ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พงศาวดารเมืองหัวพันห้าทั้งหก"

จาก วิกิซอร์ซ
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
 
บรรทัดที่ 104: บรรทัดที่ 104:


ครั้นอยู่มาถึงณปีจออัฐ ๑๒๔๗ (พ.ศ. ๒๔๒๙) นี้ ข้าพเจ้าทราบว่ากองทัพกรุงเทพฯ ซึ่งได้ยกขึ้นมาตั้งอยู่ณเมืองซ่อน แลได้แต่งกองทัพยกแยกออกเปน ๒ กองเดินขึ้นไปปราบปรามโจรผู้ร้ายซึ่งตั้งมั่นอยู่ตามหัวเมืองสบแอด เมืองเชียงค้อ เมืองแวน เมืองโสย เมืองพูน นั้นกองทัพกรุงเทพฯ ได้ต่อสู้รบกับพวกจีนฮ่อเปนสามารถ ไล่ฆ่าฟันพวกจีนฮ่อล้มตายไปเปนอันมาก พวกฮ่อก็มีความเกรงกลัวเข้ามาอ่อนน้อมยอมสวามิภักดิ์เปนข้าอยู่ในพระราชอาณาเขตรขอบขัณฑเสมากรุงสยามต่อไป ตั้งแต่กรุงเทพฯ นั้นยกขึ้นมาปราบปรามโจรผู้ร้ายแลได้จัดราชการเมืองหัวพันห้าทั้งหกตลอดไปจนถึงเมือง ๑๒ จุไทเรียบร้อยเปนปรกติในครั้งนี้แล้ว พวกฮ่อกับข่าเจืองก็มิได้ยกเข้ามาราบกวนในเขตรแดนแขวงเมืองหัวเมืองอิกต่อไป เจ้าเมืองหัวเมืองกับท้าวขุนกรมการแลไพร่พลเมืองพากันทำมาหากินโดยปรกติ มีความศุขทุกถ้วนหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ เปนสิ้นข้อความซึ่งข้าพเจ้าให้ถ้อยคำกล่าวตามข้อราชการที่มีเหตุเกิดขึ้นตามเมืองหัวพันทั้งหกแลเมือง ๑๒ จุไทมาแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้ทราบความแต่เท่านี้ ให้ถ้อยคำไว้เปนสำคัญ ฯ
ครั้นอยู่มาถึงณปีจออัฐ ๑๒๔๗ (พ.ศ. ๒๔๒๙) นี้ ข้าพเจ้าทราบว่ากองทัพกรุงเทพฯ ซึ่งได้ยกขึ้นมาตั้งอยู่ณเมืองซ่อน แลได้แต่งกองทัพยกแยกออกเปน ๒ กองเดินขึ้นไปปราบปรามโจรผู้ร้ายซึ่งตั้งมั่นอยู่ตามหัวเมืองสบแอด เมืองเชียงค้อ เมืองแวน เมืองโสย เมืองพูน นั้นกองทัพกรุงเทพฯ ได้ต่อสู้รบกับพวกจีนฮ่อเปนสามารถ ไล่ฆ่าฟันพวกจีนฮ่อล้มตายไปเปนอันมาก พวกฮ่อก็มีความเกรงกลัวเข้ามาอ่อนน้อมยอมสวามิภักดิ์เปนข้าอยู่ในพระราชอาณาเขตรขอบขัณฑเสมากรุงสยามต่อไป ตั้งแต่กรุงเทพฯ นั้นยกขึ้นมาปราบปรามโจรผู้ร้ายแลได้จัดราชการเมืองหัวพันห้าทั้งหกตลอดไปจนถึงเมือง ๑๒ จุไทเรียบร้อยเปนปรกติในครั้งนี้แล้ว พวกฮ่อกับข่าเจืองก็มิได้ยกเข้ามาราบกวนในเขตรแดนแขวงเมืองหัวเมืองอิกต่อไป เจ้าเมืองหัวเมืองกับท้าวขุนกรมการแลไพร่พลเมืองพากันทำมาหากินโดยปรกติ มีความศุขทุกถ้วนหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ เปนสิ้นข้อความซึ่งข้าพเจ้าให้ถ้อยคำกล่าวตามข้อราชการที่มีเหตุเกิดขึ้นตามเมืองหัวพันทั้งหกแลเมือง ๑๒ จุไทมาแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้ทราบความแต่เท่านี้ ให้ถ้อยคำไว้เปนสำคัญ ฯ

