ประมวลกฎหมายรัชกาลที่ 1 จุลศักราช 1166 พิมพ์ตามฉะบับหลวงตรา 3 ดวง/เล่ม 2/ส่วนที่ 7
อันว่าลักขณวิวาท ตี
ด่า กันแลลักขณรุกไป ตี
ด่า ท่านเปนมูลคดีมีพระบาฬีในคำภีร์พระธรรมสาตว่า ปหรญฺจ ขุํสา ถานา วิติกฺกมฺมพลากเรน เปนอาทิดั่งนี้ จึ่งมีอัฐาธิบายษาขคดีอันโบราณราชกรษัตรบัญญัติสืบ ๆ มาโดยมาตราดั่งนี้
ศุภมศดุ[วซ 1] ๑๓๖๙[2][วซ 2] ศกสัปสังวัชรเชษฐมาศศุกขปักษยตติยดิถีคุรุวาระ มีพระราชโองการบัญญัติพระราชอาชาสมเดจ์พระเจ้ารามาธิบดีศรีสุนธรราชบรมจักรพรรดิศวรบรมบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัว มีพระราชหฤๅไทยกรรุณาปราถนาจระงับดับทุกขทุระราษฎร จึ่งให้ตราพระราชกฤษฎีกาโฆษนาแก่ชาวเจ้าเหล่าราชนิกุนขุนหมื่นพฤฒามาตย์ราชมนตรีพิริยโยธาสมสังกัดพันอันมีในพระราชอานาจักรประชาราษฎรทังปวงตั้งแต่นี้สืบไปเมื่อหน้า
๑ มาตราหนึ่ง วิวาท ด่า
ตี กัน โทษ ๙
๑๐ กทง มิให้เรียงกทงไหม โทษสิ่งใดหนักให้เอาแต่สิ่งหนึ่งตั้งไหม ต่ำนา ๔๐๐ ลงมาให้เอาบันดาศักดิผู้ เจบ
ได้ ตั้งไหม แต่นา ๔๐๐ ขึ้นไปให้เอาบันดาศักดิผู้สูงนาฝ่ายเดียวตั้งไหมให้แก่ผู้ชนะ ถอ้ยทีถอ้ยด่าตีกันให้ไหมกลบลบกัน เหลือนั้นเปน สีนไหม
พิไนย กึ่ง
๒ มาตราหนึ่ง ๑๐ คนตีคนเดียวบาทเจบก็ดี[วซ 3] คนเดียวตี ๑๐ คนบาทเจบก็ดี ใช่มันจตีแต่ทีเดียวหามิได้ มันย่อมตีคนละที ให้ไหมมันผู้เดียวให้แก่เขาจงทุกคนโดยยศถาศักดิ ๑๐ คนตีมันคนเดียวมีบาทเจบนั้น ท่านให้ไหม ๑๐ คนให้แก่มันผู้เดียว ถ้ามัน ๑๐ คนตีมันคนเดียวแตกช้ำบาทเจบหลายแห่ง ให้ไหมมันผู้บันดานโกรธเปนต้นเหตุนั้นไว้แห่งแตกแลบาทเจบทังนั้นให้ไหมรายตัวผู้ตี ถ้าบาทเจบแต่แห่งหนึ่ง ๒ แห่ง ให้เอาคนทังนั้นเปนแต่พวกมิได้ลงมือ ถ้ามันคนเดียวตี ๑๐ คนบาทเจบหลายแห่ง ให้ไหมผู้เดียวให้แก่เขาจงทุกคนตาม บาท
แผล มากแลน้อย
๓ มาตราหนึ่ง โจทหาว่าจำเลย ตีด่า
ฟันแทง ตนเจบปวดเปนโทษถึง ๙
๑๐ กทงก็ดี ฝ่ายจำเลยให้การเกี้ยวแก้กล่าวโทษโจทว่าโจทตีด่าฟันแทงมีบาทเจบถึง ๙
๑๐ กทงก็ดี ท่านว่าโทษอันใด ใหญ่
หนัก ให้เอาแต่สิ่งหนึ่งตั้งไหมกลบลบกัน เหลือนั้นเปน สีนไหม
พิไนย กึ่ง
๔ มาตราหนึ่ง ทวยราษฎรทังหลายวิวาทตีด่ากัน ฝ่ายข้างหนึ่งวิ่งแล่นหนีขึ้นบนเรือนท่าน ฝ่ายข้างหนึ่งบังอาจ์ขึ้นไปตีบนเรือนท่าน แลผู้ต้องตีนั้นตายไซ้ ให้ฆ่าผู้ตีนั้นตายตกไปตามกัน ถ้าทรงฯ บให้ฆ่าตี ก็ให้ไหมโดยขนาด ให้ทำสีนไหมเปนสองส่วน ให้ได้แก่เจ้าเรือนนั้นส่วนหนึ่ง ได้แก่ พ่อ
แม่ พี่น้องผู้ตายนั้นส่วนหนึ่ง ให้ไหมปลูกตัวผู้ตายด้วย ถ้าตีกันตายพ้นชายคา เจ้าเรือนจกล่าวเอาสีนไหมนั้นมิได้เลย สีนไหมนั้นให้ได้แก่ พ่อ
