นิทานโบรานคดี (2487)/นิทานที่ 19

จาก วิกิซอร์ซ
นิทานที่ 19
เรื่อง เมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์

(1)

ตั้งแต่รัชกาลที่ 4 มาจนไนรัชกาลที่ 5 ชาวต่างประเทสเข้าไจกันว่า ประเพนีเมืองไทยผิดกับประเทสอื่น ๆ ด้วยมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์เสมอ แม้สมเด็ดพระราชินีนาถวิกตอเรียประเทสอังกริดก็เคยตรัดถามฉันว่า "ประเทสของเธอมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์มิไช่หรือ" แต่เวลาเมื่อฉันไปเฝ้าไน พ.ส. 2434 มีสมเด็ดพระบรมโอรสาธิราชแล้ว ฉันจึงทูนสนองว่า เดี๋ยวนี้เลิกประเพนีมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์แล้ว เปลี่ยนเปนมีมกุดราชกุมารเปนรัชทายาทเหมือนเช่นประเทสอื่น ๆ ก็ไม่ซงซักไซ้ต่อไป อันมูลเหตุที่ชาวต่างประเทสเข้าไจกันว่า ทำเนียมเมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์เปนนิจนั้นเกิดด้วยเมื่อรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวซงเพิ่มพระเกียรติยสสมเด็ดพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจุทามนี กรมขุนอิสเรสรังสรรค์ ซึ่งเปนพระมหาอุปราช ไห้เปนพระเจ้าแผ่นดินอีกพระองค์หนึ่ง ซงพระนามว่า "พระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าเจ้าหยู่หัว" ผิดกับพระมหาอุปราชไนรัชกาลก่อน ๆ ซึ่งเปนแต่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลมาทุกรัชกาล เมื่อพระมหาอุปราชซงพระเกียรติยสเปนพระเจ้าแผ่นดินขึ้น ไทยเราจึงบอกอธิบายแก่ฝรั่งว่า พระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวเปนพระเจ้าแผ่นดินที่ 1 The First King พระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าเจ้าหยู่หัวเปนพระเจ้าแผ่นดินที่ 2 The Second King ฝรั่งก็เข้าไจว่า ประเพนีเมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์เปนนิจมาแต่ก่อน ถึงรัชกาลที่ 5 ฝรั่งก็ยังเรียกพระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวว่า พระเจ้าแผ่นดินที่ 1 เรียกกรมหมื่นบวรวิชัยชาญ ราชบุตรของพระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าเจ้าหยู่หัว ซึ่งได้เปนกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ว่า พระเจ้าแผ่นดินที่ 2 หยู่หย่างเดิมสืบมา จนเลิกตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลแล้ว คำที่เรียกว่า พระเจ้าแผ่นที่ 1 และที่ 2 จึงเงียบหายไป

ฉันเคยนึกสงสัยมาแต่แรกอ่านหนังสือพงสาวดารกรุงรัตนโกสินท์ว่า พระมหาอุปราชรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2 ก็เปนสมเด็ดพระอนุชาร่วมพระชนนีเหมือนหย่างพระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าเจ้าหยู่หัวทั้ง 2พระองค์ เหตุไฉนพระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวจึงซงตั้งพระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าฯ ไห้เปนหย่างพระเจ้าแผ่นดิน คิดดูก็ไม่เห็นเหตุ ต่อมาอีกช้านาน เมื่อฉันหาหนังสือเข้าหอพระสมุดสำหรับพระนคร ได้สำเนาคำทูนถวายราชสมบัติแก่พระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวมาอ่าน คำทูนนั้นว่า พระราชาคนะสงค์กับทั้งพระราชวงสานุวงส์และเสนาบดีมนตรีมุขทั้งปวงพร้อมไจกัน "ขออัญเชินพระบาทสมเด็ดพระอนุชาธิบดี เจ้าฟ้ามงกุดฯ และสมเด็ดพระเจ้าน้องยาเทอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิสเรสรังสรรค์ เถลิงถวัลยราชสมบัติ" ดังนี้ ฉันก็เข้าไจว่า คงเปนเพราะทูนถวายราชสมบัติทั้ง 2 พระองค์ด้วยกัน พระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวจึงต้องซงสถาปนาสมเด็ดพระอนุชาเปนพระเจ้าแผ่นดินด้วยอีกพระองค์หนึ่ง แต่ก็เกิดสงสัยต่อไปว่า เหตุไฉนจึงถวายราชสมบัติทั้ง 2 พระองค์ด้วยกัน ซึ่งไม่เคยมีเยี่ยงหย่างมาแต่ก่อน แต่มิรู้ที่จะค้นหาอธิบายได้หย่างไร จนถึงไนรัชกาลที่ 6 วันหนึ่ง เจ้าพระยาภานุวงส์ฯ มาหา เวลานั้น อายุท่านกว่า 80 ปีแล้ว แต่ความซงจำของท่านแม่นยำ ฉันเคยถามได้ความรู้เรื่องโบรานคดีมาจากท่านหลายครั้ง วันนั้น เมื่อสนทนากัน ฉันนึกขึ้นถึงเรื่องที่ทูนถวายราชสมบัติทั้ง 2 พระองค์ ถามท่านว่า ท่านซาบหรือไม่ เมื่อพระบาทสมเด็ดพระนั่งเกล้าเจ้าหยู่หัวสวรรคตนั้น เพราะเหตุไดสมเด็ดเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงส์ (บิดาของท่านเมื่อยังเปนเจ้าพระยาพระคลังฯ) ซึ่งเปนหัวหน้าไนราชการ จึงแนะนำไห้ถวายราชสมบัติแก่พระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวกับพระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าเจ้าหยู่หัวด้วยกันทั้ง 2 พระองค์ ไม่ถวายแต่พระองค์เดียวเหมือนหย่างเมื่อเปลี่ยนรัชกาลก่อน ๆ ท่านบอกว่า เรื่องนั้นท่านซาบ ด้วยได้ยินกับหูท่านเอง แล้วเล่าต่อไปว่า วันหนึ่ง เมื่อพระบาทสมเด็ดพระนั่งเกล้าเจ้าหยู่หัวไกล้จะสวรรคต สมเด็ดเจ้าพระยาฯ ไปเฝ้าพระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวซึ่งซงผนวดหยู่ นะ วัดบวรนิเวสฯ กราบทูนไห้ซงซาบว่า จะเชินสเด็ดขึ้นครองราชสมบัติ พระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวตรัดว่า ถ้าจะถวายราชสมบัติแก่พระองค์ ขอไห้ถวายแก่พระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าฯ ซึ่งตรัดเรียกว่า "ท่านฟากข้างโน้น" ด้วย เพราะพระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าฯ พระชตาแรงนัก ตามตำราโหราสาสตรว่า ผู้มีชตาเช่นนั้นจะต้องได้เปนพระเจ้าแผ่นดิน ถ้าซงรับราชสมบัติแต่พระองค์เดียว จะเกิดอัปมงคล ด้วยไปกีดบารมีของสมเด็ดพระอนุชา แม้ถวายราชสมบัติด้วยกันทั้ง 2 พระองค์ จะได้ซงสถาปนาสมเด็ดพระอนุชาไห้เปนพระเจ้าแผ่นดินด้วยอีกพระองค์หนึ่ง เหมือนหย่างสมเด็ดพระนเรสวรมหาราชซงสถาปนาสมเด็ดพระเอกาทสรถเปนพระเจ้าแผ่นดินด้วยกัน เช่นนั้นจึงจะพ้นอัปมงคล สมเด็ดเจ้าพระยาฯ ก็ไม่ขัดพระอัธยาสัย ออกจากวัดบวรนิเวสฯ ข้ามฟากไปเฝ้าพระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าฯ นะ พระราชวังเดิม (ที่เปนโรงเรียนนายเรือหยู่บัดนี้) ตัวท่านเองเวลานั้นอายุได้ 18 ปี นั่งไปหน้าเก๋งเรือของบิดา เมื่อไปถึงพระราชวังเดิม เปนเวลาพระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าฯ ประทับหยู่ที่แพน่าวัง สเด็ดออกมารับสมเด็ดเจ้าพระยาฯ ที่แพลอย ตัวท่านหยู่ไนเรือ ได้ยินสมเด็ดเจ้าพระยาฯ เล่าถวายพระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าฯ ดังกล่าวมา จึงซาบเรื่อง ตามที่เจ้าพระยาพานุวงส์ฯ เล่า ก็สมกับประกาสของพระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวว่า ซงสถาปนาพระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าเจ้าหยู่หัวตามแบบหย่างครั้งสมเด็ดพระนเรสวรมหาราชซงสถาปนาสมเด็ดพระเอกาทสรถ จึงเชื่อได้ว่า เรื่องที่จิงเปนหย่างเจ้าพระยาพานุวงส์ฯ เล่า

