โคลงโลกนิติ

จาก วิกิซอร์ซ
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)
แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)
แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)

โคลงโลกนิติ ฉบับศิลาจารึกวัดพระเชตุพนฯ

หมายเหตุ:
= สำนวนเก่า (สมุดไทย)
เลข = ลำดับบท
= เป็นสำนวนเก่าแต่เดิม
= สมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร (ศิลาจารึกวัดพระเชตุพนฯ)
เลข = ลำดับบท
(   ) = ซ้ำกับ , คล้ายกับ , ต่อเนื่องกับ, ดูเพิ่มที่
= กรมวิชาการ (ประชุมโคลงโลกนิติ)
เลข = ลำดับกำกับชุด
= โคลงนำ , โคลงส่งท้าย


- = ไม่มีบทนี้ในสำนวนนั้น มีแต่ในสำนวนอื่น
¿ = ต้องการให้ผู้เขียนอื่นช่วยตรวจ

 
ก ¿ · ด ๑ · ว ๐
อัญขยมบรมนเรศเรื้อง รามวงศ์
พระผ่านแผ่นไผททรง สืบไท้
แสวงยิ่งสิ่งสดับองค์ โอวาท
หวังประชาชนให้ อ่านแจ้งคำโคลง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๒ · ว ๐
ครรโลงโลกนิตินี้ นมนาน
มีแต่โบราณกาล เก่าพร้อง
เป็นสุภสิตสาร สอนจิต
กลดั่งสร้อยสอดคล้อง เวี่ยไว้ในกรรณ ฯ
 
 
ก ¿ · ด - · ว ๐
ทศนัขนอบน้อมมิ่ง อุตมางค์
ไตรรัตน์จัดเบญจางค์ แจ่มพร้อม
จักพร้องโลกนิติปาง สดับแต่ เดิมพ่อ
อรรถอื่นอ้างเลศล้อม ต่างต้องคัมภีร์ ฯ
 
 
ก ¿ · ด - · ว ๐
ถวายกรกรรพุ่มเพี้ยง บวรมาลย์มิ่งแฮ
ไตรรัตน์เรียบไตรทวาร เวียดเกล้า
โลกนิติสืบสาร ของเก่า
เตือนจิตสาธุชนเช้า ค่ำค้ำชูใจ ฯ
 
 
ก ¿ · ด - · ว ๐
โลกนิติในโลกล้วน แก่นสาร
คือบิดามารดาอาจารย์ เจี่ยวแล้
เชาเจ้าจ่อมใจบาณ ทิตร่ำ เรียนแฮ
เบิกศิลปปรีชาแท้ เลิศแล้วเมธี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๓ (๔) · ว ¿
ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา คบเพื่อน พาลนา
ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง เฟื่องให้เสียพงศ์ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๔ (๓) · ว ¿
ใบพ้อพันห่อหุ้ม กฤษณา
หอมระรวยรสพา เพริศด้วย
คือคนเสพเสน่หา นักปราชญ์
ความสุขซาบฤาม้วย ดุจไม้กลิ่นหอม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๕ (๖) · ว ¿
ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบ้าย
ภายในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน
ดุจดังคนใจร้าย นอกนั้นดูงาม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๖ (๗) · ว ¿
ขนุนสุกสล้างแห่ง สาขา
ภายนอกเห็นหนามหนา หนั่นแท้
ภายในย่อมรสา เอมโอช
สาธุชนนั้นแล้ เลิศด้วยดวงใจ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๗ (๘) · ว ¿
ยางขาวขนเรียบร้อย ดูดี
ภายนอกหมดใสสี เปรียบฝ้าย
กินสัตว์เสพปลามี ชีวิต
เฉกเช่นชนชาติร้าย นอกนั้นนวลงาม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๘ (๗) · ว ¿