แม่ พี่น้องผู้ตาย
๕ มาตราหนึ่ง พ่อตา
แม่ยาย ด่าตีลูกเขย ๆ ด่าตี พ่อตา
แม่ยาย ลูกสไภ้ด่าตี พ่อผัว
แม่ผัว ๆ ด่าตีลูกสะไภ้ เมียหลวงด่าตีเมียน้อย ๆ ด่าตีเมียหลวง ปู่ญ่า
หลาน ตายายหลานลุงป้าหลานอาวน้าหลานด่าตีกันก็ดี พี่เมียน้องเขยด่าตีกันก็ดี ถ้าถึงแตกหักษาหัด จึ่งให้ปรับไหมให้แก่กันดั่งฉันผู้อื่น ถ้ามิถึงแตกหักษาหัดไซ้ ให้นายร้อยแขวงนายบ้านนายอำเพอบังคับว่ากล่าวกันตามผิดแลชอบตามผู้ใหญ่ผู้น้อย ให้ตบแต่งเข้าตอกดอกไม้ธูบเทียนสีนนุ่งห่มเล่าเข้าเปดไก่ไปแปลงขวันกัน เพราะเขาเสิยกันมิได้
๖ มาตราหนึ่ง ผู้ใดวิวาทตีด่ากัน แลผู้ใดอยู่ใกล้รู้เหนมิได้ห้ามปราม ถ้าตีกันถึงมรณภาพไซ้ ให้ไหมผู้มิได้ห้ามปรามนั้นเปนข้อเลมิดพระราชอาชา เหดุตัวรู้เหนแล้วนิ่งเสีย จึ่งเสียไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินท่าน ถ้าผู้มิได้ห้ามปรามนั้นเปนญาติพี่น้องภักพวกผู้ตีไซ้ ให้ไหมญาติพี่น้องภักพวกนั้นทำ ๓ ส่วน ยก ๒ ส่วน เอาส่วนหนึ่ง
๗ มาตราหนึ่ง เขาทังสองวิวาท ตี
ด่า กัน แล้วจับหอกดาบเครื่องสรรพสาตราวุธแลไม้ค้อนก้อนดินอวดกล้าหารไปอยู่ในตรอกแลตลาดถนนแห่งใด ๆ คอยทำร้ายแก่ท่าน ๆ มีบาทเจบประการใด ให้ไหมทวีคูน ถ้าถึงตาย ให้ฆ่าคนร้ายตกไปตามกัน
๘ มาตราหนึ่ง ถ้าผู้ใดวิวาท ด่า
ตี ฟันแทงกัน แลสมักภักพวกญาติพี่น้องร้องว่าให้ ด่า
ชกตี
ฟันแทง ท่าน ๆ ว่าผ้นั้นยุความ ให้ไหมดุจพวกกึ่งต้นเหดุ
๙ มาตราหนึ่ง บุรุศ
สัตรี ก็ดี เปนผู้ใหญ่บันดานโทโสตีทารก ท่านให้ไหมทวีคูนโดยโทษาณุโทษ เหดุมิควรจโกรธจตี
๑๐ มาตราหนึ่ง เดกต่อเดกวิวาทตีกัน ให้ พ่อ
แม่ ห้ามปราม ถ้า พ่อ
แม่ เดกฝ่ายข้างหนึ่งไปตีบุตรท่านฝ่ายข้างหนึ่งไซ้ ให้ไหมผู้ตีนั้นโดยกรมศักดิทวีคูน เหตุว่าเดกมิรู้ผิดแลชอบ ถ้าเดกตีกันมีบาทเจบไซ้ ให้พิเคราะห์ดูเดกผู้ ตี
เจบ นั้น ถ้าเท่ากัน อย่าให้มีโทษแก่มันเลย เหดุเปนเดกด้วยกัน ถ้าเดกผู้ตีใหญ่ไซ้ ให้ทำขวันเสียค่าน้ำมันให้แก่มันผู้น้อย
อนึ่งเดก ๗ เข้าเถ้า ๗๐ เปนคนหลงไหลไป ด่า
ตี ท่าน ๆ มิให้ปรับไหมมีโทษ แต่ให้นายบ้านนายเมืองช่วยว่ากล่าวให้สมักสมาผู้เจบนั้นโดยควร
๑๑ มาตราหนึ่ง เดก ๗ ขวบเหล้นด้วยกันผลักไสกันตก เรือน
ศาลา
ต้นไม้
ร้าน
น้ำ ตายไซ้ ให้ พ่อ
แม่ แห่งเดกผู้ผลักนั้นปลูกตัวลูกท่าน ถ้ามิถึงตายแต่บาทเจบช้ำหักค่นบอดไซ้ ให้ช่วยเสียค่าน้ำมันโดยควรแก่บาดเจบ ท่านมิให้ไหมโดยบันดาศักดิ เพราะต่างคนต่างน้อยมิรู้ถ้อยความเสมอใจบ้า
๑๒ มาตราหนึ่ง ผู้ใดยุให้เดกตีกันศีศะแตกคางหัก แฃน
เท้า