[[หมวดหมู่:ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๒๒]]


== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 12:00, 21 มีนาคม 2559

ที่ ๑ เรื่อง เมืองสบแอดเชียงค้อ[แก้ไข]

ที่ตั้งกองทัพณเมืองซ่อน
ณวัน ๑๐ ฯ  ค่ำ ปีจออัฐศก๑๘ ๑๒๔๘

ท้าวพล กรมการท้าวขุนในเมืองสบแอด, เชียงค้อ ให้ถ้อยคำว่า เดิมบ้านเมืองก็เปนศุขเรียบร้อย หามีโจรผู้ร้ายไม่ สืบมาแต่ปู่แลบิดามาช้านาน.

ครั้นล่วงมาเมื่อปีวอกจัตวาศก ๑๒๓๔ (พ.ศ.๒๔๑๕) มีอ้ายจีนฮ่อ พวกหนึ่งใช้ธงลาย นายจีนฮ่อชื่อสามบิวคน ๑ ชื่อยิบไตคน ๑ มีกำลังประมาณ ๓๐๐๐ คน ยกเข้ามาตีเมืองสิบสองจุไทยแตกทั้งสิ้น ครั้นแล้วฮ่อจึงปฤกษากันแยกย้ายเที่ยวตั้งอยู่หลายตำบล เพราะขัดสนด้วยเสบียงอาหาร แล้วจีนฮ่อชื่อลอลีจึงแยกกองทัพยกไปตีกวานฟูข้าหลวงมาจากเมืองญวนซึ่งไปกำกับอยู่เมืองแถง กวานฟูกับลอลีได้สู้รบกันอยู่ ๓ เวลา กวานฟูสู้ไม่ได้แตกหนีไปเมืองญวน เจ้าเมืองแถงยอมเข้าทู้จีนฮ่อก็ฆ่าเสีย แล้วยกพลเข้าตั้งค่ายอยู่ในเมืองแถง กวานกอยิบใตตีได้เมืองมวก เมืองลา แล้วยกพลขึ้นไปค่ายอยู่เมืองลา เจ้าเมืองมวกเจ้าเมืองลากลับแขงเมืองขึ้นอีก กวานกอยิบใตยกพลลงมาจะเข้าตีเมืองมวกเมืองลา เมืองมวกเมืองลามีคนอยู่ ๓๐๐ คน เห็นจะสู้กวานกอยิบใตไม่ได้ จึงมีหนังสือลงมาขอกองทัพเมืองฮุงขึ้นไปช่วย เจ้าเมืองฮุงจัดได้คน ๓๐๐ คน แต่งให้เจียวดา เพี้ยฟูกเปนนายคุมคน ๓๐๐ คน ขึ้นไปช่วยเจ้าเมืองมวกเมืองลา ๆ ได้คนเมืองฮุง ๓๐๐ คน รวมเปน ๖๐๐ ด้วยกันยกขึ้นไปตั้งค่ายอยู่บ้านพิงแขวงเมืองมวก กวานกอยิบใตก็ยกเข้าตีค่ายเจ้าเมืองมวก ๆ กับกวานกอยิบใตสู้รบกันอยู่ได้ ๓ เวลา กวานกอยิบใตอ่อนกำลังลงถอยกองทัพกลับไปค่ายเมืองลา องตีเจ้าเมืองมวกยกพลขึ้นไปตั้งค่ายอยู่บ้านกับแขวงเมืองมวกกับเมืองลาต่อกัน กวานกอยิบก็ออกรบกับเมืองมวกอยู่หลายวันยังยังหาแพ้ชนะกันไม่ ต่างคนต่างรักษาค่ายมั่นไว้ได้ ๒ ปี เจ้าเมืองมวกถอยกำลังลงล่าทัพมาต้อนเอาครอบครัวที่เมืองมวกมาพักอยู่เมืองสบแอด แล้วเพี้ยคำเจ้าเมืองสบแอดกับเพี้ยเกียนเจ้าเมืองฮุงกับเพี้ยท้าวทั้งปวงปฤกษาพร้อมกันแล้ว จัดคนเมืองสบแอด ๓๐๐ คน เมืองฮุง ๓๐๐ คน ยกขึ้นไปตั้งค่ายอยู่บ้านงิ้วแขวงเมืองฮุงได้ ๓ เวลา สามบิวก็ยกพลลงมารบกันตั้งแต่เช้าจนเวลาเที่ยง เจ้าเมืองสบแอดเจ้าเมืองฮุงสู้ฝีมือฮ่อไม่ได้ แตกหนีมาตั้งค่ายอยู่บ้านด่านแขวงเมืองสบแอดกับเมืองฮุงต่อกัน แล้ววงเวียนเจ้าเมืองเชียงค้อ เพี้ยพลเจ้าเมืองฮุง เพี้ยไซเจ้าเมืองบัว รู้ว่าเมืองสบแอดเมืองฮุงแตกพวกฮ่อ หนีมาตั้งค่ายอยู่บ้านด่าน จึงปฤกษาพร้อมกันเกณฑ์คนทั้ง ๓ เมืองได้คน ๙๐๐ คนยกขึ้นไปสมทบกับเจ้าเมืองสบแอดเจ้าเมืองฮุง รวม ๕ เมือง เปนคน ๑๕๐๐ คน แล้วแบ่งคนออก ๕๐๐ ไปตั้งค่ายอยู่บนเนินทุ่งนาค่ายหนึ่งอยู่ค่ายบ้านด่าน ๑๐๐๐ คน พอฮ่อสามบิวรู้ว่าเจ้าเมืองสบแอดเจ้าเมืองฮุงหนีลงไปตั้งค่ายอยู่บ้านด่านก็ยกกองทัพตามลงมารบ พวกเมืองเชียงค้อ เมืองฮุง เมืองบัว เมืองสบแอด ออกรบกับพวกฮ่อสามบิว อยู่ได้เดือนเศษ เห็นไพร่พลตายมากทิ้งค่ายบ้านด่านหนีลงมาพักอยู่ค่ายเนินทุ่งนา พวกฮ่อยกตามลงไปได้สู้กันถึงตลุมบอน พวกเจ้าเมืองทั้ง ๕ สู้ฝีมือฮ่อไม่ได้ หนีลงมาตั้งค่ายอยู่สบวงแขวงเมืองเชียงค้อ พวกฮ่อก็ไล่ติดตามมาถึงได้รบกันตั้งแต่เช้าจนเวลาเพน ถอยเข้าค่ายรักษามั่นไว้ แล้วทราบว่าเจ้าเมืองญวนให้กวานเล่งบิงเปนข้าหลวงยกพลขึ้นมาขัดทัพอยู่เมืองฉิม ก็ทิ้งค่ายสบวงหนีลงไปหากวานเล่งบิงที่เมืองฉิม ไปแจ้งความให้กวานเล่งบิงซึ่งได้สู้รบกับพวกฮ่อให้กวานเล่งบิงฟังทุกประการ แต่เจ้าเมืองสบแอดเจ้าเมืองฮุงหนีไปอยู่เมืองละแนงหนองกาง พวกฮ่อสามบิวเก็บได้สิ่งของเมืองสบแอด ปืนหามแล่น ๒ กระบอก ปืนคาบศิลา ๒๐ กระบอก ม้า ๖ ตัว วัว ๖๐ ตัว กระบือ ๔๐๐ เศษ เมืองเชียงต้อปืนใหญ่ ๒ กำ ยาว ๒ ศอกคืบบอกหนึ่ง กระบือ ๓๐๐ ตัว วัว ๘๐ ตัว ม้า ๔๐ ตัว เมืองฮัง กระบือ ๑๖ ตัว วัว ๔๐ ตัว ม้า ๑๓ ม้า คนตายในที่รบเมืองเชียงต้อ ๓๗ คน เมืองสบแอด ๑๒ คน เมืองฮัง ๑๓ คน รวม ๓ เมือง ปืนใหญ่ ๓ กระบอก ปืนเล็ก ๒๐ กระบอก กระบือ ๘๖๐ ตัว ม้า ๕๙ ม้า วัว ๕๖ ตัว กับทรัพย์สิ่งของเปนอันมาก แล้วพวกฮ่อสามบิวตีเมืองหัวพันทั้ง ๖ ได้แล้ว จึงแยกกองทัพออกเปน ๓ กอง ตั้งให้กวานตาหยัดไปตั้งค่ายอยู่เมืองฮังค่ายหนึ่ง มีคนรักษาค่าย ๑๐๐ คนตำบลหนึ่ง ตั้งกวาน สับสุยไปตั้งค่ายอยู่บ้านตราง คุมคน ๑๐๐ คนเปนนายตำบลหนึ่ง ค่ายบ้านสบสานแขวงเมืองเชียงต้อ แล้ว ๓ ปี คุมจีนธงลาย ๑๐๐๐ คนยก ไปเมืองพวน ท้าวเพี้ยแลราษฎรที่ไม่ได้หนีพวกฮ่อไปนั้น ขอยอมเข้าทู้เปนบ่าวฮ่อ พวกฮ่อคิดเงินค่าทู้เมืองเชียงต้อ ๔๐ ขัน เมืองสบแอด ๖๐ ขัน เมืองฮัง ๓๐ ขัน รวมเปน ๑๓๐ ขัน คิดเปนเงินตรา ๓๙ ชั่ง สามบิวก็ตั้งค่ายสามตำบลได้ปีเศษ