(2)

เมื่อฉันเขียนนิทานโบรานคดี มีกล่าวถึงสมเด็ดพระนเรสวรมหาราชกับสมเด็ดพระเอกาทสรถไนนิทานบางเรื่อง นึกขึ้นว่า ที่สมเด็ดพระนเรสวรมหาราชซงสถาปนาสมเด็ดพระเอกาทสรถเปนพระเจ้าแผ่นดินด้วยกันกับพระองค์ก็เปนการแปลกประเพนีครั้งกรุงสรีอยุธยาเหมือนกันกับที่พระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวซงสถาปนาพระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าเจ้าหยู่หัวแปลกประเพนีครั้งกรุงรัตนโกสินท์ สมเด็ดพระนเรสวรฯ จะซงทำตามแบบหย่างซึ่งเคยมีมาแต่ก่อนแล้ว หรือจะซงพระราชดำหริขึ้นไหม่ด้วยมีเหตุหย่างไดหย่างหนึ่ง นึกขึ้นหย่างนั้นจึงค้นดูไนพงสาวดาร พบเรื่องปรากตไนหนังสือ "พระราชพงสาวดาร ฉบับหลวงประเสิด" ซึ่งแต่งครั้งสมเด็ดพระนารายน์มหาราช ได้ความว่า เมืองไทยไนสมัยกรุงสรีอยุธยาเคยมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์พร้อมกันเมื่อก่อนรัชกาลสมเด็ดพระนเรสวรมหาราชถึง 2 ครั้ง คือ เมื่อ พ.ส. 2006 สมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถไปเสวยราชสมบัติหยู่ นะ เมืองพิสนุโลก โปรดไห้พระราชโอรสพระองค์ไหย่เปนพระเจ้าแผ่นดิน ซงพระนามว่า พระบรมราชา เสวยราชสมบัติพระนครสรีอยุธยาครั้งหนึ่ง ครั้งสมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถสวรรคตเมื่อ พ.ส. 2033 สมเด็ดพระบรมราชาได้ซงรับรัชทายาท ซงพระนามว่า สมเด็ดพระบรมราชาธิราชที่ 3 ซงตั้งพระอนุชาเปนพระเจ้าแผ่นดิน ซงพระนามว่า สมเด็ดพระเชตถา เสวยราชสมบัติ นะ เมืองพิสนุโลกอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้น สมเด็ดพระนเรสวรมหาราชเปนแต่เอาแบบหย่างมาทำตามเมื่อสถาปนาสมเด็ดพระเอกาทสรถ หาได้ซงตั้งแบบไหม่ไม่ ฉันยังติดไจ จึงค้นเรื่องพงสาวดารถอยหลังต่อไปอีกว่า ที่มีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์เมื่อครั้งรัชกาลสมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถและรัชกาลสมเด็ดพระบรมราชาธิราชที่ 3 จะได้เยี่ยงหย่างมาแต่ไหน ค้นไปได้เค้าไนหนังสือราชาธิราชตอนเมื่อสมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถเปนสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าหงสาวดีปิดกธรธัมเจดีย์วา พระเจ้าหงสาวดีแก้ปัญหาของสมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถออก สมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถยกย่องพระเกียรติพระเจ้าหงสาวดีด้วยไห้ราชทูตเชินพระสุพรรนบัตไปถวายพระนามว่า "พระมหาธัมราชา" และบอกไปไนพระราชสาส์นว่า "เปนนามของพระเจ้าตามาแต่ก่อน" ฉันได้ความรู้ขึ้นไหม่ว่า สมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถเปนราชนัดดาของพระมหาธัมราชาเจ้ากรุงสุโขทัย จึงเอามาปรับกับเรื่องไนหนังสือพระราชพงสาวดาร ก็ได้ความถึงต้นเรื่องอันเปนเหตุไห้เมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์พร้อมกันไนบางคราว ดังจะเล่าตอนที่ 3 ต่อไปนี้ แต่ต้องสันนิสถานเอาความบกพร่องประกอบบ้าง

(3)