มือ หักก็ดี ท่านให้ไหมผู้ยุนั้นตามบาทแผลเดกซึ่งเจบนั้น ถ้าถึงตาย ให้ไหมโดยตีตาย
๑๓ มาตราหนึ่ง ทาษตนตีด่าฟันแทงท่าน นายเงีนอยู่นั่นด้วยมิได้ห้าม ให้ไหมทังนายทังทาษเสมอกัน เหตุนิ่งเสียให้เกิดความในเมืองท่าน
๑๔ มาตราหนึ่ง ผู้หนึ่งตีผู้หนึ่งด่าสวนสับขับแท้ดั่งนี้ไซ้ ท่านให้ทอดสีนไหมพิไนยโดยเบี้ยกรมศักดิกลบลบกันทีหนึ่ง เพราะตีมันก่อนมันจึ่งด่า ๆ มันก่อนมันจึ่งตี ถ้าผู้ใดก่อ ตี
ด่า ก่อนก็ดี ให้ไหมผู้ตั้งกรณีนั้นอีกโสดหนึ่งเปนสีนไหมกึ่งพิไนกึ่ง เหดุมันก่อความให้ยากแก่เมืองท่าน
๑๕ มาตราหนึ่ง คนบ้าเข้าบ้านท่านตีฟันแทงคนดีตาย จะไหมบ้าไซ้ ท่านว่ามิชอบ เพราะว่าบ้านหาตำแหน่งแบ่งสัจมิได้ ท่านว่าให้พ่อแม่พี่น้องเผ่าพันธุบ้าใช้กึ่งเบิ้ยปลูกตัวผู้ตาย ให้เวนบ้านั้นไปให้แก่พ่อแม่พี่น้องเผ่าพันธุบ้านั้น จึ่งชอบ ถ้ามันตีมีบาทเจบไซ้ หาโทษมิได้ ถ้าที่เปนที่ไร่นาป่าดงพงแขมเปนที่อยู่แห่งคนผู้สูงอายุศม์แลคนพิกลจริตบ้าใบ้ ผู้ใดเข้าไปในที่มันอยู่ มันฟันแทงมีบาทเจบแลตายก็ดี ถ้าพบปะมันกลางถนนหนทางมิได้หลีก แลมันฟันแทงบาทเจบถึงตายก็ดี จะเอาโทษแก่มันมิได้เลย ให้โฆษนาแก่นครบาลให้จับเอาตัวมันจำจองไว้กว่าจะสิ้นกำม์
๑๖ มาตราหนึ่ง ผู้ร้ายตีฟันแทงคนบ้าตายไซ้ ให้ทอดรางวัดเปนเบี้ยปลูกตัวผู้ตายโดยขนาดให้แก่ญาติพี่น้องแห่งบ้า ถ้าบ้าหาญาติพี่น้องมิได้ ให้เอาเบี้ยรางวัดเปนค่าหญ้าช้างหลวง
๑๗ มาตราหนึ่ง ผัวเมียวิวาทกัน ชายผัวทุบตีฟันแทงหญิงผู้เมียตาย ให้ลงโทษดั่งฉันผู้อื่น ถ้าหญิงทุบตีฟันแทงชายผู้ผัวตาย ให้ลงโทษดุจกัน ถ้าบแกล้งตีฟันแทงให้ตาย ท่านว่าให้ไหมโดยศักดิ มือ
ไม้
เหลก สีนไหมให้เอาเข้าพระคลังหลวงจงสิ้น
๑๘ มาตราหนึ่ง คนทังหลายมีครรภก็ดี สัตวของเลี้ยงมีครรภก็ดี มีผู้ตีฟันแทงให้ตายไซ้ ท่านให้พิกัดค่าแม่มันเท่าใด ใช้ค่าลูกในท้องกึ่งค่าแม่มันด้วย แลจบาทไหมนั้นให้ไหมโดยพระราชกฤษฎีกา
๑๙ มาตราหนึ่ง ผู้ใดตบตีข้าไทลูกเมียตน มันแล่นหนีไปขึ้นบนเรือนท่าน แลเลือดตกลงที่เรือนท่าน ให้ผู้ตบตีนั้นพลีเรือนท่าน ให้นิมนพระสงฆ์ ๗ รูปสวดมนซัดน้ำแต่งบัดพลี ๆ เรือนท่าน
๒๐ มาตราหนึ่ง ชกตียิงซัดฟันแทงกันมีบาทเจบบอบช้ำลำบากด้วยเขาตี เปนใข้ผอมจึ่งตายใน ๑๕ วัน ท่านให้ทอดพิไนยโดยตีตาย ให้ฆ่าผู้ร้ายตกไปตามกัน ถ้าทรงพระกรรุณาบให้ฆ่าตีไซ้ ถ้าผู้ตายสูงนา ๔๐๐ ขึ้นไป อย่าให้ปลูกตัวเลย ถ้าต่ำนา ๔๐๐ ลงมา ให้ปลูกตัวผู้ตายส่งให้บุตรภรรยาญาติพี่น้องทำบุญไป แล้วให้เอาค่าตัวผู้ตายตั้งไหมตามกระเสิยนอายุศม์โดยศักดิมือศักดิไม้ศักดิเหลก สีนไหมให้แก่บิดามานดาพี่น้องผู้ตาย ถ้าพ้นกว่า ๑๕ วันถึงเดือนหนึ่งจึ่งตาย ท่านว่าเปนกำม์แห่งสัตว ให้ปรับไหมแต่โดยบาทเจบนั้นเปนสีนไหมกึ่งเปนพิไนยกึ่ง
