พจนานุกรมกฎหมาย/ง
หน้าตา
ง.
งดการพิจารณา
งดการพิจารณา | การรอพักการพิจารณาเพื่อรอคดีเรื่องอื่นซึ่งจะต้องนำมาใช้ประกอบในการตัดสินคดีนั้น โดยในคดีเรื่องนั้นจะต้องอาศัยคดีเรื่องก่อนทั้งเรื่องหรือแต่ส่วนใดส่วนหนึ่งก็ดี หรือควรจะได้วินิจฉัยโดยเจ้าพนักงานธุระการเสียก่อนก็ดี หรือกำลังพิจารณาปรากฎว่ามีผู้กระทำผิดมีโทษเป็นอชาญาหลวงซึ่งมีข้อที่ว่า ถ้าพิจารณาได้ความจริงแล้ว จะกระทำให้คำตัดสินในคดีนั้นเปลี่ยนแปลงไปก็ดี (ป.ก.พ. มาตรา ๔๐–๔๑) | |
อุทาหรณ์ในเรื่องงดรอคดีเรื่องก่อน เช่น โจทก์ฟ้องขออย่า ในระวางอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องขอแบ่งทรัพย์อีก คดีเรื่องหลังนี้จะต้องงดรอคดีเรื่องก่อน เพราะถ้าศาลตัดสินในคดีเรื่องก่อนว่าอย่ากันไม่ได้ ถึงที่สุดลแล้ว คดีเรื่องหลังก็ไม่ต้องวินิจฉัยต่อไป ส่วนในเรื่องที่มีคดีอาชญาเกิดขึ้น เช่น โจทก์ซึ่งมิได้เป็นเครือญาติกับผู้ตายได้ฟ้องเรียกเงินมฤดกจากผู้จัดการมฤดกตามหนังสือพินัยกรรมที่ผู้ตายทำเอาไว้ให้ แต่จำเลยกลับฟ้องโจทก์ในทางอาชญาว่าโจทก์ปลอมพินัยกรรม คดีเรื่องก่อนต้องงดไว้ เพราะถ้าคดีเรื่องหลังได้ความว่า พินัยกรรมฉะบับนั้นปลอมแล้ว ข้อเท็จจริงในคดีเรื่องก่อนก็จะต้องอาศัยข้อเท็จจริงในคดีเรื่องหลังนีั้เปนหลักในการตัดสินให้โจทก์เดิมไม่ได้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้น (ดู ป.ก.อ. มาตรา ๙๐–๙๑) | ||
เงินกำไร | ดู ผลกำไร | |
เงินค่าบำรุงรักษา | เงินที่จะต้องใช้จ่ายในการบำรุงรักษาทรัพย์สิน | |
เงินจ้าง | เงินที่นายจ้างให้แก่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลเพื่อเป็นสินจ้างแห่งการงารที่ทำนั้น ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า “Wage” และต่างกับ “ค่าจ้าง” ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า “Pay” (ดู ค่าจ้าง) | |
เงินจำนวนสุทธิ | เงินจำนวนแน่นอนทั้งหมดที่ได้มา | |
เงินเดือน | เงินค่าจ้างที่ให้เป็นรายเดือน | |
เงินตรา | ธนบัตร์ซึ่งรัฐบาลของพระเจ้าอยู่หัว หรือรัฐบาลต่างประเทศ หรือธนาคารของรัฐบาลของพระเจ้าอยู่หัวหรือของรัฐบาลต่างประเทศให้ใช้ ใบสำคัญสัญญาในการกู้เงินและในการให้ดอกเบี้ยเงินกู้อันเป็นเอกสารซึ่งรัฐบาลของพระเจ้าอยู่หัวหรือรัฐบาลต่างประเทศทำให้ไว้ (ป.ก.อ. มาตรา ๒๐๙ และควรดู พ.ร.บ. เงินตรา พ.ศ. ๒๔๗๑) | |
เงินทดรอง | เงินที่ออกใช้ไปแทนเงินที่จะต้องใช้จริง | |
เงินเบี้ยบำนาญ | ดู บำนาญ | |
เงินเบี้ยบำเหน็จ | ดู บำเหน็จ | |
เงินประจำ | ดู มัดจำ | |
เงินปันผล | เงินกำไรที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัด | |
เงินปี | เงินค่าจ้างที่ให้เป็นรายปี | |
เงินวางศาล | จำนวนเงินที่จำเลยในความแพ่ง (หรือแพ่งกับอาชญาปนกัน) ได้นำไปวางศาลตามจำนวนที่จำเลยรับในคำให้การหรือตามจำนวนที่จำเลยเห็นว่าพอใช้แก่ความในเวลาที่ได้ยื่นคำให้การเพื่อมอบให้แก่โจทก์ | |
เงินจำนวนนี้จำเลยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมตั้งแต่วันที่วางศาลเป็นต้นไป | ||
ถ้าจำเลยวางภายหลังยื่นคำให้การ ก็ให้จำเลยขออนุญาตต่อศาลเพื่อบอกให้โจทก์รับเอาไป จำเลยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยตั้งแต่วันส่งเงิน แต่ค่าธรรมเนียมภายหลังแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร (พ.ร.บ. วิธีพิจารณาความแพ่ง ร.ศ. ๑๒๗ มาตรา ๕๙) | ||
โจทก์ในเรื่องเช่นนี้มีอำนาจทำได้ ๒ อย่าง คือ:– | ||
(๑)รับเงินที่จำเลยวางไว้เป็นส่วนหนึ่งแห่งเงินที่ฟ้องแล้วขอว่าคดีต่อไป แต่ภายหลังศาลพิจารณาเห็นว่าเงินที่จำเลยวางไว้พอกับจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องแล้ว โจทก์จะต้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในการพิจารณาต่อไป (พ.ร.บ. วิธีพิจารณาความแพ่ง ร.ศ. ๑๒๗ มาตรา ๖๐) | ||
(๒)รับเงินที่จำเลยวางไว้แล้วยอมเลิกความ จำเลยจะต้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนคดีนั้น (พ.ร.บ. วิธีพิจารณาความแพ่ง ร.ศ. ๑๒๗ มาตรา ๖๑) | ||
เงินรัชชูปการ | บรรดาเงินซึ่งบุคคลถวายหลวงตามที่ได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติเงินรัชชูปการ (ดู พ.ร.บ. เก็บเงินรัชชูปการ พ.ศ. ๒๔๖๒ มาตรา ๒ วรรค ๕ ซึ่งได้ถูกยกเลิกตาม พ.ร.บ. เงินรัชชูปการ พ.ศ. ๒๔๖๘ เดิมมีคำอธิบายคำนี้ ภายหลังไม่มี แต่ความก็คงเป็นอย่างเดียวกัน) | |
ชายฉกรรจ์ทุกคนที่อยู่ในพระราชอาณาเขตต์จะต้องเสียเงินรัชชูปการทุกปี ⟨(⟩พ.ร.บ. เงินรัชชูปการ พ.ศ. ๒๔๖๘ มาตรา ๔ ข้อ ๑) | ||
เว้นไว้แต่คนเหล่านี้ไม่ต้องเสีย คือ:– | ||
(๑)ผู้ที่ในปีที่เข้าถึงภาวะเป็นผู้ใหญ่ | ||
(๒)ภิกษุ สามเณร บาดหลวง ครูสอนสาสนาคฤศเตียน ผู้สอนสาสนาอิสลามในสุเหร่าหนึ่งไม่เกิน ๓ คน | ||
(๓)ทหารบก ทหารเรือ ตำรวจภูธร ตำรวจนครบาล ที่ประจำการและที่อยู่ในกองหนุนชั้นที่ ๑–๒–๓ หรือที่ได้รับราชการเต็มตามกำหนด แต่ไม่หมายถึงผู้ที่มีสัญญาบัตร์ยศหรือเทียบยศเสมอด้วยชั้นสัญญาบัตร์ หรือกองหนุนที่รับราชการพลเรือนได้พระราชทานยศหรือมียศเทียบเท่าสัญญาบัตร์ | ||
(๔)กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สาระวัตร์ แพทย์ประจำตำบล | ||
(๕)นักเรียนนายร้อยทหารบก นักเรียนนายเรือ นักเรียนตำรวจภูธรและตำรวจนครบาล | ||