เดิมเมืองเหนือ คือ อานาเขตเมืองสุโขทัย กับเมืองไต้ คือ อานาเขตกรุงสรีอยุธยา มีราชวงส์ปกครองต่างกัน ราชวงส์พระร่วงครองเมืองเหนือ ราชวงส์อู่ทองครองเมืองไต้ แม้เมืองเหนือต้องยอมเปนประเทสราชขึ้นต่อเมืองไต้เมื่อครั้งรบแพ้สมเด็ดพระบรมราชาธิราช (พงั่ว) ที่ 1 แล้ว ก็ยังมีเจ้านายไนราชวงส์พระร่วงเปนพระมหาธัมราชาครองเมืองเหนือสืบกันมา เมื่อรัชกาลสมเด็ดพระอินทราชาธิราชครองกรุงสรีอยุธยา พระมหาธัมราชาที่ 3 สวรรคต เจ้าพี่เจ้าน้อง 2 องค์ ซงนามว่า "พระยาบานเมือง" ผู้ครองเมืองสองแคว (ซึ่งพายหลังเปลี่ยนชื่อเปนเมืองพิสนุโลก) องค์หนึ่ง ซงนามว่า "พระยารามคำแหง" ผู้ครองเมืองสรีสัชนาลัย องค์หนึ่ง ขิงกันเปนพระมหาธัมราชา เกิดรบพุ่งกันจนเมืองเหนือเปนจลาจล สมเด็ดพระอินทราชาธิราชจึงสเด็ดยกกองทัพขึ้นไประงับ เมื่อสเด็ดไปถึงเมืองพระบาง (คือเมืองนครสวรรค์บัดนี้) พระยาบานเมืองกับพระยารามคำแหงเกรงพระเดชานุภาพ ต่างลงมาเฝ้าสมเด็ดพระอินทราชาธิราชโดยดีทั้ง 2 พระองค์ สมเด็ดพระอินทราชาธิราชจึงซงเปรียบเทียบไห้พระยาบานเมือง (ผู้เปนพี่) เปนพระมหาธัมราชาที่ 4 ไห้พระยารามคำแหง (ผู้เปนน้อง) เปนอุปราช ต่างกลับไปครองเมืองสองแควและเมืองสรีสัชนาลัยหยู่ตามเดิม เมืองเหนือก็กลับเปนปรกติ เมื่อระงับจลาจลแล้ว สมเด็ดพระอินทราชาธิราชจะซงตั้งเจ้าสามพระยา ราชบุตร ไห้ครองเมืองชัยนาทอันหยู่ต่อแดนกับเมืองเหนือ จึงตรัดขอราชธิดาของพระมหาธัมราชาที่ 4 มาอภิเสกสมรสกับเจ้าสามพระยาไห้ครองเมืองชัยนาทหยู่ด้วยกัน ครั้นสมเด็ดพระอินทราชาธิราชสวรรคต เจ้าอ้ายกับเจ้ายี่พระยาราชบุตรที่เปนพี่ชิงราชสมบัติกัน รบกันสิ้นพระชนม์ทั้ง 2 พระองค์ เจ้าสามพระยาได้เปนพระเจ้าแผ่นดิน ซงพระนามว่า สมเด็ดพระบรมราชาธิราชที่ 2 นางราชธิดาของพระมหาธัมราชาที่ 4 ก็ได้เปนพระอัคมเหสี มีพระราชกุมารพระองค์หนึ่ง (คือสมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถ เปนเจ้านายองค์แรกที่เปนเชื้อสายทั้งราชวงส์พระร่วงและราชวงส์อู่ทองรวมหยู่ไนพระองค์) ประสูติเมื่อปีกุน พ.ส. 1974 สมเด็ดพระปิตุราชซงสถาปนาเปนพระราเมสวรที่รัชทายาท

ฝ่ายเมืองเหนือ ตั้งแต่สมเด็ดพระอินทราชาธิราชซงระงับจลาจลแล้ว แม้การพายนอกเรียบร้อยเปนปรกติ แต่ชาวเมืองสรีสัชนาลัยกับชาวเมืองสองแควยังถือตัวเปนต่างพวกกัน ไม่ชอบกัน พระยารามคำแหง เจ้าเมืองสรีสัชนาลัย ถึงพิราลัยไปก่อนพระมหาธัมราชาที่ 4 พระยายุธิสถิระ (ไนหนังสือพระราชพงสาวดารเรียกว่า "พระยาเชลียง") ผู้เปนบุตร ได้เปนเจ้าเมืองสรีสัชนาลัยปกครองพัคพวกของบิดาต่อมา ครั้นพระมหาธัมราชาที่ 4 สิ้นพระชนม์ ชะรอยจะมีแต่ราชบุตรที่มิได้เปนลูกมเหสี พระยายุธิสถิระ เจ้าเมืองสรีสัชนาลัย จึงถือว่า ตัวควนจะได้เปนพระมหาธัมราชาโดยสืบสิทธิมาจากพระยารามคำแหง แต่พวกเมืองสองแควไม่ยอม เมืองเหนือจึงเกิดชิงกันเปนพระมหาธัมราชาขึ้นอีก แต่ผู้หลักผู้ไหย่ไนเมืองเหนือที่เปนกลางเกรงจะเกิดรบพุ่งกันเปนจลาจลเหมือนหนหลัง จึงเปรียบเทียบไห้มาทูนขอพระราเมสวรขึ้นไปครองเมืองเหนือโดยเปนราชนัดดาของพระมหาธัมราชาที่ 4 ด้วยเห็นว่า คงไม่มีไครขัดแขง เพราะเกรงอานุภาพของสมเด็ดพระบรมราชาธิราช ฝ่ายสมเด็ดพระบรมราชาธิราชก็ซงยินดี ด้วยเห็นเปนทางที่จะรวมเมืองเหนือกับเมืองไต้ไห้เปนราชอานาเขตเดียวกันไนพายหน้า และซงเชื่อว่า พระราชโอรสขึ้นไปหยู่เมืองเหนือคงปลอดภัย เพราะพระญาติวงส์ทางฝ่ายพระชนนีที่หยู่ นะ เมืองสองแควมีมาก คงช่วยกันอุปการะ จึงประทานอนุญาตไห้พระราเมสวรขึ้นไปครองเมืองเหนือ มิไช่หยู่ดี ๆ จะไห้พระราชโอรสอันเปนรัชทายาทขึ้นไปเสี่ยงภัยครองเมืองเหนือตามอำเพอพระราชหรึทัยดังหนังสือพงสาวดารชวนไห้เข้าไจว่าเปนเช่นนั้น พระราเมสวรขึ้นไปครองเมืองเหนือ บ้านเมืองก็เรียบร้อยได้ดังประสงค์