๒๑ มาตราหนึ่ง ทวยราษฎรวิวาทด่าตีกัน มายังแพ่ง ให้กฎหมายบาทเจบไซ้ ให้นายพะทำมะรงดูบาทเจบจงถ่องแท้ ถ้าแลเจบปวดด้วยมือไม้เหลกอิด แคลงประการใดก็ดี ให้ดูจงถ่องแท้ ถ้ามิเข้าใจไซ้ ให้บอกกล่าวร่ำเรียน ถ้าอวดรู้ดูผิดไซ้ บาทเจบเขานั้นตกอยู่แก่นายพะทำมะรงผู้คุมนั้นสองส่วน ตกแก่ภูดาดผู้ตราคำนั้นส่วนหนึ่ง ถ้าตีฟันแทงกันมิตาย ให้นายพะทำมะรงเอาตัวมาตราบาทเจบไว้ ถ้าตายไซ้ ให้ไปดูถึงที่นั้น
๒๒ มาตราหนึ่ง สองชกตีกัน แลข้างหนึ่งมีบาทเจบ เอามาให้กระลาการตราบาทเจบไว้ ข้างหนึ่งหาบาทเจบมิได้ สักอันสาระพะทำเอาให้มีบาทเจบแล้วจึ่งเอามาให้ตราบาทเจบไว้ด้วยว่ามีบาทเจบบ้าง เมื่อพิจารณามิสมอ้างก็ดี แลมันต่อถึงพิสูดแพ้แก่บนจนแก่พิจารณาก็ดี ท่านให้ไหมมันเท่าใส่โทษท่าน แลส่วนบาทเจบข้างผู้บาทเจบจริงนั้น สิง[วซ 4] ใดหนัก เอาแต่สิ่งหนึ่งตั้งไหมมันผู้ชกตีให้แก่ผู้เจบนั้นอีกโสดหนึ่งโดยขนาด
๒๓ มาตราหนึ่ง วิวาทชกตีทุบถองตบบิดข่วนด้วยมือ ก็ดี เอา ถุง
ผ้า ฟาดตีท่านก็ดี แลผลักไสท่านให้กะทบกะเบื้องไม้หนามอิดสินลาแลงก็ดี ประการเท่านี้ให้ไหมเสมอศักดิมือ
๒๔ มาตราหนึ่ง วิวาทกันจับเอาดินเปียกเข้าเปียกชิ้น เนื้อ
ปลา สดทรายเปียกทิ้งซัดท่านก็ดี ให้ไหมเสมอศักดิมือ ถ้าสาตซัดท่านด้วยน้ำผึ้งน้ำอ้อยน้ำมันแลเมดเข้าเปลือกก็ดี ให้ไหมกึ่งศักดิมือ
๒๕ มาตราหนึ่ง วิวาทด่าตีกัน แลมันเอาสิ่งอันโสโครกทิ้งซัดต้องท่านก็ดี ถ่มน้ำลายรดท่านต้องท่านก็ดี ให้ไหมเสมอศักดิไม้
๒๖ มาตราหนึ่ง ชกตีกันบช้ำแลฟกช้ำดำซับแตกฉลายค่นหักบอดตายก็ดี ถ้าตีด้วยไม้ ให้บวกกึ่งมือ ถ้าฟันแทงด้วยเหลก ให้ไหม ๒ เท่ามือ
๒๗ มาตราหนึ่ง วิวาทตีกันจับเอาสันมีตสันพร้าสันหอกสันดาบก้อนอิดก้อนดินกระเบื้องเมดกรวดหินสินลาแลงนองาเขี้ยวกะดูกหอยเอนก็ดี เข้าก้อนแห้งขนมแห้งเข้าตังแห้งน้ำตานปึกน้ำอ้อยงบแลสรรพฟองแลต้นเข้าต้นหญ้าหยากเยื่อก้อนเนี้อแห้งปลาแห้งตัวปลาสดเบี้ยชันหนังด้ายเขดจุกกะเทียม[3] จุกหอมฃ่าขิงกล้วยท่อนอ้อยแลขี้ม้าขี้วัวขี้ควายขี้ช้างลูกไม้ใบไม้ทังกิ่งกะลาเชือกเถาวัลหวายฟาดตีทิ้งซัดท่านก็ดี แลจำท่านให้ตายด้วยฃื่อคาโซ่รตรวนก็ดี ผลักท่านให้กะทบหอกดาบมีตพร้าขวานสี่วแหลนเหลกหลาวเหลกฉมวกกตักมีบาทเจบก็ดี แลทำท่านให้จมน้ำก็ดี เอากสุนยิงท่านก็ดี หยิกด้วยเลบกัดด้วยฟันก็ดี ประการเท่านี้ให้ไหมเสมอศักดิไม้