ครั้นอยู่มาณะปีมะโรงโทศก ๑๒๔๒ เจ้าเมืองญวนแต่งให้องเถือง เปนแม่ทัพกับกวานเล่งบิง กวานลิงมวก กวานกด คุมทหารญวน ๘๐๐ คน นุ่งกางเกงแดงใส่เสื้อแดงหอกดาบครบมือ มีปืนใหญ่ ๖ กระบอก ปืนหามแล่น ๕๐ กระบอก แล้วเกณฑ์คนหัวเมืองขึ้นญวนขึ้นม้อยขึ้นผู้ไทบ้าง นุ่งกางเกงแดงเสื้อแดง นุ่งกางเกงขาวเสื้อขาวบ้าง รวมเปนคน ๒๘๐๐ คน เดินกองทัพขึ้นมาตามน้ำมาครั้นณะวันเดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีมะโรงโทศก ๑๒๔๒ ถึงเมืองเชียงต้อ องเถืองแม่ทัพจึงตั้งค่ายลงที่เมืองฮัง ใกล้กับค่ายฮ่อกวานตาหยัด ๑๐ เส้น ค่ายกว้าง ๔๐ วา ยาว ๔๐ วา ค่ายหนึ่ง มีทหารรักษาค่าย ๑๐๐๐ คน กวานเล่งบิง กวานลิงน๊อก ตั้งค่ายลงคนละค่ายเคียงกับ ค่ายองเถือง กวานเล่งบิงมีคน ๓๐๐ กวานเล่งน๊อกมีคน ๖๐๐ กวานต๊กค่ายหนึ่งมีคน ๒๖๐ องกวานยองเจ้าเมืองจุยาเปนผู้ไทกองน่า ผู้หนึ่งมีคน ๒๖๐ คน กวานค้องเจ้าเมีองค้องค่ายหนึ่งมีคน ๑๖๐ คน เจ้าเมืองจีผู้ไทค่ายหนึ่งมีคน ๑๖๐ คน เจ้าเมืองจือผู้ไทค่ายหนึ่งมีคน ๑๖๐ คน เจ้าเมืองลี เจ้าเมืองลาด เจ้าเมืองฟุง สามเมืองค่ายหนึ่ง มีคน ๓๐๐ คน เจ้าเมืองเชียงค้อ เจ้าเมืองสบแอด เจ้าเมืองบัว เจ้า เมืองฮัง สี่เมืองค่ายหนึ่งมีคน ๓๐๐ คน แต่พวกกองทัพองเถืองตั้ง ค่ายรายเรียงกันไป ๖ วันจึงแล้วพร้อมกัน ครั้นตั้งค่ายแล้วก็ยกออกระดมตีค่ายกวานตาหยัด ๆ หาออกรบนอกค่ายไม่ รบสู้อยู่แต่ในค่ายเพราะคนน้อย กวานกอยิบ กวานกอสุยก็หาได้ไปช่วยไม่ กวานตาหยัด รักษาค่ายมั่นไว้ได้สามวัน พวกฮ่อเมืองไอชื่อวังไตคุมคนลงมา ๖๐ คน เข้าช่วยกวานตาหยัด ๆ กับวังไตยกคนออกรบนอกค่าย ต่างคนต่างยิงปืนสู้รบกันอยู่ได้ ๒ วัน คนตายด้วยกันทั้งสองฝ่ายเปนอันมาก พวก องเถืองแม่ทัพหมดกระสุนดินดำหามีจะสู้รบกับฮ่อไม่ ต่างคนต่างแยกกันไป ท้าวพลกับเพี้ยคำเจ้าเมืองสบแอด กับท้าวเพี้ยแลราษฎร ๕๐ ครัวหนีไปอยู่เมืองสแนนหนองกาง องเถืองก็แตกหนีไปทางเมืองสิง พวกฮ่อเก็บได้ปืนหามแล่น ๖ บอกกับเครื่องสาตราวุธหลายสิ่ง พวกฮ่อก็ไล่ติดตามองเถืองไปถึงเมืองสิงก็หาทันไม่พากันกลับมาค่าย แต่เจ้าเมืองเชียงค้อกับท้าวเพี้ยราษฎรประมาณ ๕๐,๖๐ ครัวหนีฮ่อไปอยู่บ้านหาดจางแขวงเมืองหลวงพระบาง แล้วเจ้าเมืองสบแอดพาครอบครัวยกออกจากเมืองสแนนไปอยู่กับแสนหลวงแขวง เมืองซึม พวกท้าวแลราษฎรเมืองเชียงค้อ เมืองฮัง เมืองสบแอด กับท้าวพลอดเสบียงอาหารหามีไปกินไม่ พากันกลับมาเข้ายอมทู้ฮ่อหมด พวกฮ่อกับราษฎรออกทำมาหากินตามเดิม องเถืองกวานเล่งบิง องเถืองกวานริงน๊อก องเถืองกวานต๊ก ซึ่งแตกหนีฮ่อไปนั้น เจ้าเมืองญวนเอาตัวไปใส่คุกไว้หมด