ถึงปีมะโรง พ.ส. 1991 สมเด็ดพระบรมราชาธิราชที่ 2 สวรรคต พระราเมสวรได้รับรัชทายาท ซงพระนามว่า สมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถ เปนพระเจ้าแผ่นดินพระองค์แรกที่ครองทั้งเมืองเหนือกับเมืองไต้โดยสิทธิของพระองค์เองด้วยเปนเชื้อสายทั้งสองราชวงส์ เพราะเหตุนั้น จึงไม่ซงตั้งไครไห้เปนพระมหาธัมราชาครองเมืองเหนือ แต่ส่วนพระองค์เอง เมื่อราชาภิเสกแล้ว ต้องประทับหยู่ที่พระนครสรีอยุธยาช้านาน เพราะเมืองมะละกาเปนกบดขึ้นไนแหลมมลายู การปกครองทางเมืองเหนือก็เสื่อมซามลง สมัยนั้นประจวบเวลาพระเจ้าติโลกราชเมืองเชียงไหม่มีอานุภาพปราบปรามเอาเมืองไหย่น้อยไนแว่นแคว้นลานนาไว้ได้ไนอำนาดโดยมาก กำลังจะคิดขยายเขตไห้กว้างไหย่ไพสาลต่อออกไป ฝ่ายพระยายุธิสถิระ เจ้าเมืองสรีสัชนาลัยอันแดนต่อกับอานาเขตของพระเจ้าเชียงไหม่ ก็อยากเปนพระมหาธัมราชามาช้านานแล้ว เห็นได้ช่อง ด้วยสมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถมิได้สเด็ดหยู่ที่เมืองเหนือ จึงลอบไปฝักไฝ่กับพระเจ้าเชียงไหม่ ชักชวนพระเจ้าติโลกราชไห้มาตีเอาเมืองเหนือเปนอานาเขต แล้วจะได้ตั้งไห้ตัวเปนพระมหาธัมราชา กิตติสัพท์ที่พระยายุธิสถิระเปนกบดซาบถึงพระบรมไตรโลกนาถ จะไห้เอาตัวมาชำระ พระยายุธิสถิระจะปกปิดความชั่วต่อไปไม่ได้ ก็ออกหน้าเปนกบด ไห้กวาดต้อนผู้คนชาวเมืองสรีสัชนาลัยพาข้ามเขตแดนไปเข้ากับเมืองเชียงไหม่ แล้วนำกองทัพพระเจ้าติโลกราชมาตีเมืองเหนือเมื่อปีมะเสง พ.ส. 2004 ได้ทั้งเมืองสรีสัชนาลัยและเมืองสุโขทัยไปเปนของพวกเชียงไหม่หยู่คราวหนึ่ง สมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถต้องสเด็ดขึ้นไปซงบัญชาการสึกหยู่ที่เมืองเหนือ จะทิ้งพระนครสรีอยุธยาไห้แต่เสนาบดีสำเหร็ดราชการรักสาพระนครก็ไม่วางพระราชหรึทัย เกรงจะมีสัตรูมาทางทเลอีกทางหนึ่ง ด้วยเวลานั้นพวกฝรั่งโปรตุเกสมาตีได้เมืองมะละกา จึงซงตั้งพระบรมราชา ราชโอรส เปน "สมเด็ดพระบรมราชา" มียสและอำนาดหย่างพระเจ้าแผ่นดินปกครองป้องกันกรุงสรีอยุธยาอีกพระองค์หนึ่ง จึงมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์พร้อมกันขึ้นเปนทีแรกไนครั้งนั้น

สมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถประทับหยู่ที่เมืองสองแควทำสงครามกับเมืองเชียงไหม่มาหลายปีจึงได้เมืองเหนือคืนมาจากข้าสึกหมด และพระเจ้าติโลกราชก็ไห้มาขอเปนไมตรีดังแต่ก่อน จึงเลิกสงครามเมื่อปีมะแม พ.ส. 2018 เมื่อเส็ดสงครามแล้ว สมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถซงพระราชดำหริว่า ถ้าสเด็ดกลับลงมาหยู่พระนครสรีอยุธยาหย่างเดิม ก็จะมีเจ้านายเมืองเหนือคิดอ่านพยายามเปนพระมหาธัมราชาไห้เกิดยุ่งยากขึ้นอีกเหมือนหนหลัง อีกประการหนึ่ง สมเด็ดพระบรมราชา ราชโอรส ก็ปกครองพระนครเปนปรกติดีไม่มีห่วงไย จึงเลยสเด็ดประทับเสวยราชย์ครองประเทสไทยหยู่ที่เมืองเหนือ เอาเมืองสองแควเปนราชธานี ไห้เปลี่ยนนามเปนเมืองพิสนุโลก อันหมายความว่า เปนที่สถิตของพระนารายน์ เช่นเดียวกับพระนครสรีอยุธยา หมายความว่า เปนที่สถิตพระรามาวตาร ที่ไห้รวมเมืองเชลียงกับเมืองสรีสัชนาลัยเปนเมืองเดียวกันตั้งชื่อไหม่ว่า เมืองสวรรคโลก ก็คงเปนไนครั้งเดียวกันนั้น เมื่อสมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถสเด็ดประทับหยู่เมืองพิสนุโลกครั้งนั้น ได้เจ้าหยิงไนราชวงส์พระร่วงองค์หนึ่งเปนพระอัครมเหสี มีพระราชกุมารประสูติเมื่อปีมะโรง พ.ส. 2015 ซงพระนามว่า พระเชสถา เมื่อพระชันสาได้ 13 ปี สมเด็ดพระปิตุราชซงสถาปนาไห้เปนพระมหาอุปราชเมืองพิสนุโลก การที่สมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถซงตั้งพระราชโอรสพระองค์น้อยเปนพระมหาอุปราชเมืองพิสนุโลกนั้น คิดเห็นเหตุได้ไม่ยาก คงเปนเพราะตระหนักพระราชหรึทัยว่า การปกครองเมืองเหนือกับเมืองไต้เปนอานาเขตเดียวกันหย่างเช่นพระองค์ได้ซงครองเมื่อแรกเสวยราชย์นั้นไม่ปลอดภัย ต่อไปควนจะแยกการปกครองเปน 2 อานาเขตหย่างเก่า แต่ไห้พระเจ้าแผ่นดินซงปกครองเองอานาเขตหนึ่งไห้รัชทายาทปกครองอานาเขตหนึ่งไนราชวงส์อันเดียวกัน การปกครองบ้านเมืองกับการสืบราชวงส์ซึ่งซงครองประเทสไทยทั้งหมดจึงจะเข้ากันได้โดยเรียบร้อย จึงซงสถาปนาสมเด็ดพระบรมราชาเปนรัชทายาทครองเมืองไต้ ไห้พระเชตถาเปนมหาอุปราชสำหรับจะครองเมืองเหนือและเปนรัชทายาทของสมเด็ดพระบรมราชาด้วย ก็เปนยุติตกลงตามพระราชดำหริ ถึงปีวอก พ.ส. 2031 สมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถสวรรคต สมเด็ดพระบรมราชาได้รับรัชทายาท ซงพระนามว่า "สมเด็ดพระบรมราชาธิราชที่ 3" จึงซงสถาปนาสมเด็ดพระเชตถา อนุชาธิราชซึ่งเปนพระมหาอุปราชครองเมืองเหนือหยู่แล้ว ไห้เปนพระเจ้าแผ่นดินครองเมืองเหนือ ซงพระนามว่า "สมเด็ดพระเชตถาธิราช" เหมือนหย่างสมเด็ดพระปิตุราชเคยซงสถาปนาพระองค์เองไห้เปนพระเจ้าแผ่นดินครองเมืองไต้มาแต่ก่อน จึงมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์พร้อมกันขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เปนแต่ย้ายราชธานีของประเทสไทยกลับมาหยู่ที่พระนครสรีอยุธยาดังเก่าแต่นี้ไป

เมื่อค้นได้เรื่องมาถึงเพียงนี้ เลยคิดเห็นโดยพิจารนาเรื่องพงสาวดารต่อไปจนถึงรัชกาลสมเด็ดพระนเรสวรมหาราชว่า เพราะเหตุไดสมเด็ดพระนเรสวรมหาราชจึงซงตั้งสมเด็ดพระเอกาทสรถเปนพระเจ้าแผ่นดินอีกพระองค์หนึ่ง และเพราะเหตุไดจึงรวมอานาเขตเมืองเหนือเปนอานาเขตเดียวกันกับเมืองไต้ได้ไนที่สุด จึงเขียนไว้ด้วยไนตอนต่อไปนี้

(4)

สมเด็ดพระบรมราชาธิราชที่ 3 ครองราชสมบัติหยู่เพียง 3 ปี ถึงปีกุน พ.ส. 2034 สวรรคต สมเด็ดพระเชสถาธิราชได้รับรัชทายาท ราชาภิเสก ซงพระนามว่า สมเด็ดพระรามาธิบดีที่ 2 ไนเวลานั้น เมืองเหนือเรียบร้อย ด้วยสมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถสเด็ดขึ้นไปประทับหยู่ถึง 25 ปี ปราบปรามเสี้ยนหนามพายไน และเมืองเชียงไหม่สิ้นพระเจ้าติโลกราชแล้วก็หมดอานุภาพ สมเด็ดพระรามาธิบดีที่ 2 จึงสเด็ดลงมาเสวยราชย์หยู่ นะ พระนครสรีอยุธยา เพราะพวกฝรั่งโปรตุเกสกำลังจะเข้ามาขอค้าขายไนเมืองไทย และพระองค์เองก็ยังไม่เคยคุ้นกับพระราชอานาเขตข้างฝ่ายไต้มาแต่ก่อน แต่เมื่อสมเด็ดพระรามาธิบดีเสวยราชย์นั้น พระชันสาเพียง 19 ปี ยังไม่มีพระราชโอรสที่จะไห้ครองเมืองเหนือ จะซงจัดวางการปกครองไว้หย่างไร ไนชั้นแรกหาปรากตไม่ จนพระอาทิตยวงส์ ราชโอรสพระองค์ไหย่อันเกิดด้วยพระอัคมเหสี ซงพระจเรินวัย จึงซงสถาปนาเปนพระบรมราชาที่หน่อพุทธางกูรตามกดมนเทียรบาล แล้วไห้ขึ้นไปครองเมืองเหนือหยู่ นะ เมืองพิสนุโลก ไนรัชกาลสมเด็ดพระรามาธิบดีที่ 2 นั้น เจ้านายและท้าวพระยาข้าราชการที่เปนชาวเมืองเหนือกับชาวเมืองไต้เห็นจะทำราชการระคนปนกันมากหยู่แล้ว ยังถือเปนต่างพวกกันแต่ชั้นราสดรพลเมือง การปกครองจึงยังต้องแยกออกเปน 2 อานาเขตหยู่หย่างเดิม ถึง พ.ส. 2071 สมเด็ดพระรามาธิบดีที่ 2 เสวยราชย์ได้ 39 ปี สวรรคต พระอาทิตยวงส์ หน่อพุทธางกูร ราชโอรส ได้รับรัชทายาท ซงพระนามว่า สมเด็ดพระบรมราชาธิราชที่ 4 (แต่ไนหนังสือพระราชพงสาวดารเรียกว่า สมเด็ดพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร) แต่เสวยราชย์หยู่ได้เพียง 5 ปี ประชวรออกไข้ทรพิสสวรรคตเมื่อ พ.ส. 2076 พวกข้าราชการยกพระรัสดาธิราชกุมาร ราชโอรส พระชันสาได้ 5 ขวบ ขึ้นเปนพระเจ้าแผ่นดินหยู่ได้เพียง 5 เดือน พระชัยราชาธิราชก็ชิงราชสมบัติเปนพระเจ้าแผ่นดินต่อมา

เรื่องพงสาวดารตอนนี้ชวนไห้เกิดฉงน ด้วยไนหนังสือพระราชพงสาวดารไม่บอกไว้ว่า พระชัยราชาเปนราชบุตรหรือราชนัดดาของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ได และมีถานะเปนอะไรหยู่ก่อน จึงสามารถชิงราชสมบัติได้ ถึงพระเทียรราชาที่ได้เสวยราชย์ ซงพระนามว่า สมเด็ดพระมหาจักรพรรดิ ไนรัชกาลต่อมา ก็ไม่ปรากตว่า เปนราชบุตรหรือราชนัดดาของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ได ได้แต่คิดคาดดูโดยสังเกตเค้าเงื่อนและเหตุการน์ปรากตว่า พระนามที่เรียกว่า พระชัยราชา และ พระเทียรราชา นั้น สแดงว่า เปนราชบุตรของพระเจ้าแผ่นดิน จึงสันนิถานว่า พระชัยราชาเห็นจะเปนราชบุตรของสมเด็ดพระรามาธิบดีที่ 2 เกิดด้วยนักสนมซึ่งเปนชาวเมืองเหนือ และได้เปนผู้รั้งราชการเมืองเหนือเมื่อรัชกาลก่อน จึงมีกำลังสามาถลงมาชิงราชสมบัติได้ และเมื่อได้เปนพระเจ้าแผ่นดินแล้ว จึงสามาถรวมชาวเมืองเหนือกับเมืองไต้เข้ากองทัพไปตีเมืองเชียงไหม่เปนหลายครั้ง ส่วนพระเทียรราชานั้น ไนหนังสือปินโตโปรตุเกสแต่งกล่าวว่า เปนน้องยาเธอของสมเด็ดพระชัยราชาธิราชต่างพระชนนีกัน ก็เข้าเรื่องถูกต้อง แต่พระชนนีคงเปนชาวเมืองไต้ พระเทียรราชาจึงมิได้สนิธกับชาวเมืองเหนือเหมือนหย่างพระชัยราชา

เมื่อสมเด็ดพระชัยราชาธิราชครองราชสมบัติหยู่ นะ พระนครสรีอยุธยา คงไห้พระญาติที่ไว้พระทัยได้รั้งราชการเมืองเหนือ ไนหนังสือพระราชพงสาวดารเรียกว่า "พระยาพิสนุโลก" ความก็หมายเพียงว่า เปนผู้ครองเมืองพิสนุโลก จะเปนไครรู้ไม่ได้ แต่คงไห้รั้งราชการรอท่ากว่าจะซงตั้งรัชทายาทขึ้นไปครองเมืองเหนือตามประเพนี สมเด็ดพระชัยราชาธิราชครองราชสมบัติหยู่ 19 ปี ถึง พ.ส. 2089 สวรรคต ไม่มีราชโอรสเกิดด้วยมเหสี มีแต่ราชบุตรเกิดด้วยท้าวสรีสุดาจันท์ พระสนมเอก ซงพระนามว่า พระยอดฟ้า (หนังสือบางฉบับเรียกว่า พระแก้วฟ้า) พระชันสาได้ 11 ปี ข้าราชการพร้อมไจกันยกขึ้นเปนพระเจ้าแผ่นดิน