๒๘ มาตราหนึ่ง วิวาทกันจับเอาไฟจุดน้ำร้อนรดสาดท่านก็ดี เอาทองคำเงินทองแดงสำริดทองเหลืองทองขาวสังกะสีดีบุกชันร้อน หอกดาบมีดพร้าขวานสี่วแหลนเหลกหลาวเหลกฉมวกอันมิได้คมมิได้แหลมฟันแทงท่าน ต้องเนิ้อหนังแตกพังบาทเจบก็ดี เอาปืนยิงท่านก็ดี ประการเท่านี้ให้ไหมเสมอศักดิเหลก ถ้าเอาหนังสือตีท่าน ให้ไหมเท่าเหลก เหดุทำให้เปนจันไรแก่ท่าน ถ้าเอาบาต โขก
ตี ท่าน ให้ไหม ๒ เท่าเหลก อนึ่งเอาเหลกมีคมมีแหลมแลเครื่องสาตราวุธเปนไฟไปต้องไปตีฟันแทงท่าน ให้ไหม ๒ เท่าเหลก
๒๙ มาตราหนึ่ง วิวาทตีกันถูกที่สำคัญตายนั้นมี ๘ แห่ง คือตีถูกที่กำด้น ๑ ต้นฅอ ๑ จมูกหัก ๑ แสกหน้า ๑ เพรียงหู ๑ ปลายคาง ๑ ชายโครง ๑ ขากันไตร ๑ ฟันแทงกันถูกที่สำคัญตายนั้นมี ๘ แห่ง คือฅอ ๑ ฅอหอย ๑ ไหล่รวบ ๑ รักแร้ ๑ ราวนม ๑ ทรวงอก ๑ พุง ๑ ไข่ดัน ๑ ถ้าตีกันด้วยไม้ตบองไม้คลีไม้ด้ำจอบไม้ด้ำขวานไม้ศอกแลสรรพไม้อันใหญ่ก็ดี ต้องที่สำคัญที่ตาย ให้เอาเปนตีตายด้วยเหลก ถ้าผิดที่สำคัญที่ตายแลตายนั้น ให้เอาเปนตีตายด้วยไม้ ต่ำนา ๔๐๐ ลงมาให้ไหมปลูกตัว แล้วให้เอาบันดาศักดิผู้ตายตั้งไหมโดยตีฟันแทงท่านตาย เปนสีนไหมกึ่งเปนพิไนยกึ่ง
๓๐ มาตราหนึ่ง วิวาทตีฟันแทงกันถูกหูขาดทังสองข้างก็ดี ตาบอดทังสองข้างก็ดี ข้อมือหักข้อแขนหักทังสองข้างก็ดี แข้งขาหักทังสองข้างก็ดี ลิ้นด้วนจมูกด้วนก็ดี ได้ชื่อว่าษาหัด ให้ไหมจัตุรคูน ถ้าขาดข้างหนึ่งวิ้นข้างหนึ้งลิ้นแหว่งก็ดี ได้ชื่อว่าษาหัด ให้ไหมตรีคูน ถ้าช้ำน่วมทังตัวลำบากปางตายก็ดี หนังตาขาดวิ้นจมูกขาดแหว่งก็ดี ให้ไหมทวีคูน ถ้าที่แจ้งเปนแผลเสียโฉม ให้ไหมทวีคูน ถ้าบาทเจบแตกที่ลับมิได้เปนที่แจ้งเสียโฉม ให้ไหมแต่ลาหนึ่ง
๓๑ มาตราหนึ่ง วิวาทชกตีฟันแทงถองถีบตบท่านถูก ให้ไหมโดยศักดิมือศักดิไม้ศักดิเหลก ถ้าชกตีฟันแทงถองถีบตบท่านผิดก็ดี แล่นหนีรอดก็ดี มีผู้ชิงได้ก็ดี ให้ไหมโดยชกตีฟันแทงถองถีบตบถูกตามพระราชกฤษฎีกาเดิม แล้วทำ ๔ ส่วน ยกเสียส่วน ๑ เอา ๓ ส่วน ถ้าเงือดเงื้อจะชกจะตีจะ ถอง
ถีบ จฟันจแทงท่านไซ้ ให้ไหมกึ่งชกตีฟันแทงถูก ถ้าว่าแต่วาจาจชกจตีจ ถอง
ถีบ จฟันแทงท่าน ให้ไหมกึ่งเบี้ยเงือดเงื้อ ถ้าฉุดคร่าผลักไสกัน ในลักษณวิวาทนั้นหาบาทแผลมิได้ ให้ไหมโดยเบี้ยบช้ำ
๓๒ มาตราหนึ่ง ผู้ใดวิวาทตีด่าฟันแทงสมณพราหมณพุทฒาจาริย แลบิดามานดาปู่ย่าตายายแห่งตน มีบาทเจบด้วยเหลกษาหัดไซ้ ให้เฆี่ยร ๓ ยก ทเวนบก ๓ วัน ทเวนเรือ ๓ วัน ตัดนิ้วมือเสียให้สิ้นนิ้วทัง ๒ ข้าง ให้ทำแพลอยมันเสียให้ปรากฎแก่ตาคนทังหลาย ถ้าตีเจบปวดด้วยไม้ษาหัดไซ้ ให้เฆี่ยร ๓ ยก ทเวนบก ๓ วัน ทเวนเรือ ๓ วัน ให้ตัดนิ้วมือขวาเสียจงสิ้นนิ้ว แล้วให้ทำแพลอยเสีย ถ้าตีเจบปวดด้วยมือษาหัดไซ้ ให้ปอกเลบมือเสียทังสิบนิ้ว