รูปแร้งดูร่างร้าย รุงรัง
ภายนอกเพียงพึงชัง ชั่วช้า
เสพสัตว์ที่มรณัง นฤโทษ
ดังจิตสาธุชนกล้า กลั่นสร้างทางผล ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๙ (๑๐) · ว ¿
คนพาลผู้บาปแท้ ทุรจิต
ไปสู่หาบัณทิต ค่ำเช้า
ฟังธรรมอยู่เนืองนิตย์ บ่ทราบ ใจนา
คือจวักตักเข้า ห่อนรู้รสแกง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๑๐ (๙) · ว ¿
ผู้ใดใจฉลาดล้ำ ปัญญา
ได้สดับปราชญ์เจรจา อาจรู้
ยินคำบัดเดี๋ยวมา ซับซาบ ใจนา
คือมลิ้นคนผู้ ทราบรู้รสแกง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๑๑ (๑๒) · ว ¿
หมูเห็นสีหราชท้า ชวนรบ
กูสี่ตีนกูพบ ท่านไซร้
อย่ากลัวท่านอย่าหลบ หลีกจาก กูนา
ท่านสี่ตีนอย่าได้ วากเว้วางหนี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๑๒ (๑๑) · ว ¿
สีหราชร้องว่าโอ้ พาลหมู
ทรชาติครั้นเห็นกู เกลียดใกล้
ฤามึงใคร่รบดนู มึงมาศ เองนา
กูเกลียดมึงกูให้ พ่ายแพ้ภัยตัว ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๑๓ · ว ¿
กบเกิดในสระใต้ บัวบาน
ฤาห่อนรู้รสมาลย์ หนึ่งน้อย
ภุมราอยู่ไกลสถาน นับโยชน์ ก็ดี
บินโบกมาค้อยค้อย เกลือกเคล้าเสาวคนธ์ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๑๔ · ว ¿
ใจชนใจชั่วช้า โฉงเฉง
ใจจักสอนใจเอง ไป่ได้
ใจปราชญ์ดัดตามเพลง พลันง่าย
ดุจช่างปืนดัดไม้ แต่งให้ปืนตรง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๑๕ · ว ¿
ไม้ค้อมมีลูกน้อม นวยงาม
คือสัปปุรุษสอนตาม ง่ายแท้
ไม้ผุดั่งคนทราม สอนยาก
ดัดก็หักแหลกแล้ ห่อนรื้อโดยตาม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๑๖ · ว ¿
เป็นคนควรรอบรู้ สมาคม
สองประการนิยม กล่าวไว้
หนึ่งพาลหนึ่งอุดม นักปราชญ์
สองสิ่งนี้จงให้ เลือกรู้สมาคม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๑๗ · ว ¿
คนใดไปเสพด้วย คนพาล
จักทุกข์ทนเนานาน เนิ่นแท้
ใครเสพท่วยทรงญาณ เปรมปราชญ์
เสวยสุขล้ำเลิศแท้ เพราะได้สดับดี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๑๘ · ว ¿
ได้เห็นนักปราชญ์ไซร้ เป็นสุข
อยู่ร่วมเรือนหายทุกข์ ค่ำเช้า
ผู้พาลสั่งสอนปลุก ใจดั่ง พาลนา
ยลเยี่ยงนกแขกเต้า ตกต้องมือโจร ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๑๙ · ว ¿
จงนับสัปบุรุษรู้ บุญกรรม์
จะละหลีกพาลอัน ชั่วร้าย
จงสร้างสืบบุญธรรม์ ทุกเมื่อ
จงนึกนิตย์ชีพคล้าย ดุจด้วยฟองชล ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๒๐ · ว ¿
คบกากาโหดให้ เสียพงศ์
พาตระกูลเหมหงส์ แหลกด้วย
คบคนชั่วจักปลง ความชอบ เสียนา
ตราบลูกหลานเหลนม้วย ไม่ม้วยนินทา ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๒๑ · ว ¿
มดแดงแมลงป่องไว้ พิษหาง
งูจะเข็บพิษวาง แห่งเขี้ยว
ทรชนทั่วสรรพางค์ พิษอยู่