ครั้นอยู่นานมาท้าวพลเห็นกายเม้าทหารเมืองญวนคุมพลขึ้นมา ๗๐๐ คน มาตั้งค่ายอยู่เมืองเชียงค้อ พวกท้าวเพี้ยเมืองสบแอด รู้ว่ากายเม้าทหารเมืองญวนจะขึ้นมารบพวกฮ่อ จึงมีหนังสือไปถึงเพี้ยคำ เจ้าเมืองสบแอดที่บ้านแสนหลวงแขวงเมืองซึม ให้มาปฤกษาข้อราชการกัน เพี้ยคำเจ้าเมืองสบแอดรู้หนังสือแล้วกลับมาอยู่เมืองสบแอด ไปปฤกษาราชการกับกายเม้าทหารญวน กายเม้าทหารญวนตั้งค่ายแล้วได้วันหนึ่ง พวกฮ่อกวานตาหยัดก็ลงไปที่ค่ายกายเม้า ๆ กับกวานตาหยัดสู้รบกันตั้งแต่เช้าจนเวลาค่ำ กายเม้าสู้พวกฮ่อไม่ได้แตกหนีออกจากค่ายไปเมืองสิม พวกฮ่อไล่ติดตามไปถึงเมืองฮัง เห็นไม่ทันก็กลับมาค่าย แล้วท้าวพลทราบความว่าเจ้าราชวงศ์เมืองหลวงพระบางเปนแม่ทัพยกพลขึ้นไปตีค่ายลอลีฮ่อกอไล้ที่เมืองแถง พวกฮ่อลอลีพวกฮ่อกอไล้ออกสู้รบต้านทานกองทัพเจ้าราชวงศ์ได้ ๘ วัน พวกฮ่อลอลีพวกฮ่อกอไล้สู้กองทัพเจ้าราชวงศ์ไม่ได้ พากันแตกหนีออก จากค่ายเดินมาทางเมืองสบดบ เมืองวา เลยเข้าไปตีเมืองซ่อน พระยายอดจอมคำซ่อนไท พระยาสีสุมังซ่อนลาว ช่วยกันออกรบฮ่อลอลีฮ่อกอไล้ ๆ กับพระยายอดจอมคำ พระยาสีสุมังได้สู้รบกันอยู่ถึง ๑๐ วัน รี้พลต่างคนต่างตาย พระยายอดจอมคำ พระยาสีสุมังสู้ฝีมือฮ่อลอลีฮ่อกอไล้ไม่ได้ พระยาสีสุมังทิ้งเมืองหนีลงไปเมืองหลวงพระบาง พระยายอดจอมคำยกเมืองเข้าทู้ฮ่อ