จำไว้ ๖ เดือน แล้วเอาขึ้นขาหย่างประจาน ๓ วัน ให้ทวนด้วยลวดหนัง ๓๐ ที แล้วให้สักอกไว้ว่าตีพ่อตีแม่ ถ้าตีด้วยไม้เจบปวดมิได้ถึงษาหัด ให้ปอกเลบมือเสียทัง ๑๐ นิ้ว แล้วให้จำไว้ ๖ เดือน เอาขึ้นขาหย่างประจาน ๓ วัน แล้วให้ทวนด้วยลดหนัง ๓๐ ที ถ้าตีด้วยมือมิได้ถึงษาหัด ให้ปอกเลบเสีย ๕ นิ้ว จำไว้ ๓ เดือน แล้วทวนด้วยลวดหนัง ๒๕ ที ถ้าตายไซ้ ให้ฆ่ามันตกไปตามกัน
๓๓ มาตราหนึ่ง วิวาทด่าตีกันแลแก้ผ้านุง[วซ 5] ท่านเสียให้เปนทุราจาน ถ้าหญิงสาวหาผัวมิได้ ให้ไหมผู้ทำเปนเบี้ย ๗๐๐๐๐ ทวีคูน ถ้าชายดุจหญิงสาวนั้น ถ้าแก้ผ้านุ่งหญิงม่าย ให้ไหมเปนเบี้ย ๘๐๐๐๐ ทวีคูน ถ้าหญิงนั้นมีผัว ให้ไหมเปนเบี้ย ๑๗๐๐๐๐ ทวีคูน เหตุมันทำทุราจารแก่ท่านให้ได้อาย ถ้าแลมีเจบปวดษาหัดด้วยไซ้ โทษอันใดหนัก ให้เอาแต่สิ่งหนึ่งตั้งไหมโดยพระราชกฤษฎีกา
๓๔ มาตราหนึ่ง วิวาทถุ้มเถียงกันด้วยเนิ้อความประการใด แลเอาตีนชี้หน้าท่าน ให้เอาเบี้ยบช้ำทำ ๓ ส่วน ยกส่วน ๑ ไหมสองส่วน ถ้าเอามือชี้หน้าท่าน ให้ไหมส่วน ๑ ยก ๒ ส่วน
กล่าวลักษณวิวาทชกตีฟันแทงให้ปรับไหมโดยสังเขปแต่เท่านี้
๓๕ มาตราหนึ่ง ผู้ใดมีบันดาศักดิแลหาบันดาศักดิมิได้ก็ดี แลมีผู้ใดด่าลับหลัง มิได้ยินแก่โสตประสาทตน แลมีผู้มาบอกเล่าไซ้ ท่านว่ามิควรให้ฟังถ้อยคำผู้บอกนั้นเอาเปนถ้อยเปนความเลย ถ้าเมื่อเฃาด่านั้นตนได้ยินไซ้ จึ่งควรให้เอาเปนถ้อยเปนความ ให้ร้องฟ้องกันได้ตามกฎหมาย
๓๖ มาตราหนึ่ง ด่าท่านว่าไอ้อี่ขี้ ตรุ
เมา ขี้ โขมย
ช่อ ขี้ ฉกลัก
ลวงคนฃาย ขี้ โซ่ขี้ตรวน
ขื่อขี้[4] คา ขี้ ถอง
ทุบ ขี้ ตบ
คุก
เค้า ขี้ ประจานคนเสีย
ฃายคนกินทังโคด ขี้ ครอก
ข้า
ถ้อย แลด่าว่าไอ้อี่คน เสีย
กระยาจก
อัประหลัก คน บ้า
ใบ้ ก็ดี แลด่าว่า ไอ้
อี่ สับปลับ อี่มัก ชู้
ผัว มึงทำชู้เหนือผัวกูก็ดี แลด่าท่านว่าอี่แสนหกแสนขี้จาบ อี่ ดอกทอง
เยดซ้อน ก็ดี สรรพด่ากันแต่ตัวประการใด ๆ ท่านให้ปรับไหมโดยยศถาศักดิลาหนึ่ง ถ้าด่าถึงโคตเค้าเถ้าแก่ ให้ไหมทวีคูน
๓๗ มาตราหนึ่ง ด่าสบประมาทท่านให้ได้ความอายว่า มึงทำชู้ด้วยแม่มึง ๆ ทำชู้ด้วยพ่อมึง ๆ ทำชู้ด้วยลูกมึง ๆ ทำชู้ด้วยหลานมึง ถ้าเปนสัจดั่งมันด่า อย่าให้มีโทษแก่ผู้ด่านั้นเลย ให้ลงโทษแก่มันผู้ทำกระลีลามกนั้นโดยบทพระอายการ ถ้าพิจารณาเปนสัจว่ามันแกล้งด่าท่านให้ได้อาย ให้ไหมกึ่งค่าตัวตามกระเศียรอายุศม์ผู้ต้องด่า
อนึ่งด่าท่านว่า มึงเปนชู้กูก่อนมึงเปนข้ากูก่อนก็ดี พิจารณาเปนสัจว่ามันแกล้งด่าท่านให้ได้ความอายอดสูดั่งนั้น เปนสบประมาท ให้ไหมกึ่งค่า ถ้าจริง[วซ 6] ดุจมันด่าไซ้ ก็ให้ไหมกึ่งนั้นลงมาเล่า ถ้าด่าสิ่งอื่นเปรียบเทียบท่าน พิจารณาเปนสัจ ท่านว่ามันด่าหมูประทามันด่าหมาประเทียบ ให้ไหมโดยเบี้ยค่าตัวเอาแต่กึ่งหนึ่ง