เพราะประพฤติมันเกี้ยว เกี่ยงร้ายแกมดี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๒๒ · ว ¿
นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า
พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๒๓ · ว ¿
ความรู้ผู้ปราชญ์นั้น นักเรียน
ฝนทั่งเท่าเข็มเพียร ผ่ายหน้า
คนเกียจเกลียดหน่ายเวียน วนจิต
กลอุทกในตระกร้า เปี่ยมล้นฤามี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๒๔ · ว ¿
กละออมเพ็ญเพียบน้ำ ฤาติง
โอ่งอ่างพร่องชลชิง เฟื่องหม้อ
ผู้ปราชญ์ห่อนสุงสิง เยียใหญ่
คนโฉดรู้น้อยก้อ พลอดนั้นประมาณ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๒๕ · ว ¿
งาสารฤๅห่อนเหี้ยน หดคืน
คำกล่าวสาธุชนยืน อย่างนั้น
ทุรชนกล่าวคำฝืน คำเล่า
หัวเต่ายาวแล้วสั้น เล่ห์ลิ้นทรชน ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๒๖ · ว ¿
ทรชนอย่าเคียดแค้น อย่าสนิท
อย่าห่างศัตรูชิด อย่าใกล้
คือไฟถ่านแรงฤทธิ์ ถือถลาก มือนา
แม้นดับแล้วบ่ไหม้ หม่นต้องมือดำ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๒๗ · ว ¿
มิตรพาลอย่าคบให้ สนิทนัก
พาลใช่มิตรอย่ามัก กล่าวใกล้
ครั้นคราวเคียดคุมชัก เอาโทษ ใส่นา
รู้เหตุสิ่งใดไซร้ ส่อสิ้นกลางสนาม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๒๘ · ว ¿
หมาใดตัวร้ายขบ บาทา
อย่าขบตอบต่อหมา อย่าขึ้ง
ทรชนชาติช่วงทา- รุณโทษ
อย่าโกรธอย่าหน้าบึ้ง ตอบถ้อยถือความ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๒๙ · ว ¿
ลูกสะเดาน้ำผึ้งซาบ โทรมปน
แล้วปลุกปองรสคนธ์ แอบอ้อย
ตราบเท่าออกดอกผล พวงดก
ขมแห่งสะเดาน้อย หนึ่งรู้โรยรา ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๓๐ · ว ¿
พริกเผ็ดใครให้เผ็ด ฉันใด
หนามย่อมแหลมเองใคร เซี่ยมได้
จันทน์กฤษณาไฉน ใครอบ หอมฤๅ
วงศ์แห่งนักปราชญ์ได้ เพราะด้วยฉลาดเอง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๓๑ · ว ¿
จันทน์แห้งกลิ่นห่อนได้ ดรธาน
อ้อยหีบชานยังหวาน โอชอ้อย
ช้างเข้าศึกเสี่ยมสาร ยกย่าง งามนา
บัณทิตแม้นทุกข์ร้อย เท่ารื้อลืมธรรม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๓๒ · ว ¿
ฝูงหงส์หลงเข้าสู่ ฝูงกา
สีหราชเคียงโคนา คลาดเคล้า
ม้าต้นระคนลา เลวชาติ
นักปราชญ์พาลพาเต้า สี่นี้ไฉนงาม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๓๓ · ว ¿
แมลงวันแสวงเสพด้วย ลามก
พาลชาติเสาะสิ่งรก เรื่องร้าย
ภุมราเห็จเหินหก หาบุษ- บานา
นักปราชญ์ฤๅห่อนหม้าย หมั่นสู้แสวงธรรม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๓๔ · ว ¿
เนื้อปองน้ำหญ้าบ่ ปองทอง
ลิงบ่ปองรัตน์ปอง ลูกไม้
หมูปองอสุจิของ- หอมห่อน ปองนา
คนเคลิบเคลิ้มบ้าใบ้ ห่อนรู้ปองธรรม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๓๕ · ว ¿