ฮ่อตั้งค่ายอยู่ในเมืองซ่อนลาวได้ ๕ เดือน แล้วท้าวเม้าเมืองหลวงพระบางยกกองทัพขึ้นมามีคน ๕๐๐ คนเศษเข้าตีค่ายฮ่อที่เมืองซ่อน พวกฮ่อกับท้าวเม้าได้สู้รบกันอยู่ ๓ วัน พวกฮ่อสู้ฝีมือท้าวเม้าไม่ได้แตกหนีพาไพร่พลเดินทางไปเมืองพวน เมืองกูด เมืองเหี้ยมพันลอแล้วเลยยกขึ้นไปตีทุ่งเชียงคำ พวกทุ่งเชียงคำออกสู้รบกับพวกฮ่อธงแดงได้ ๓ วัน สู้พวกฮ่อไม่ได้แล้วยอมเข้าทู้ฮ่อ ฮ่อตั้งค่ายอยู่เชียงคำพักรี้พลได้ ๓ วัน แล้วลงไปตีเวียงคังลาดบวกได้ พวกเวียงคังลาดบวกยอมเข้าทู้ฮ่อ แล้วพวกฮ่อก็ยกกองทัพลงไปตีเมืองเชียงขวางต่อไป เจ้าเมืองเชียงขวางออกรบต้านทานกำลังพวกฮ่อได้เดือนเศษ เจ้าเมืองเชียงขวางเสียทีตายในที่รบ พวกท้าวเพี้ยแลราษฎรแตกหนีไปทางท่าโทมไปทางหนองคาย เมืองหลวงพระบางบ้างที่เหลืออยู่ยอมเข้าทู้ฮ่อสามกอปิว ฮ่อสามกอปิวก็ตั้งค่ายพักอยู่ที่เมืองเชียงขวางได้ ๑๕ วัน แล้วสามกอปิวก็ยกกองทัพตามลงไปตีบ้านท่าโทม ท่าเรือ พวกบ้านท่าโทมท่าเรือก็แตกหนีไป พวกฮ่อสาม กอปิวเก็บทรัพย์สิ่งของทองเงินม้าแลวัวควายได้เปนอันมาก แล้วยกกองทัพกลับมาอยู่ค่ายทุ่งเชียงคำ