กล่าวลักษณวิวาทด่ากันให้ปรับไหมโดยสังเขปแต่เท่านี้
๓๘ มาตราหนึ่ง รุกไปด่าตีท่านก็ดี สองรุก ด่า
ตี กันก็ดี ให้พิจารณาจงรู้ทางบกทางน้ำห้วยบางทางลุ่มดอนขี่ขอนไม้ขี่เรือขี่แพขี่ช้าง ผู้อยู่หัวมาท้าย ๆ มาหัว อยู่เรือขึ้นบก อยู่บกลงมาเรือ อยู่เรือลำหนึ่งค่ามไปเรือลำหนึ่งก็ดี ค่ามฟากคลองที่แดนตนไปถึงที่แดนบ้านเรือนท่านก็ดี แลอยู่เรือนทัพทึมแลบนต้นไม้กดี[วซ 3] ผู้อยู่ไต้ต้นไม้ขึ้นไปถึงบน ผู้อยู่บนลงมาถึงล่างก็ดี ปักกันปันแดนไว้ล่วงเข้าไปก็ดี อยู่เหนือน้ำลงมาไต้น้ำ อยู่ไต้น้ำขึ้นไปเหนือน้ำก็ดี ท่านว่าให้เอาเปนรุก
๓๙ มาตราหนึ่ง วิวาทร้องด่าเถียงกัน ผู้ใดออกไปจากที่แดนตนรุกเข้าไปถึงที่แดนท่านด่าตีกันไซ้ ท่านว่าผู้นั้นรุก ให้ไหมโดยพระราชกฤษฎีกา
๔๐ มาตราหนึ่ง วิวาทด่าตีกัน แลบันดานโกรธ ภาพวกผู้คนข้าไทพี่น้องพ้องพันธุญาติลูกหลานถือไม้ค้อนก้อนอิดดินแลเครื่องสรรพสาตราวุธรุกไป ตีด่า
ฟันแทง ท่านถึงที่แดนที่บ้านที่เรือนท่าน เจ้าบ้านบาทเจบ ให้ไหมทวีคูน พวกไปด้วยมิได้ลงมือ ให้ไหมกึ่งต้นเหดุจงทุกคน ถ้าเจ้าบ้านตีผู้รุกนั้นบาทเจบไซ้ ให้ยกบาทเจบผู้รุกนั้นเสีย ถ้าเจ้าบ้านตีฟันแทงผู้รุกถึงตาย จเอาโทษเจ้าบ้านเจ้าเรือนนั้นมิได้ เพราะมันสำหาวธรนงศักดิรุกที่รุกแดนท่าน ๆ ว่าตายเสีย อย่าให้คนทังปวงดูเยี่ยงหย่างกัน
๔๑ มาตราหนึ่ง วิวาทด่าตีกัน แลมันคุมพักพวกก็ดี ผู้เดียวก็ดี รุกไปถึงที่แดนบ้านเรือนท่าน จด่าจตีฟันแทงท่าน แลไปยังมิได้ด่าตีฟันแทงท่าน ๆ ว่าให้ไหมมันลาหนึ่งเปนพิไนยหลวง
อนึ่งวิวาทด่าตีกัน แล้วต่างคนต่างมาเรือน ยังผูกใจโกรธคุมนุมโทษไว้วัน ๑
๒
๓ วันเดือนหนึ่ง จึ่งคุมพักพวกพี่น้องไป ตี
ด่า ท่านเล่า ให้พิเคราะดูโทษ ให้ไหมทวีคูนตรีคูน
๔๒ มาตราหนึ่ง ญาติพี่น้องลูกหลานเผ่าพันธุอันเขาเปนงานเดียวกัน แลต่างคนต่างไปอยู่ต่าง ที่
แดน ต่าง บ้าน
เรือน รั้วคั่นกัน แลมีผู้ใดตีด่าฟันแทงมัน ๆ แล่นหนีเข้าไปผึ้งบ้านอื่นนั้น แลมันผู้ด่าผู้ตีนั้นตามเข้าไปด่าตีฟันแทงถึงในที่แดนที่บ้านนั้น ท่านว่าใช่บ้านใช่เรือนมันอยู่เอง จเอาเปนรุกมิได้ ถ้ามันหนีขึ้นไปถึงบนเรือนแล้ว ผู้ตีตามขึ้นไปตีฆ่าฟันแทงถึงบนเรือนดั่งนั้น ท่านว่ามันบังอาจ์ ให้เอาเปนรุก
๔๓ มาตราหนึ่ง ลักษณจลงโทษด้วยลวดหนังนั้น ถ้ามันลัก ฟันแทง