(๖)ผู้ที่ต้องรับพระราชอาชญาอยู่ในเรือนจำ | ||
(๗)นายและกลาสีเรือต่างประเทศซึ่งไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศสยามและแวะเข้ามาชั่วคราว | ||
(๘)ผู้ที่เข้ามาจากต่างประเทศภายหลังสิ้นเดือนมกราคม ยกเว้นฉะเพาะปีนั้น แต่ไม่ให้ใช้แก่ผู้ที่อยู่แล้วออกไปในปีนั้น | ||
(๙)ผู้ที่ร่างกายทุพพลภาพ ไม่สามารถหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง และไม่มีรายได้ที่จะเสีย (พ.ร.บ. เงินรัชชูปการ พ.ศ. ๒๔๖๘ มาตรา ๕) | ||
เงินรัชชูปการเก็บอย่างสูงเพียงคนะ ๑ ปีละ ๖ บาท (พ.ร.บ. เงินรัชชูปการ พ.ศ. ๒๔๖๘ มาตรา ๗ ข้อ ๑) | ||
ถ้าเสียพ้นกำหนด จะต้องเสียเป็นทวีคูณ (พ.ร.บ. เงินรัชชูปการ พ.ศ. ๒๔๖๘ มาตรา ๔ ข้อ ๕) | ||
ถ้าไม่มีเงินเสีย จะต้องถูกใช้งานโยธาปีละ ๑๕ วัน แต่ไม่เกิน ๓๐ วัน (พ.ร.บ. เงินรัชชูปการ พ.ศ. ๒๔๖๘ มาตรา ๑๐ (๔) ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓) | ||
เมื่อถูกใช้งารโยธาแล้วไม่ทำ ผู้นั้นมีความผิดฐานขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานที่สั่งโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายลักษณะอาชญา มาตรา ๓๓๔ (๒) (พ.ร.บ. เงินรัชชูปการ พ.ศ. ๒๔๖๘ มาตรา ๑๓ ข้อ ๒) | ||
เงื่อนไข | ข้อความอันใดที่บังคับไว้ให้นิติกรรมเป็นผลต่อเมื่อมีเหตุการณ์อันใดอันหนึ่งขึ้นในอนาคตและไม่แน่นอน (ป.ก.พ. มาตรา ๑๔๔) เช่น สัญญากันว่าจะขายข้าวในนาให้เมื่อทำนาในแปลงนั้นได้ข้าว ๑๐๐ เกวียน ที่ว่า “ได้ข้าว ๑๐๐ เกวียน” เป็นเงื่อนไข เพราะเป็นข้อความที่ให้นิติกรรมเป็นผลต่อเมื่อได้ข้าวถึง ๑๐๐ เกวียน และการที่จะได้ข้าวหรือไม่ได้ข้าวนี้ก็ไม่เป็นการแน่นอน | |
ก่อนหน้าใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เรียก “เงื่อนไข” นี้ว่า “ข้อแม้” (ดู คำอธิบายกฎหมายมูลคดีสัญญา ของพระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) หน้า ๑๗) “เงื่อนไข” หรือ “ข้อแม้” นี้ตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Condition” | ||
เงื่อนเวลา | ข้อไขความในเรื่องกำหนดเวลาแห่งสัญญาที่มีผลในกฎหมายแล้ว แต่เพื่อจะให้เกิดความผูกพันในกฎหมายต่อเมื่อถึงกำหนดเวลาที่ได้สัญญากันไว้ (ดู ป.ก.พ. มาตรา ๑๕๓⟨)⟩ เช่น สัญญาขายข้าวกัน ๑๐๐ เกวียนโดยตกลงกันว่า ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินภายใน ๗ วัน ผู้ขายจึงจะยอมให้ข้าว ๑๐๐ เกวียนเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อ ความที่ว่า “ชำระเงินภายใน ๗ วัน” เป็นเงื่อนเวลา เพราะถ้าผู้ซื้อได้ชำระเงินภายใน ๗ วัน สัญญานั้นจึงจะผูกพันกันได้เต็มที่ |
