอกสารหมาย ถ.ก. ๑ ซึ่งต่อมาได้มีการจ่ายเงินที่เหลือ และโอนกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๑ ปรากฏตามสำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน เอกสารหมาย ถ.ก. ๒, สำเนาโฉนดที่ดิน เอกสารหมาย ถ.ก. ๓ และภาพถ่ายบ้าน หมาย ถ.ก. ๔ ในตอนเช้าของวันเกิดเหตุ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ไปประสานงานกับเจ้าหน้าที่ศาลฎีกาตามปกติ เนื่องจากเป็นวันที่พันตำรวจโททักษิณและคุณหญิงพจมานต้องมารายงานตัวหลังจากกลับจากต่างประเทศ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ให้ภริยาเตรียมของฝากไปให้เจ้าหน้าที่ด้วย เนื่องจากประสานงานกันได้ราบรื่นไม่มีข้อติดขัด ภริยาผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ซื้อช็อกโกแลตใส่ถุงเตรียมไว้ให้ แล้วนำไปวางไว้ในรถบริเวณที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ นั่ง ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ นำถุงกระดาษใส่เงินจำนวนสองล้านบาทไปใส่ไว้ท้ายรถ เพื่อจะนำไปฝากธนาคาร เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ไปถึงศาลฎีกา ได้พบกับผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ จึงพากันไปเดินดูความเรียบร้อย และให้คนขับรถไปหยิบถุงที่เบาะหลังรถตามขึ้นไปให้ที่ชั้น ๔ ระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เดินไปที่ห้องพักทนายความ ได้พบกับผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ จึงให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ไปตามเจ้าหน้าที่ศาล ชื่อ หม่อมหลวงฐิติพงศ์ ที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ประสานงานอยู่บ่อย ๆ มาพบที่ห้องพักทนายความ แล้วผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ก็เข้าไปในห้องพักทนายความ คุยกับผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ สักครู่ คนขับรถก็ถือถุงกระดาษเข้ามาในห้อง แล้ววางไว้บนโต๊ะ หลังจากนั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ เดินออกไป ซึ่งพอดีกับหม่อมหลวงฐิติพงศ์เดินเข้ามา จึงนั่งคุยกัน ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ขอบคุณหม่อมหลวงฐิติพงศ์ที่การประสานงานในเรื่องการรักษาความปลอดภัยและการนัดหมายราบรื่นตลอดมา และบอกว่า มีของฝากเล็กน้อยมาให้หม่อมหลวงฐิติพงศ์และน้อง ๆ หม่อมหลวงฐิติพงศ์ถามว่า เอาอะไรมาฝาก ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ตอบว่า เป็นขนมเล็กน้อย ไปแบ่งกันรับประทาน จากนั้น หม่อมหลวงฐิติพงศ์ลุกขึ้น แล้วหิ้วถุงกระดาษออกไป เมื่อพันตำรวจโททักษิณมาถึง ได้นั่งรอที่ห้องพักทนายความพร้อมกับผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑, ที่ ๓ และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ สักครู่ มีคนมาตามผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ไปพบเจ้าหน้าที่ธุรการที่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์แผนกรับฟ้อง เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ชายเปิดประตูเลื่อนออก แล้วยื่นถุงกระดาษให้ พร้อมกับบอกว่า หม่อมหลวงฐิติพงศ์ให้เอาของมาคืน ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ รับถุงกระดาษคืนมา แล้วให้พันตำรวจโทวทัญญูนำไปเก็บไว้ที่รถ หลังจากพันตำรวจโททักษิณรายงานตัวเสร็จ ก็เดินทางกลับ ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ อยู่รอคุณหญิงพจมานมารายงานตัว เมื่อคุณหญิงพจมานรายงานตัวเสร็จ ก็เดินทางกลับ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ กลับไปที่รถ และถามคนขับรถว่า พันตำรวจโทวทัญญูเอาของมาคืนหรือไม่ คนขับรถตอบว่า เอามาคืน และเอาเก็บไว้ท้ายรถ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เอะใจ จึงไปเปิดกระโปรงท้ายรถ และแกะถุงดังกล่าวดู ปรากฏว่าเป็นเงินจำนวนสองล้านบาทที่จะเอาไปฝากธนาคาร ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ จึงเปิดประตูรถข้างหลังด้านขวา แล้วแกะถุงอีกถุงหนึ่งซึ่งอยู่ที่เดิม และถามคนขับรถว่า หยิบของจากตรงไหนไปเมื่อเช้า คนขับรถตอบว่า หยิบถุงไปจากกระโปรงท้ายรถ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เกรงจะเกิดเรื่องยุ่ง จึงเดินไปเล่าให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ ฟังว่า หยิบถุงผิดไป อยากให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ ช่วยนัดหมายหม่อมหลวงฐิติพงศ์ เพื่อทำความเข้าใจกัน แล้วผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เดินทางไปทำธุระที่อื่น ต่อมาเวลาประมาณ ๑๓ นาฬิกา ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ แจ้งว่า หม่อมหลวงฐิติพงศ์ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว

พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๑ เวลาประมาณ ๙ นาฬิกา ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามซึ่งเป็นคณะทนายความและผู้ประสานงานของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ตามลำดับ ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑/๒๕๕๐ ได้มาติดต่อเจ้าหน้าที่แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เพื่อรับการรายงานตัวของพันตำรวจโททักษิณและคุณหญิงพจมานที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามรอการมาถึงของพันตำรวจโททักษิณและคุณหญิงพจมาน ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ได้ให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ไปตามหม่อมหลวงฐิติพงศ์ ชมพูนุท เจ้าหน้าที่ประจำแผนก มาพบในห้องพักทนายความ และผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ได้มอบถุงกระดาษสีขาว ข้างในมีของบรรจุอยู่ โดยมีสก็อตเทปปิดปากถุงเกือบตลอดแนว ให้แก่หม่อมหลวงฐิติพงศ์ หม่อมหลวงฐิติพงศ์กับพวกเจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนำถุงไปให้ผู้กล่าวหาซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ผู้กล่าวหาสั่งให้เปิดถุงดู และพบว่าเป็นธนบัตรฉบับละหนึ่งพันบาท จำนวนสองตั้ง ตั้งละสิบมัด มัดละประมาณหนึ่งร้อยฉบับ รวมเป็นเงินประมาณสองล้านบาท บรรจุอยู่ มีซองสีน้ำตาลปิดทับอยู่ด้านบน ผู้กล่าวหาสั่งให้เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพถุงกระดาษและธนบัตรไว้เป็นหลักฐาน ปรากฏตามภาพถ่ายถุงกระดาษและธนบัตรเอกสารหมาย ก. ๑ ถึง ก. ๓ จากนั้น ผู้กล่าวหาสั่งให้เจ้าหน้าที่นำถึงไปคืนให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓

กรณีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการแรกว่า ผู้ถูกกล่าวที่ ๓ รู้หรือควรรู้หรือไม่ว่าในถุงกระดาษดังกล่าวมีธนบัตรจำนวนสองล้านบาทบรรจุอยู่ ในปัญหานี้ ฝ่ายผู้กล่าวหามีหม่อมหลวงฐิติพงศ์ ชมพูนุท เป็นพยานเบิกความว่า ในขณะที่พยานกำลังตรวจดูสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑/๒๕๕๐ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ พูดขึ้นว่า ผู้ถูกกล่าวที่ ๓ อยากจะขอปรึกษาเรื่องคดีด้วย พยานทราบว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เป็นผู้ที่คอยติดตามพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร มาศาลทุกครั้ง และจะอยู่ในกลุ่มของทนายความ จากนั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ก็เดินเข้าไปในห้องพักทนายความ พยานเดินตามเข้าไปนั่งที่โต๊ะ โดยนั่งตรงข้าม และนั่งกันอยู่เพียงสองคน ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ พูดขึ้นว่า ระยะนี้ต้องมาติดต่อบ่อย เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อย ก็เลยมีของมาฝากให้เจ้าหน้าที่ทุกคน แล้วผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ก็เดินไปหยิบถุงสีขาวซึ่งมีสก็อตเทปปิดปากถุงตามยาวเกือบตลอดปากถุง ไม่สามารถมองเห็นข้างในได้ มามอบให้แก่พยาน ตอนนั้น พยานเข้าใจว่าเป็นขนม เห็นว่า พยานเป็นเจ้าหน้าที่ศาล เป็นผู้ที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามติดต่อประสานงานมาโดยตลอด ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน คำเบิกความของพยานจึงน่าเชื่อถือ เชื่อว่า ตอนที่มอบถุงกระดาษกัน พยานกับผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ อยู่ด้วยกันเพียงสองคน การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ติดต่อให้พยานไปพบที่ห้องพักทนายความ แล้วมอบถุงให้พยานเพียงสองต่อสองก็ดี การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ พูดเป็นนัยว่ามีของมาฝากเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยไม่บอกให้พยานทราบว่าเป็นขนมหรือช็อกโกแลตก็ดี และการที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ส่งมอบถุงกระดาษที่ปกปิดมิดชิดจนมาสามารถทราบว่าสิ่งของข้างในเป็นอะไรก็ดี จึงเป็นเรื่องผิดปกติวิสัย เพราะหากผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ต้องการมอบขนมหรือช็อกโกแลตให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการแสดงความมีน้ำใจดังที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ อ้างจริง ก็ย่อมต้องนำถุงขนมหรือช็อกโกแลตที่อ้างไปมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ห้องธุรการทั้งหมดโดยตรงและโดยเปิดเผย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตน นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงก็ยังปรากฏต่อมาว่า เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ถูกเรียกให้ไปรับถุงกระดาษคืน นายอำนาจ วงศ์สวรรค์ ซึ่งเป็นนิติกรประจำแผนก ก็เบิกความยืนยันว่า พยานถามผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ว่า ใครเป็นคนให้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ตอบว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เป็นคนนำถุงกระดาษมาให้ พยานจึงให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ไปตามผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ หลังจากนั้น สองถึงสามนาที ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ก็พาผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ มาที่หน้าเคาน์เตอร์ พยานถามผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ว่า ทราบหรือไม่ว่าในถุงเป็นอะไร ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ตอบที่ ทราบ พยานจึงตอบไปว่า เรารับไม่ได้ พร้อมกับส่งถุงคืนไป ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ รับถุงแล้ว ก็เดินจากไป โดยไม่ได้พูดอะไร เห็นว่า พยานปากนี้เป็นเจ้าหน้าที่ศาล และไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ มาก่อน คำเบิกความจึงมีน้ำหนักเชื่อถือได้เช่นกัน เชื่อว่า พยานเบิกความตามที่รู้เห็นจริง การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ รับกับพยานว่าทราบว่าของในถุงเป็นอะไร พร้อมกับรับถุงไปโดยไม่อิดเอื้อน ไม่เปิดถุงออกดู และไม่อธิบายว่าของข้างในถุงเป็นอะไร ย่อมเป็นพิรุธของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ แสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ย่อมต้องทราบอยู่แล้วว่าของในถุงเป็นเงิน ที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ นำสืบโดยสรุปทำนองว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ขายบ้านให้แก่นายบุญชาญ อักษรสุวรรณ ได้ในราคาห้าล้านสามแสนบาท เงินจำนวนสองล้านบาทเป็นเงินที่ชำระราคาบ้านส่วนหนึ่ง ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ มอบเงินให้ภริยาห่อใส่ถุงกระดาษเพื่อไปฝากธนาคารในวันรุ่งขึ้น และก่อนเกิดเหตุสองถึงสามวัน ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ให้ภริยาไปซื้อช็อกโกแลต แล้วนำมาห่อใส่ถุงกระดาษที่เหมือนกัน เพื่อมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ศาลในวันนัดซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ แต่คนขับรถของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ หยิบถุงผิด เพราะถุงมีลักษณะเหมือนกันนั้น เป็นเรื่องเลื่อนลอย เพราะหากเป็นเรื่องจริง เมื่อนายอำนาจมอบถุงกระดาษที่บรรจุเงินคืนให้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ น่าจะต้องกล่าวคำขอโทษในทันที และน่าจะต้องสั่งพันตำรวจโทวทัญญูเอาถุงกระดาษที่บรรจุช็อกโกแลตกลับคืนมาให้ตน เพื่อมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ศาล เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตน ทั้งหากผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ มีถุงกระดาษที่มีลักษณะเหมือนกันสองถึง โดยถุงหนึ่งบรรจุเงินประมาณสองล้านบาท และอีกถุงหนึ่งบรรจุช็อกโกแลตจริง ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ยิ่งต้องใช้ความระมัดระวังตรวจดูเป็นพิเศษกว่าปกติธรรมดาก่อนส่งมอบถุงให้แก่หม่อมหลวงฐิติพงศ์ แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ก็หาได้กระทำไม่ ข้อเท็จจริงจึงเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ รู้อยู่แล้วว่า ถุงกระดาษที่มอบให้แก่หม่อมหลวงฐิติพงศ์ ชมพูนุท เจ้าหน้าที่ประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา มีธนบัตรจำนวนประมาณสองล้านบาทบรรจุอยู่

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการต่อไปมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมรู้เห็นหรือให้ความร่วมมือในการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ หรือไม่ ในปัญหานี้ ได้ความจากหม่อมหลวงฐิติพงศ์ว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ เป็นทนายความให้แก่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ตามลำดับ ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑/๒๕๕๐ โดยมีผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ เป็นเสมียนทนาย และเป็นเลขานุการส่วนตัวของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ และที่ ๓ เป็นผู้ติดตามพันตำรวจโททักษิณ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจะมาศาลกับพันตำรวจโททักษิณและคุณหญิงพจมานทุกครั้ง ซึ่งข้อเท็จจริงส่วนนี้ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามก็นำสืบเจือสมกับพยานฝ่ายผู้กล่าวหา ว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เป็นผู้ประสานงานระหว่างพันตำรวจโททักษิณและคุณหญิงพจมาน กับฝ่ายทนายความ ซึ่งคือ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ และที่ ๒ กับเจ้าหน้าที่ศาล ทั้งข้อเท็จจริงที่ได้จากพยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม ก็ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามมีการพูดคุยและประสานงานกันตลอดเวลาขณะอยู่ที่ศาลฎีกา การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เกี่ยวกับคดี จึงอยู่ในความรู้เห็นของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ และที่ ๒ ด้วย ถือได้ว่าเป็นคณะทำงานเดียวกัน ดังจะเห็นได้จากผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ สั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ไปตามหม่อมหลวงฐิติพงศ์ไปพบที่ห้องพักทนายความ ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ อยู่ห่างไปเพียงหนึ่งวา ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ และที่ ๒ ก็อยู่บริเวณนั้น น่าจะรู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในห้องพักทนายความ เพราะผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ และที่ ๒ ต่างก็เห็นหม่อมหลวงฐิติพงศ์เดินถือถุงกระดาษออกมาจากห้อง วิสัยของคนที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเช่นผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม ย่อมต้องถามไถ่หรือบอกกล่าวให้รู้กันว่าจะนำช็อกโกแลตมาให้เจ้าหน้าที่ศาล โดยไม่จำต้องปิดบัง ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ เป็นหัวหน้าคณะทนายความของพันตำรวจโททักษิณและคุณหญิงพจมาน การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ดังกล่าวเป็นเรื่องร้ายแรง ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่รูปคดีของพันตำรวจโททักษิณและคุณหญิงพจมานแล้ว ยังเป็นเรื่องกระทบกระเทือนต่อวิชาชีพของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ เองด้วย แทนที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ จะซักไซ้ไล่เลียงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน แล้วดำเนินการแก้ไข นำสิ่งของที่ถูกต้องมามอบให้ หรือนำถุงทั้งสองใบไปแสดงในทันที หรือตำหนิผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ ก็หาได้กระทำไม่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ กลับโทรศัพท์ไปขอโทษและปรับความเข้าใจกับหม่อมหลวงฐิติพงศ์ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ร้องขอ พร้อมทั้งสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ ดังกล่าว แสดงให้เห็นชัดแจ้งว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ มีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ในลักษณะเป็นตัวการร่วมกัน ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ แม้ขณะเกิดเหตุเป็นเพียงเสมียนทนาย แต่ก็เป็นทนายความในสำนักงานของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ มาก่อน ทั้งยังเป็นผู้ประสานงานให้หม่อมหลวงฐิติพงศ์ไปพบกับผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ และเมื่อผู้กล่าวหาสั่งให้คืนถุงบรรจุเงินให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ก็ยังเป็นผู้ไปเรียกผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ มารับถุงคืน นอกจากนี้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ ยังรออยู่ที่บริเวณเคาน์เตอร์แผนกรับฟ้องและห้องพักทนายความที่เกิดเหตุตลอดเวลา ลักษณะของการกระทำดังกล่าว ถือได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ มีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามดังกล่าว จึงเป็นการร่วมรู้กัน และแบ่งหน้าที่กันทำ ฟังได้ว่า เป็นตัวการร่วมกัน

ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายมีว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เห็นว่า เงินที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ มอบให้หม่อมหลวงฐิติพงศ์เพื่อนำไปแบ่งกันกับเจ้าหน้าที่ในแผนก มีจำนวนมากถึงสองล้านบาท แสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามมีเจตนาที่จะจูงใจให้หม่อมหลวงฐิติพงศ์และเจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปเป็นประโยชน์แก่จำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑/๒๕๕๐ การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑ (๑), ๓๓ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ และน่าจะมีมูลความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๔ หรือความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงาน การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เป็นการกระทำที่อุกอาจ ท้าทาย และเกิดขึ้นที่ศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลยุติธรรมชั้นสูงสุดของประเทศ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามประกอบอาชีพทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมตระหนักดีว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันศาลยุติธรรม และจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือและความศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในอำนาจตุลาการ จึงเห็นสมควรลงโทษในสถานหนัก เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป

ให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม คนละหกเดือน ส่วนความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๔ หรือความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงานนั้น ให้ผู้กล่าวหาไปดำเนินการตามกฎหมายแก่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป



มงคล ทับเที่ยง


อิศเรศ ชัยรัตน์


วีระพล ตั้งสุวรรณ




ขึ้น

งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า

"มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"