ทรัพย แลรุกที่รุกแดนบ้านเรือนท่าน ว่าจะฟันจะแทงท่านก็ดี จึ่งให้ทวนด้วยลวดหนัง ถ้าวิวาทชะเลาะทุ่มเถียง ตีด่าฟันแทงกันบาดเจบก็ดี อย่าให้ลงโทษทวนแก่มันเลย เหตุว่าวิวาทกันเหมือนช้างต่องาควายต่อเขา ต่างคนต่างด่าตีฟันแทงต่อกัน จลงโทษทวนด้วยนั้นมิชอบ ท่านให้ไหมให้แก่กันแต่โดยบาดเจบโดยขนาด
๔๔ มาตราหนึ่ง ราษฎรทังหลายวิวาทตีด่าฟันแทงกันในรัถยาตรอกถนนมรคาตลาดพิสาน ในสระท่าน้ำศาลากลางไร่นาป่าสถานไพรแห่งใด ๆ ก็ดี ท่านมิให้ว่ารุกสักอันเลย เพราะแห่งนั้นใช่ที่บ้านเรือนตน ให้พระสุภาวดีพิภากษาคดีนั้นดู ถ้าแลจควรเอาเปนโทษ ให้เอาเปนสองด่าตีฟันแทงกัน
๔๕ มาตราหนึ่ง ทังสองวิวาทด่าตีฟันแทงกันในสถานที่ใด ๆ แล้วต่างคนต่างย่างตีนเดิรไปจากที่วิวาทจมาเรือน แลขีดหนทางเปนรูปงูเลื้อยปันเปนแดนไว้มิให้ล่วงแดนเข้ามา ถ้าผู้หนึ่งกลับล่วงค่ามรอยขีดต ม[วซ 7] ไปตีด่าฟันแทงกันก็ดี จเอาเปนรุกนั้นมิได้ เหตุใช่ที่ บ้าน
แดน
เรือน ตน ขีดรอยปันแดนเอาโดยใจนั้นไม่ชอบ
๔๖ มาตราหนึ่ง ผู้ใดอยู่บ้านอยู่เรือนในที่ทำเนเปล่าหารั้วกั้นเปนสำคัญมิได้ กำหนดเขดบ้านเขดเรือนไว้ให้รู้ดั่งนี้ คือให้หญิงสกันยืนตรงชายคาเรือนเอาน้ำสาดออกไป น้ำตกถึงไหน ชื่อว่าเขดเรือนถึงนั่น ถ้านอกจากเขดเรือนนั้นมีรั้ววงกั้นเพื่อจะป้องกันโคกระบือเข้าออกเพียงใด ๆ ชื่อว่าเขดบ้านผู้นั้นเพียงนั้น อนึ่งให้ชายสกันยืนขอกรั้วแลประตูรั้วทัง ๔ ทิศ ทิ้งดินไปตกถึงไหน ได้ชื่อว่าแดนบ้านถึงนั่น ถ้าราษฎรอยู่เรือนใกล้กันหารั้วกั้นมิได้ ก็ให้กระลาการพิจารณากำหนดเอาแต่ที่พ้นจากเรือนออกไปเปนของเจ้าเรือนเท่าใด ก็ให้เอาแต่เท่านั้นเปนแดน ถ้าผู้มีชื่อวิวาทกันมิได้รุกเข้าไปถึงในที่อันท่านกล่าวไว้นี้ จะเอาเปนรุกนั้นมิได้สักอันเลย
กล่าวลักษณมูลวิวาทกันจเอาเปนรุกได้มีได้โดยสังเขปแต่เท่านี้
- ↑ มีใบบอกแก้คำผิดให้แก้ “ศุภมศดุ” เป็น “ศุภมัศดุ” (เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ)
- ↑ บัญชีท้ายกฎหมายลักษณอาญาว่า “1269” (เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ)
- ↑ 3.0 3.1 มีใบบอกแก้คำผิดให้แก้ “กดี” เป็น “ก็ดี” (เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ)
- ↑ มีใบบอกแก้คำผิดให้แก้ “สิง” เป็น “สิ่ง” (เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ)
- ↑ มีใบบอกแก้คำผิดให้แก้ “นุง” เป็น “นุ่ง” (เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ)
- ↑ มีใบบอกแก้คำผิดให้แก้ “จริง” เป็น “จริ่ง” (เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ)
- ↑ มีใบบอกแก้คำผิดให้แก้ “ต ม” เป็น “ตาม” (เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ)