พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ๒๕๕๔

จาก วิกิซอร์ซ
แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)


Seal of the Royal Command of Thailand
Seal of the Royal Command of Thailand


พระราชกฤษฎีกา


กำหนดวันเปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดบึงกาฬ


พ.ศ. ๒๕๕๔


_______________


ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.


ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔


เป็นปีที่ ๖๖ ในรัชกาลปัจจุบัน



พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวันเปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดบึงกาฬเพื่อการพิจารณาพิพากษาคดีต่อไป

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๓๔ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้



มาตรา ๑

พระราชกฤษฎีกานี้ เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ๒๕๕๔”


มาตรา ๒

พระราชกฤษฎีกานี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป[1]


มาตรา ๓

ให้เปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดบึงกาฬ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป และให้มีเขตอำนาจตลอดจังหวัดบึงกาฬ


มาตรา ๔

บรรดาคดีที่แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดหนองคายมีคำสั่งกำหนดให้นั่งพิจารณาที่ศาลจังหวัดบึงกาฬก่อนวันเปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดบึงกาฬ ให้แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดหนองคายมีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไปจนกว่าจะเสร็จ เว้นแต่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดหนองคายแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวเห็นสมควรให้โอนคดีไปพิจารณาพิพากษาที่ศาลจังหวัดบึงกาฬแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว และให้ถือว่ากระบวนพิจารณาที่ศาลจังหวัดหนองคายแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวได้ดำเนินการไปแล้วนั้นเป็นกระบวนพิจารณาที่ศาลจังหวัดบึงกาฬแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว


มาตรา ๕

ให้ประธานศาลฎีการักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้



ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี



หมายเหตุ

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้กำหนดให้แยกอำเภอบึงกาฬ อำเภอเซกา อำเภอโซ่พิสัย อำเภอบุ่งคล้า อำเภอบึงโขงหลง อำเภอปากคาด อำเภอพรเจริญ และอำเภอศรีวิไล ออกจากการปกครองของจังหวัดหนองคาย รวมตั้งขึ้นเป็นจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งท้องที่ที่นำมาจัดตั้งเป็นจังหวัดบึงกาฬเป็นท้องที่ที่เคยอยู่ในเขตศาลจังหวัดหนองคายทั้งหมด และเมื่อพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีผลใช้บังคับแล้วทำให้แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดหนองคายไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเยาวชนและครอบครัวในเขตท้องที่จังหวัดบึงกาฬอีกต่อไป การดำเนินคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชนและคดีครอบครัวจึงต้องกระทำในศาลจังหวัด ส่งผลให้เด็กและเยาวชนผู้ถูกดำเนินคดีไม่ได้รับประโยชน์จากการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวเท่าเทียมกับท้องที่อื่น สมควรเปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดบึงกาฬเพื่อทำหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดีเยาวชนและครอบครัว และโดยที่มาตรา ๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๓๔ บัญญัติว่า ในจังหวัดอื่นนอกจากจังหวัดที่ได้จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้จัดตั้งแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวขึ้นในศาลจังหวัดทุกศาล แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดจะเปิดทำการเมื่อใด ให้ประกาศโดยพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้



เชิงอรรถ[แก้ไข]

  1. ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนที่ ๔๐ ก/หน้า ๙/๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔




งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า

"มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"