พระบาทสมเด็ดพระมงกุดเกล้าเจ้าหยู่หัวเคยตรัดแก่ฉันครั้งหนึ่งว่า เรื่องพงสาวดารรัชกาลสมเด็ดพระยอดฟ้าที่ปรากตไนหนังสือพระราชพงสาวดารดูราวกับเรื่องละคอน ไห้ฉันพิจารนาดูสักทีว่า เรื่องที่จิงจะเปนหย่างไร ฉันพิจารนาดูตามรับสั่งก็แลเห็นเค้าเรื่องที่จะเปนความจิง ได้เขียนบันทึกทูนเกล้าฯ ถวายตามความคิดของฉัน ถึงมิไช่ท้องเรื่องของนิทานนี้ บางทีผู้อ่านจะชอบตรวดวินิจฉัยเรื่องนั้น จึงเขียนเนื้อความฝากไว้ไนนิทานเรื่องนี้ด้วย

เมื่อสมเด็ดพระยอดฟ้าเสวยราชย์ พระชันสาได้เพียง 11 ปี ยังว่าราชการไม่ได้ ข้าราชการทั้งปวงจึงขอไห้พระเทียรราชา ผู้เปนพระเจ้าอา ว่าราชการบ้านเมืองแทนพระองค์ ส่วนท้าวสรีสุดาจันท์ได้เปนพระชนนีพันปีหลวง ก็มีอำนาดสิทธิ์ขาดฝ่ายข้างไน แต่นางเปนคนมักมากด้วยราคจริต อยากได้พระเทียรราชาเปนสามีไหม่ ฝ่ายพระเทียรราชาไม่ปราถนาจะทิ้งพระ (สุริโยทัย) ชายาเดิม แต่จะปติเสธไมตรีของท้าวสรีสุดาจันท์ก็เกรงภัย และบางทีพระชายาเดิมจะขึ้งเคียด ด้วยเกรงพระเทียรราชาจะไปคบกับท้าวสรีสุดาจันท์ พระเทียรราชาได้ความรำคาน มิรู้ที่จะทำหย่างไร จึงไช้อุบายออกซงผนวชเปนภิกสุเสีย ท้าวสรีสุดาจันท์ไม่ได้พระเทียรราชาเปนสามีโดยเปิดเผย จึงลอบเปนชู้กับพันบุตรสรีเทพ ชายหนุ่มซึ่งเปนญาติกัน เดิมก็หมายเพียงจะคบหาเปนหย่างชู้ แต่ผเอินนางมีครรภ์ขึ้น เห็นจะเกิดภัยอันตราย จึงคิดป้องกันตัวด้วยตั้งพันบุตรสรีเทพเปนขุนวรวงสาธิราช ตำแหน่งราชนิกุล ไห้มีหน้าที่เปนผู้รับสั่งของนาง (เช่นเปนเลขานุการ) ตั้งแต่ยังมีครรภ์อ่อน แล้วค่อยเพิ่มอำนาดไห้แก่ขุนวรวงสาฯ บังคับบันชาการงานมีผู้คนเปนกำลังมากขึ้นโดยลำดับ กิตติสัพท์ที่ท้าวสรีสุดาจันท์มีชู้รู้ไปถึงเจ้าพระยามหาเสนาบดีที่สมุหพระกลาโหมซึ่งทำนองจะได้เปนผู้ว่าราชการแผ่นดินแทนพระเทียรราชา ปรารภปรึกสาเพื่อนข้าราชการผู้ไหย่ว่า จะควนทำหย่างไร ความนั้นรู้ไปถึงท้าวสรีสุดาจันท์ ก็ไห้ลอบแทงเจ้าพระยามหาเสนาฯ ตาย แต่นั้น นางก็ยิ่งมีอำนาด ด้วยไม่มีผู้ไดกล้าขัดขวาง ผู้คนยิ่งครั่นคร้ามขุนวรวงสา ๆ จึงเปนผู้มีอำนาดขึ้นไนแผ่นดิน

ฝ่ายสมเด็ดพระยอดฟ้า แม้พระชันสาเพียง 12 ปี เมื่อซงซาบว่า นางชนนีมีชู้ ก็เดือดร้อนรำคานพระหรึทัย แต่มิรู้ที่จะทำประการได ด้วยยังซงพระเยาว์ คงปรับทุขกับขุนพิเรนทรเทพ เจ้ากรมตำหรวดซึ่งเปนพระญาติและเปนราชองครักส์เคยหยู่ไกล้ชิดมาตั้งแต่สมเด็ดพระชัยราชาธิราช ซงไว้วางพระราชหรึทัยมาแต่ก่อน ขุนพิเรนทรเทพทูนรับจะคิดอ่านกำจัดขุนวรวงสาฯ ความคิดเดิมคงหยู่เพียงกำจัดขุนวรวงสาฯ เท่านั้น หาได้คิดกำจัดท้าวสรีสุดาจันท์ด้วยไม่ แต่รู้ไปถึงท้าวสรีสุดาจันท์ว่า ขุนพิเรนทรเทพเข้าเฝ้าสมเด็ดพระยอดฟ้าบ่อย ๆ สงสัยว่า ขุนพิเรนทรเทพจะยุยงไห้คิดร้าย จึงไห้ถอดเสียจากตำแหน่งไนราชการ ขุนพิเรนทรเทพจึงต้องไปเที่ยวหาคนร่วมคิดไนเหล่าข้าราชการชั้นต่ำที่ถูกถอดแล้วบ้าง ยังหยู่ไนตำแหน่งบ้าง เช่น หลวงสรียสบ้านลานตากฟ้า และหมื่นราชเสน่หา เปนต้น คงมีคนอื่นอีกแต่หากไม่ปรากตชื่อ ความประสงค์ของขุนพิเรนทรเทพฯ เมื่อชั้นแรกเปนแต่จะช่วยสมเด็ดพระยอดฟ้า ยังมิได้คิดที่จะถวายราชสมบัติแก่พระเทียรราชา ครั้นท้าวสรีสุดาจันท์คลอดลูก ข่าวนั้นระบือแพร่หลาย ขุนวรวงสาฯ เห็นว่า จะปกปิดความชั่วไว้ไม่ได้ต่อไป ก็คิดเอาแผ่นดินไปตามเลย มิฉะนั้น ก็จะเปนอันตราย จึงลอบปลงพระชนม์สมเด็ดพระยอดฟ้าโดยท้าวสรีสุดาจันท์มิได้รู้เห็นเปนไจด้วย สมเด็ดพระยอดฟ้าเปนพระเจ้าแผ่นดินหยู่เพียง 2 ปีก็ถูกปลงพระชนม์ ท้าวสรีสุดาจันท์รู้ต่อเมื่อสมเด็ดพระยอดฟ้าสวรรคตเสียแล้ว ก็จำต้องยกขุนวรวงสาฯ ขึ้นเปนพระเจ้าแผ่นดิน ฝ่ายพวกขุนพิเรนทรเทพก็ต้องคิดหาพระเจ้าแผ่นดินไหม่ จึงพร้อมไจกันไปเชินพระเทียรราชาครองราชสมบัติและเสี่ยงเทียนกันไนตอนนี้ แต่ไม่มีกำลังพอจะเข้าไปจับขุนวรวงสาฯ ถึงไนวัง จึงไปตั้งซุ่มดักทางจับขุนวรวงสาฯ กับท้าวสรีสุดาจันท์และลูกที่เกิดด้วยกันค่าเสียเมื่อลงเรือไปดูจับช้าง แล้วชวนข้าราชการทั้งปวงพร้อมไจกันเชินพระเทียรราชาขึ้นเปนพระเจ้าแผ่นดินเมื่อ พ.ส. 2091 ซงพระนามว่า สมเด็ดพระมหาจักรพัดิ เรื่องที่จิงน่าจะเปนดังว่ามา

ไนหนังสือพระราชพงสาวดารว่า เมื่อสมเด็ดพระมหาจักรพัดิปูนบำเหน็ดผู้มีความชอบนั้น ซงพระราชดำหริว่า ขุนพิเรนทรเทพมีความชอบยิ่งกว่าผู้อื่น และตัวเองก็เปนเชื้อสายราชวงส์พระร่วง จึงซงตั้งไห้เปนพระมหาธัมราชาครองเมืองพิสนุโลก และพระราชทานพระวิสุทธิกษัตรี ราชธิดา ไห้เปนพระชายาด้วย แต่พิจารนาตามเรื่องพงสาวดารที่เล่ามาก่อน เห็นว่า ที่สมเด็ดพระมหาจักรพัดิซงตั้งขุนพิเรนทรเทพเปนพระมหาธัมราชาครั้งนั้นเปนราโชบายไนการเมืองด้วย เพราะตำแหน่งพระมหาธัมราชาได้ครองอานาเขตเมืองเหนือทั้งหมด มิไช่แต่เปนเจ้าเมืองพิสนุโลกเมืองเดียวเท่านั้น แต่ก่อนมา เมื่อเลิกตำแหน่งพระมหาธัมราชาชาวเมืองเหนือแล้ว พระเจ้าแผ่นดินก็ซงตั้งพระราชโอรสผู้เปนรัชทายาทขึ้นไปครองเมืองเหนือหยู่ นะ เมืองพิสนุโลก เพราะเปนตำแหน่งสำคัน มีอำนาดรองแต่พระเจ้าแผ่นดินลงมา สมเด็ดพระมหาจักรพัดิควนจะตั้งพระราเมสวร ราชโอรสรัชทายาท ขึ้นไปครองเมืองเหนือเหมือนหย่างพระเจ้าแผ่นดิน เหตุไฉนจึงไม่ตั้ง ข้อนี้สันนิถานว่า น่าจะเปนเพราะซงพระราชดำหริว่า ทั้งพระองค์เองและพระราชโอรสมิได้เปนเชื้อสายสนิธกับราชวงส์พระร่วงและไม่เคยคุ้นกับชาวเมืองเหนือ ถ้าไห้พระราเมสวรขึ้นไปครองเมืองเหนือ เกรงจะเกิดกะด้างกะเดื่องเหมือนครั้งสมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถ ขุนพิเรนทรเทพเปนเชื้อสายพระร่วง ชาวเมืองเหนือคงไม่รังเกียด ทั้งได้ทำความชอบมาก ถึงจะพระราชทานบำเหน็ดหย่างไรก็ไม่เกินไป จึงโปรดไห้อภิเสกสมรสกับพระราชธิดาเลื่อนยสขึ้นเปนเจ้าเพราะเปนราชบุตรเขยก่อน แล้วจึงซงตั้งไห้เปนพระมหาธัมราชาขึ้นไปครองเมืองเหนือด้วยกันกับพระราชธิดา โดยซงพระราชดำหริว่า ถ้ามีพระหน่อ ก็จะเปนเชื้อสายตั้งราชวงส์พระร่วงกับราชวงส์อู่ทองเชื่อม 2 ราชวงส์ไห้สนิธยิ่งขึ้นไนพายหน้า ต่อมาก็สมดังพระราชหรึทัยหวัง กับทั้งเปนคุนแก่บ้านเมืองได้จิง ด้วยเกิดสมเด็ดพระนเรสวรกับสมเด็ดพระเอกาทสรถทั้ง 2 พระองค์

สมเด็ดพระมหาจักรพัดิเสวยราชย์เมื่อ พ.ส. 2091 บ้านเมืองเปนสุขมาได้ 15 ปี แล้วก็ถึงคราวเคราะห์ร้ายของเมืองไทย ด้วยพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองมีอานุภาพเปนพระเจ้าราชาธิราชขึ้น เริ่มมาตีเมืองไทยเมื่อ พ.ส. 2106 ครั้งหนึ่ง แล้วมาตีเมื่อ พ.ส. 2111 อีกครั้งหนึ่ง มีชัยชนะ เอาสมเด็ดพระมหาจักรพัดิกับสมเด็ดมหินทราธิราชออกจากราชสมบัติ แล้วตั้งไห้พระมหาธัมราชา พระบิดาสมเด็ดพระนเรสวร เปนพระเจ้าแผ่นดินครองเมืองไทยเปนประเทสราชขึ้นต่อกรุงหงสาวดี แต่เรื่องไม่เกี่ยวกับเนื้อความของนิทานนี้ ควนกล่าวแต่ไห้ปรากตว่า พอพระมหาธัมราชาได้เปนพระเจ้าแผ่นดิน ก็ซงตั้งสมเด็ดพระนเรสวรไห้ขึ้นไปครองเมืองเหนือหยู่ นะ เมืองพิสนุโลก ไห้เห็นว่า ยังปกครองเมืองเหนือกับเมืองไต้เปน 2 อานาเขตหยู่ตามเดิมมาจนไนสมัยนั้น เมืองไทยรัชกาลสมเด็ดพระมหาธัมราชาธิราชต้องเปนเมืองขึ้นพระเจ้าหงสาวดีหยู่ถึง 15 ปี จนพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองสวรรคตเมื่อ พ.ส. 2124 พระมหาอุปราชา ราชโอรส ได้รับรัชทายาทเปนพระเจ้าหงสาวดี ซงพระนามว่า "พระเจ้านันทบุเรง" สมเด็ดพระนเรสวรซงเห็นว่า พระเจ้าหงสาวดีองค์ไหม่ไร้ความสามาถ ไม่ต้องยำเกรงเหมือนพระเจ้าบุเรงนอง ก็ประกาสตั้งเมืองไทยกลับเปนอิสระเมื่อ พ.ส. 2127 พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงจึงไห้กองทัพยกเข้ามาปราบปรามเมืองไทย ไนการสู้สึกหงสาวดีครั้งนั้น สมเด็ดพระนเรสวรซงบันชาการสิทธิ์ขาด ซงพระดำหริว่า จะตั้งต่อสู้ทั้งที่เมืองเหนือและเมืองไต้คงแพ้ข้าสึกเหมือนหนหลัง เพราะข้าสึกมีกำลังมากนัก และที่เมืองเหนือก็ไม่มีชัยภูมิเหมือนกับเมืองไต้ จึงตรัดสั่งไห้ทิ้งเมืองเหนือไห้ร้างทั้งหมด อพยพเอาผู้คนเมืองเหนือลงมาสมทบกับชาวเมืองไต้ ตั้งต่อสู้ข้าสึกด้วยเอาพระนครสรีอยุธยาเปนถานทัพแต่แห่งเดียว กองทัพพวกหงสาวดีมาทีไร ก็สามาถตีแตกไปทุกครั้ง แม้จนพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงสเด็ดยกกองทัพหย่างไหย่หลวงลงมาเองเมื่อ พ.ส. 2119 ก็เอาชัยชนะไม่ได้ ต้องล่าทัพกลับไป

เมื่อพระเจ้าหงสาวดีเลิกทัพกลับไปแล้ว ที่กรุงสรีอยุธยายังต้องเตรียมตัวหยู่ ด้วยไม่รู้ว่าข้าสึกจะยกมาเมื่อได ไนระหว่างเวลาว่างสงครามนั้น สมเด็ดพระมหาธัมราชาธิราชสวรรคตเมื่อ พ.ส. 2133 สมเด็ดพระนเรสวรได้รับรัชทายาทเปนพระเจ้าแผ่นดินเมื่อพระชันสา 35 ปี ส่วนพระองค์ก็เปนหมัน ไม่มีพระราชโอรสธิดา มีแต่พระเอกาทสรถ อนุชา เปนรัชทายาท ทั้งได้เปนคู่พระชนมชีพสู้สงครามกู้บ้านเมืองมาด้วยกัน แม้โดยถานะก็พึงคิดเห็นได้ว่า ถ้าเปนเวลาบ้านเมืองเปนปรกติ สมเด็ดพระนเรสวรคงซงสถาปนาพระเอกาทสรถไห้เปนพระเจ้าแผ่นดินครองเมืองเหนือเหมือนหย่างเมื่อครั้งสมเด็ดพระบรมราชาธิราชที่ 3 ซงสถาปนาพระเชตถา ราชอนุชา ไห้เปนพระเจ้าแผ่นดินครองเมืองเหนือ หรือที่สมเด็ดพระบรมไตรโลกนาถซงสถาปนาพระบรมราชา ราชโอรส เปนพระเจ้าแผ่นดินครองเมืองไต้มาแต่ก่อน แต่เมื่อสมเด็ดพระนเรสวรซงเสวยราชย์นั้น เมืองเหนือร้าง ผู้คนพลเมืองเหนือลงมาหยู่เมืองไต้หมด จะทำหย่างแบบเดิมทั้งหมดไม่ได้ จึงซงสถาปนาเปนพระเจ้าแผ่นดิน ซงพระนามว่า สมเด็ดพระเอกาทสรถฯ ไห้ปกครองชาวเมืองเหนือบันดาที่ลงมาหยู่ไนเมืองไต้ จึงมีพระเจ้าแผ่นดินประทับหยู่ไนราชธานีเดียวกันทั้ง 2 พระองค์เปนครั้งแรก ความที่ว่ามานี้มีหลักถาน ด้วยมีพระราชกริสดีกาของสมเด็ดพระเอกาทสรถปรากตหยู่ไนกดหมายเก่า หมวดลักสนะกบดสึกบทหนึ่ง ตั้งเมื่อ นะ วันพรึหัสบดี เดือน 3 แรม 11 ค่ำ ปีขาล จุลสักราช 954 (พ.ส. 2136) เปนปีที่ 4 ไนรัชกาลสมเด็ดพระนเรสวร พายหลังสมเด็ดพระนเรสวรซงชนช้างชนะพระมหาอุปราชาเมืองหงสาวดีได้ปีหนึ่ง ไนพระราชกริสดีกานั้น เมื่อตั้งต้นบอกสุภมาสวันคืนและอ้างพระราชโองการสมเด็ดพระเอกาทสรถแล้ว กล่าวความว่า ข้าราชการฝ่ายทหานพลเมืองซึ่งเกนท์เข้ากะบวนทัพไป "รบพุ่งด้วยสมเด็ดบรมบาทบงกชลักสน์อรรคปุริโสดมบรมหน่อนราเจ้าฟ้านเรสวรเชตถาธิบดีมีชัยชำนะแก่มหาอุปราชหน่อพระเจ้าชัยทสทิสเมืองหงสาวดี (ทั้ง) ฝ่ายทหานพลเมืองล้มตายไนนรงคสงครามเปนอันมาก และรอดชีวิตมาได้ก็เปนอันมากนั้น ซงพระกรุนาพระราชทานพูนบำเหน็ด" ไห้ยกหนี้หลวงพระราชทานแก่ผู้หยู่ และพระราชทานแก่บุตรพรรยาผู้ตายด้วยทั้งหมด พระราชกริสดีกานี้เห็นได้ว่า ยกหนี้พระราชทานชาวเมืองเหนือ จึงไช้พระนามสมเด็ดพระเอกาทสรถ ถ้ายกหนี้พระราชทานทั่วไปหมดทั้งชาวเมืองเหนือและเมืองไต้ จำต้องเปนพระราชกริสดีกาของสมเด็ดพระนเรสวรมหาราช

การปกครองเมืองไทยที่เคยแยกเปนเมืองเหนือเมืองไต้ต่างอานาเขตกันก็เลิกมาแต่รัชกาลสมเด็ดพระนเรสวรฯ เพราะสมัยนั้น เมืองไทยตกหยู่ไนยุคมหาสงครามมาถึง 30 ปี ผู้คนพลเมืองล้มตายหายจากไปเสียมาก ทั้งต้องต้อนชาวเมืองเหนือเอาลงมาสมทบกับชาวเมืองไต้ต่อสู้ข้าสึกหยู่ที่พระนครสรีอยุธยาก็หลายปี จนคนทั้งสองอานาเขตคุ้นกันจนสิ้นความรังเกียด ไม่จำเปนจะต้องปกครองเปน 2 อานาเขตหย่างแต่ก่อน เมื่อสมเด็ดพระนเรสวรฯ มีชัยคราวชนช้างชนะพระมหาอุปราชาแล้ว จึงโปรดไห้กลับตั้งเมืองเหนือทั้งปวงซึ่งได้ทิ้งร้างมา 8 ปี ไห้มีเจ้าเมืองกรมการปกครองขึ้นต่อพระนครสรีอยุธยาเหมือนหย่างหัวเมืองได้ เมืองไทยก็รวมอานาเขตเปนอันเดียวกันแต่นั้นมาจนตราบเท่าทุกวันนี้

ค้นหาต้นเหตุที่เมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์พร้อมกันไนบางสมัย ได้ความดังพรรนนามาด้วยประการฉะนี้.