กายเกิดพยาธิโรคร้าย ยาหาย
แต่พยศยาไป่วาย ตราบม้วย
ชาติเสือห่อนหายลาย ลบผ่อง
กล้วยก็กล้วยคงกล้วย กลับกล้ายฤๅมี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๓๖ · ว ¿
ขุนเขาสูงร้อยโยชน์ คณนา
ขุนปราบด้วยโยธา ราบได้
จักล้างพยศสา หัสยาก
ยศศักดิ์ให้เท่าให้ พยศนั้นฤาหาย ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๓๗ · ว ¿
คบคนผู้โฉดเคลิ้ม อับผล
หญิงเคียดอย่าระคน ร่วมห้อง
อย่าคบหมู่ทรชน สอนยาก
บัณทิตแม้ตกต้อง โทษสู้สมาคม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๓๘ · ว ¿
ภูเขาอเนกล้ำ หากมี
บมิหนักแผ่นธรณี หน่อยไซร้
หนักนักแต่กระลี ลวงโลก
อันจักทรงทานได้ แด่พื้นนรกานต์ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๓๙ · ว ¿
ภูเขาทั้งแท่งล้วน ศิลา
ลมพยุพัดพา บ่ขึ้น
สรรเสริญแลนินทา คนกล่าว
ใจปราชญ์ฤาเฟื่องพื้น ห่อนได้จินต์จล ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๔๐ · ว ¿
ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน
ห้ามสุริยแสงจันทร์ ส่องไซร้
ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า
ห้ามดังนี้ไว้ได้ จึ่งห้ามนินทา ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๔๑ (๔๒,๔๓,๔๔) · ว ¿
ภูเขาเหลือแหล่ล้วน ศิลา
หามณีจินดา ยากได้
ฝูงชนเกิดนานา ในโลก
หานักปราชญ์นั้นไซร้ เลือกแล้วฤามี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๔๒ (๔๑,๔๒,๔๓) · ว ¿
ป่าหลวงหลายโยชน์พร้อม พฤกษา
หาแก่นจันทน์กฤษณา ยากไซร้
ฝูงคนเกิดมีมา เหลือแหล่
หาปราชญ์ฤาจักได้ ยากแท้ควรสงวน ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๔๓ (๔๑,๔๒,๔๔) · ว ¿
มัจฉามีทั่วท้อง ชโลธร
หาเงือกงูมังกร ยากได้
ทั่วด้าวพระนคร คนมาก มีนา
จักเสาะสัปปุรุษไซร้ ยากแท้จักมี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๔๔ (๔๑,๔๒,๔๓) · ว ¿
· ด ารามีมากร้อย ถึงพัน
บ่เปรียบกับดวงจันทร์ หนึ่งได้
คนพาลมากอนันต์ ในโลก
จะเทียบเท่าปราชญ์ไซร้ ยากแท้ฤาถึง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๔๕ (๔๖,๔๗) · ว ¿
เหมหงส์เลี้ยงชีพด้วย สาคร
ช้างพึ่งพนาดร ป่าไม้
ภุมราบุษบากร ครองร่าง ตนนา
นักปราชญ์เลี้ยงตัวได้ เพื่อด้วยปัญญา ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๔๖ (๔๕,๔๗) · ว ¿
นกแร้งบินได้เพื่อ เวหา
หมู่จระเข้เต่าปลา พึ่งน้ำ
เข็ญใจพึ่งราชา จอมราช
ลูกอ่อนอ้อนกลืนกล้ำ เพื่อน้ำนมแรง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๔๗ (๔๕,๔๖) · ว ¿
ป่าพึ่งพาลพยัคฆ์ร้าย ราวี
เสือพึ่งไพรพงพี เถื่อนถ้ำ
ความชั่วพึ่งความดี เท็จพึ่ง จริงนา
เรือพึ่งแรงน้ำน้ำ หากรู้คุณเรือ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๔๘ · ว ¿
ตีนงูงูไซร้หาก เห็นกัน
นมไก่ไก่สำคัญ ไก่รู้
หมู่โจรต่อโจรหัน เห็นเล่ห์ กันนา
เชิงปราชญ์ฉลาดกล่าวผู้ ปราชญ์รู้เชิงกัน ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๔๙ (๕๐,๕๑,๕๒,๕๓) · ว ¿
มีอายุร้อยหนึ่ง นานนัก
ศีลชื่อปัญจางค์จัก ไป่รู้
ขวบเดียวเด็กรู้รัก- ษานิจ ศีลนา
พระตรัสสรรเสริญผู้ เด็กนั้นเกิดศรี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๕๐ (๔๙,๕๑,๕๒,๕๓) · ว ¿
คนใดยืนอยู่ร้อย พรรษา
ใจบ่มีปรีชา โหดไร้
วันเดียวเด็กเกิดมา ใจปราชญ์
สรรเพชญ์บัณฑูรไว้ เด็กนั้นควรยอ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๕๑ (๔๙,๕๐,๕๒,๕๓) · ว ¿
คนใดยืนเหยียบร้อย ขวบปี
ความอุตส่าหฤามี เท่าก้อย
เด็กเกิดขวบหนึ่งดี เพียรพาก
พระตรัสว่าเด็กน้อย นี่เนื้อเวไนย ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๕๒ (๔๙,๕๐,๕๑,๕๓) · ว ¿
อายุถึงร้อยขวบ เจียรกาล
ธัมโมชอันโอฬาร บ่รู้
เด็กน้อยเกิดประมาณ วันหนึ่ง
เห็นถ่องธรรมยิ่งผู้ แก่ร้อยพรรษา ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๕๓ (๔๙,๕๐,๕๑,๕๒) · ว ¿
มีอายุอยู่ร้อย ปีปลาย
ความเกิดแลความตาย ไป่รู้
วันเดียวเด็กหญิงชาย เห็นเกิด ตายนา
ลูกอ่อนนั้นยิ่งผู้ แก่ร้อยปีปลาย ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๕๔ · ว ¿
ธิรางค์รู้ธรรมแม้ มากหลาย
บ่กล่าวให้หญิงชาย ทั่วรู้
ดุจหญิงสกลกาย งามเลิศ
อยู่ร่วมเรือนผัวผู้ โหดแท้ขันที ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๕๕ · ว ¿
เว้นวิจารณ์ว่างเว้น สดับฟัง
เว้นที่ถามอันยัง ไป่รู้
เว้นเล่าลิขิตสัง- เกตว่าง เว้นนา
เว้นดั่งกล่าวว่าผู้ ปราชญ์ได้ฤามี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๕๖ · ว ¿
รู้ธรรมเทียมเท่าผู้ ทรงไตร
เจนจัดอรรถภายใน ลึกล้น
กล่าวแก้สิ่งสงสัย เลอะเลื่อน
รสพระธรรมอั้นอ้น ว่ารู้ใครชม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๕๗ · ว ¿
รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำลึกเหลือ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๕๘ · ว ¿
รูปชั่วมักแต่งแกล้ง เกลาทรง
ใจขลาดมักอาจอง อวดสู้
น้ำพร่องกะละออมคง กระฉอก ฉานนา
เฉาโฉดโอษฐ์อวดรู้ ว่ารู้ใครเทียม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๕๙ · ว ¿
จระเข้คับน่านน้ำ ไฉนหา ภักษ์เฮย
รถใหญ่กว่ารัถยา ยากแท้
เสือใหญ่กว่าวนา ไฉนอยู่ ได้แฮ
เรือเขื่องคับชเลแล้ แล่นโล้ไปไฉน ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๖๐ (๔๓๕) · ว ¿
มณฑกทำเทียบท้าว ราชสีห์
แมวว่ากูพยัคฆี แกว่นกล้า
นกจอกว่าฤทธี กูยิ่ง ครุฑนา
คนประดากขุกมีข้า ยิ่งนั้นแสนทวี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๖๑ · ว ¿
หิ่งห้อยส่องก้นสู้ พระจันทร์
ปัดเทียบเทียมรัตนอัน เอี่ยมข้า
ทองเหลืองหลู่สุวรรณ ธรรมชาติ
พาลว่าตนเองอ้า อาจล้ำเลยกวี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๖๒ · ว ¿
เสือผอมกวางวิ่งเข้า โจมขวิด
ไป่ว่าเสือมีฤทธิ์ เลิศล้ำ
เล็บเสือดั่งคมกฤช เสือซ่อน ไว้นา
ครั้นปะปามล้มคว่ำ จึ่งรู้จักเสือ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๖๓ · ว ¿
ทองเหลืองเปลื้องร้ายห่อน เห็นมี
ขัดเท่าขัดราคี เล่าไซร้
นพคุณหมดใสสี เสร็จโทษ
ถึงบ่แต่งตั้งไว้ แจ่มแจ้งไพบูลย์ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๖๔ · ว ¿
พระสมุทรไหวหวาดห้วย คลองสรวล
เมรุพลวกปลวกสำรวล ร่าเร้า
สีหราชร่ำคร่ำครวญ สุนัขเยาะ หยันนา
สุริยส่องยามเย็นเข้า หิ่งห้อยยินดี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๖๕ · ว ¿
แมวล่าหนูแซ่ซี้ จรจรัล
หมาล่าวิฬาร์ผัน สู่หล้าง
ครูล่าศิษย์และธรรม์ คบเพื่อน พาลนา
เสือล่าป่าแรมร้าง หมดไม้ไพรสณฑ์ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๖๖ · ว ¿
จามรีขนข้องอยู่ หยุดปลด
ชีพบ่รักรักยศ ยิ่งไซร้
สัตว์โลกซึ่งสมมติ มีชาติ
ดูเยี่ยงสัตว์นั้นได้ ยศซ้องสรรเสริญ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๖๗ · ว ¿
นพคุณใส่เบ้าสูบ แสนที
ค้อนเหล็กรุมรันตี ห่อนม้วย
บ่เจ็บเท่าธุลี สักหยาด
เจ็บแต่ท่านชั่งด้วย กล่ำน้อยหัวดำ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๖๘ · ว ¿
เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้
เสียรู้เร่งดำรง ความสัตย์ ไว้นา
เสียสัตย์อย่าเสียสู้ ชีพม้วยมรณา ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๖๙ · ว ¿
ตัดจันทน์ฟันม่วงไม้ จัมบก
แปลงปลูกหนามรามรก รอบเรื้อ
ฆ่าหงส์มยุรนก กระเหว่า เสียนา
เลี้ยงหมู่กากินเนื้อ ว่ารู้ลีลา ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๗๐ · ว ¿
เอาสารเทียมอูฐโอ้ เป็นมูล
เก็บปัดเทียมแก้วปูน ค่าไว้
เมืองใดพิกัดพูน มีดั่ง นี้นา
นับแต่ไกลอย่าได้ ไต่เต้าเมืองเข็ญ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๗๑ · ว ¿
น้ำเคี้ยวยูงว่าเงี้ยว ยูงตาม
ทรายเหลือหางยูงงาม ว่าหญ้า
ตาทรายยิ่งนิลวาม พรายเพริศ
ลิงว่าหว้าหวังหว้า หว่าดิ้นโดยตาม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๗๒ · ว ¿
สังขารหวัวผู้ว่า ตนทระนง
ทรัพย์ย่อมหวัวคนจง ว่าเจ้า
หญิงหวัวแก่ชายหลง ชมลูก
มัจจุราชหวัวผู้เถ้า บ่รู้วันตาย ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๗๓ · ว ¿
มือด้วนคิดจะมล้าง เขาหมาย
ปากด้วนถ่มน้ำลาย เลียบฟ้า
หิ่งห้อยแข่งแสงฉาย สุริเยศ
คนทุพพลอวดกล้า แข่งผู้มีบุญ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๗๔ (๓๙๕,๓๙๖,๓๙๗) · ว ¿
แว่นตามาใส่ผู้ อันธการ
คนหูหนวกฟังสำนาน ขับร้อง
คนใบ้ใฝ่แสดงสาร โคลงกาพย์
เฉกเครื่องประดับซ้อง ใส่ให้วานร ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๗๕ · ว ¿
วัดช้างเบื้องบาทรู้ จักสาร
วัดอุทกชักกมุทมาลย์ แม่นรู้
ดูครูสดับโวหาร สอนศิษย์
ดูตระกูลเผ่าผู้ เพื่อด้วยเจรจา ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๗๖ · ว ¿
พระสมุทรสุดลึกล้น คณนา
สายดิ่งทิ้งทอดวา หยั่งได้
เขาสูงอาจวัดวา กำหนด
จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๗๗ · ว ¿
ไม้ล้มควรค่ามได้ โดยหมาย
คนล้มจักข้ามกราย ห่อนได้
ทำชอบชอบห่อนหาย ชอบกลับ สนองนา
ทำผิดผิดจักให้ โทษแท้ถึงตน ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๗๘ · ว ¿
ไม้ล้มจะค่ามให้ ดูการ
คนท่าวล้มข้ามพาน ห่อนได้
เสือผอมอย่าอวดหาญ เข้าผลัก เสือแฮ
พาลประทุษฐ์ตกไร้ อย่าได้ทำคุณ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๗๙ · ว ¿
ทรชนยากไร้อย่า ทำคุณ
อย่าหยิบทรัพย์อุดหนุน หย่อนให้
ก่อเกื้อเกือบเกินทุน มันมั่ง มีนา
ครั้นค่อยคลายวายไร้ กลับสู้ดูแคลน ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๘๐ · ว ¿
แม้นทำคุณท่านได้ ถึงพัน
ครั้นโทษมีแต่อัน หนึ่งไซร้
ติฉินหมิ่นคำหยัน เยาะกล่าว
กลบลบคุณหลังได้ ถึงด้วยพันทวี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๘๑ · ว ¿
ทำคุณท่านห่อนรู้ คุณสนอง
ท่านบ่แทนคุณปอง โทษให้
กลกาแต่งยูงทอง ลายเลิศ
ยูงเอาหมึกหม้อไล้ ลูบสิ้นสรรพางค์ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๘๒ · ว ¿
เทพาพันเทพเรื้อง ฤทธิรงค์
บ่เท่าพระอินทร์องค์ หนึ่งได้
คุณพันหนึ่งดำรง ความชอบ ไว้นา
มีโทษอันหนึ่งไซร้ กลบกล้ำพันคุณ ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๘๓ · ว ¿
ใครซื่อซื่อต่อตั้ง ตามกัน
ใครคดคดผ่อนผัน ตอบเต้า
ทองแดงว่าสุวรรณ ยังถ่อง เหมือนฤา
ดุจลูกสูส่องเถ้า ว่าโอ้เป็นลิง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๘๔ · ว ¿
ใครทำโทษโทษนั้น แทนทด
ใครคิดจิตคดคด ต่อบ้าง
ใครจริงจึ่งจริงจรด รักต่อกันนา
ใครใคร่ร้างเร่งร้าง รักร้างแรมไกล ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๘๕ · ว ¿
นายรักไพร่ไพร่พร้อม รักนาย
มีศึกสู้จนตาย ต่อแย้ง
นายเบียนไพร่กระจาย จากหมู่
นายบ่รักไพร่แกล้ง ล่อล้างผลาญนาย ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๘๖ · ว ¿
ข้าท้าวเอาจิตท้าว แม่นหมาย
บ่าวท่านเอาใจนาย แม่นหมั้น
ศิษย์ท่านผ่อนผันผาย โดยจิต ครูนา
อยู่ที่เรือนตัวนั้น แต่น้ำใจเอง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๘๗ · ว ¿
รักกันอยู่ขอบฟ้า เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง ป่าไม้มาบัง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๘๘ · ว ¿
ให้ท่านท่านจักให้ ตอบสนอง
นบท่านท่านจักปอง นอบไหว้
รักท่านท่านควรครอง ความรัก เรานา
สามสิ่งนี้เว้นไว้ แต่ผู้ทรชน ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๘๙ · ว ¿
แม้นมีความรู้ดั่ง สัพพัญญู
ผิบ่มีคนชู ห่อนขึ้น
หัวแหวนค่าเมืองตรู ตาโลก
ทองบ่รองรับพื้น ห่อนแก้วมีศรี ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๙๐ · ว ¿
ราชรถปรากฏด้วย ธงชัย
ควันประจักษ์แก่ไฟ เที่ยงแท้
ราชาอิสระใน สมบัติ
ชายย่อมเฉลิมเลิศแล้ ปิ่นแก้วเกศหญิง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๙๑ · ว ¿
รำฟ้อนสุนทรด้วย รูปา
ร้องขับศัพท์เสน่หา ยิ่งแท้
มวยปล้ำล่ำสันสา- มารถจึ่ง· ดีแฮ
รักกับชังนั้นแล้ เพื่อลิ้นเจรจา ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๙๒ · ว ¿
กระเหว่าเสียงเพราะแท้ แก่ตัว
หญิงเลิศเพราะรักผัว แม่นหมั้น
นักปราชญ์มาตรรูปมัว หมองเงื่อน งามนา
เพราะเพื่อรสธรรมนั้น ส่องให้เห็นงาม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๙๓ · ว ¿
นารายณ์วายเว้นจาก อาภรณ์
อากาศขาดสุริยจร แจ่มหล้า
เมืองใดบ่มีวร นักปราชญ์
แม้ว่างามล้นฟ้า ห่อนได้งามเลย ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๙๔ · ว ¿
เขาใดไร้ถ้ำราช- สีห์หมาง
สระโหดหงส์ละวาง วากเว้
พฤกษ์ใดบกใบบาง บกหน่าย
สาวซัดชู้โอ้เอ้ เพราะชู้ชายทราม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๙๕ · ว ¿
ป่าใดไกลพยัคฆ์ร้าย ราวี
ไม้หมดม้วยบ่มี ร่มเชื้อ
หญิงยศงดงามดี ผัวหน่าย
เป็นที่หมิ่นชายยื้อ หยอกเย้าเสียตน ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๙๖ · ว ¿
พลูหมากจากโอษฐ์โอ้ เสียศรี
หญิงจากจอมสามี ครอบเกล้า
เรือนปราศจากบุตรี ดรุณเด็ก
เมืองจากจอมภพเจ้า สี่นี้ฤๅงาม ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๙๗ · ว ¿
เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี
อักขระห้าวันหนี เนิ่นช้า
สามวันจากนารี เป็นอื่น
วันหนึ่งเว้นล้างหน้า อับเศร้าศรีหมอง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๙๘ · ว ¿
· ด อยใดมีถ้ำราช- สีห์ประสงค์
เหมืองมาบมีบัวหงส์ หากใกล้
ต้นไม้พุ่มพัวพง นกมาก มีนา
สาวหนุ่มตามชู้ไซร้ เพราะชู้ชอบตา ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๙๙ · ว ¿
เปือกตมชมชื่นเชื้อ กาสร
หงส์กับบุษบากร ชื่นช้อย
ภิกษุเสพสังวร ศีลสุข ไซร้นา
บุรุษรสรักร้อย เท่าน้อมในหญิง ฯ
 
 
ก ¿ · ด ๑๐๐ · ว ¿
ใครจักผูกโลกแม้ รัดรึง
เหล็กเท่าลำตาลตรึง ไป่หมั้น
มนตร์ยาผูกนานหึง หายเสื่อม
ผูกเพื่อไมตรีนั้น แน่นเท้าวันตาย ฯ
 

ดูเพิ่ม[แก้ไข]

โคลงโลกนิติ · นำ · ๑-๑๐๐ · ๑๐๑-๒๐๐ · ๒๐๑-๓๐๐ · ๓๐๑-๔๐๐ · ๔๐๐- · ส่งท้าย