ครั้นอยู่มาสามกอปิวจึงมีหนังสือขึ้นไปขอกองทัพองวันฮ่อธงลาย อยู่เมืองตึก องวันได้จัดคนได้ ๑๐๐๐ คนเศษ องวันยกเปนกระบวนทัพมาหาสามกอปิวที่ค่ายทุ่งเชียงคำ องวันกับสามกอปิวปฤกษาพร้อมกันแล้วสามกอปิวจึงให้องวันกับกวานลานเปนนายคุมพล ๑๐๐๐ เศษ ยกกองทัพลงไปตีเมืองเวียงจันท์ พวกเมืองเวียงจันท์หาทันรู้ตัวว่าพวก ฮ่อมามากน้อยเท่าใดไม่ ก็พากันแตกตื่นทิ้งบ้านเรือนเก็บได้ครอบครัวบ้างคนละเล็กละน้อยหนีลงไปทางเมืองหนองคายบ้าง ยอมเข้าทู้ฮ่อบ้าง แล้วพวกฮ่อองวันกับกวานลานเอาไฟเผาบ้านเรือนพวกราษฎรเสียหลาย ตำบล แล้วองวันกวานลานเข้าตั้งค่ายอยู่ในเมืองเวียงจันท์ ครั้นอยู่มาประมาณสามสี่เดือน พระยามหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยาณมิตร) เปนแม่ทัพคุมทหารกรุงเทพ ฯ ขึ้นมาฆ่าฮ่อที่ตั้งค่ายอยู่เมืองเวียงจันท์ ตาย ๑๐๐๐ คนเศษ หนีไปได้ ๓ คน ชื่อกอยี่ ชื่อซู ชื่อเจือง ๓ คน กลับ มาอยู่กับสามกอปิวที่ทุ่งเชียงคำ เมื่อปีกุญสัปตศก ๑๒๓๗ (พ.ศ. ๒๔๑๘ ) ท่านพระยาพิไชย (ดิศ) ยกกองทัพขึ้นไปตีฮ่อสามกอปิวที่ทุ่งเชียงคำท่านพระยาพิไชยกับสามกอปิวได้สู้รบกันอยู่หลายเดือน พวกท่านพระยา พิไชยตาย ๑๑ คน พวกฮ่อตายเปนอันมาก พวกฮ่อสามกอปิวสู้ฝีมือพวกกองทัพท่านพระยาพิไชยไม่ได้ ทิ้งค่ายหนีไปตั้งค่ายอยู่เมืองแวน พวกฮ่อที่ตั้งค่ายอยู่สามตำบล คือเมืองฮัง เมืองสบสาน บ้านตราง รู้ว่าพวกฮ่อสามกอปิวแตกหนีท่านพระยาพิไชยมา จึงปฤกษากันว่า สามกอปิวยกกองทัพไปตีค่ายเมืองพวนทุ่งเชียงคำ แล้วรักษาค่ายไว้ก็ไม่ได้ กลับแตกหนีท่านพระยาพิไชยมาอยู่เมืองแวนในแผ่นดินหัวพันทั้งหกที่กวานอยิบตีได้ นานไปท่านพระยาพิไชยรู้เข้าก็จะยกกองทัพขึ้นมาตีกวานกอปิวในแผ่นดินเมืองหัวพันทั้งหก พวกกวานกอยิบ ก็จะได้ความลำบาก กวานกอยิบปฤกษากับไพร่พลเสร็จแล้ว จึงจัดคนได้ ๑๐๐๐ เศษ ยกไปตีสามกอปิวที่เมืองแวน สามกอปิวมีคนอยู่ ๘๐๐ เศษ ในเวลากลางคืนหาทันรู้ตัวไม่ กวานกอยิบแยกทหารออกระดมตีค่ายสามกอปิว สามกอปิวแตกพาไพร่พลได้ ๓๐๐ คนเศษหนีไปอยู่ทุ่งเชียงคำบ้าง น้ำสิ่มบ้าง แต่กวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง กับไพร่พล ๒๐๐ คนเศษยอมเข้าทู้กวานกอยิบ ๆ ก็พากวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง กับไพร่พลยกกองทัพกลับไปค่ายบ้านสบสาน แล้วกวานกอยิบจึงให้กวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง ไปตั้งค่ายอยู่เมืองเชียงเขือง แล้วกวานกอยิบจึงยกกองทัพไปอยู่เมืองลาค่ายเดิม

ครั้นอยู่นานมาได้ ๒ ปีเศษ เจ้าเมืองไลไปจ้างเอาฮ่อธงดำเมืองเล่ากาย ๑๐๐๐ คนยกลงมาตีค่ายกวานกอยิบเมืองลา แล้วจึงแต่งให้ท้าวสามบุตรเจ้าเมืองไล กายตงเจ้าเมืองแถง แสนจงเจ้าเมืองไล ๓ นายคุมพล ๖๐๐ คนยกล้อมค่าย กอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง ที่เชียงเขืองแขวงเมืองฮุง แล้วพวกท้าวสามกายตง สามแสนจงร้องประกาศบอกแก่ราษฎรเมืองฮุงเมืองแอดว่า ล้อมค่ายกวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง ไว้แล้วจะฆ่าเสียให้หมดอย่าให้ราษฎรมีความกลัวตกใจพวกอ้ายฮ่อเลย ให้พวกราษฎรออกทำมาหากินตามภูมิลำเนาของราษฎรเถิด พวกราษฎรเมืองฮุงเมืองสบแอดออกทำไร่นา แล้ว กวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง ออกรบสู้กับท้าวสามกายตง ท้าว สามแสนจงถึง ๓ เดือนยังไม่แพ้ชนะกัน ท้าวสามกายตง ท้าวสามแสนจงหมดเสบียงหาพอเลี้ยงไพร่พลไม่ ก็เลิกทัพถอยมาตั้งค่ายอยู่เมืองวา กวานกอยี่เห็นกองทัพพวกท้าวสามยกถอยไปแล้ว มีความโกรธพวกเมืองสบแอดว่าไปเข้ากับพวกท้าวสามเมืองไล่จับเอาตัวราษฎร เมืองสบแอดได้ ๓ คน เอาไปฆ่าเสีย ที่ไม่ได้ฆ่านั้นริบเอาเงินทองไปเปนอันมาก เจ้าเมืองสบแอดกลัวพวกฮ่อจะฆ่า หนีไปอยู่เมืองลานแล้วบิดามารดาท้าวพลยกครอบครัวพาน้องสาวท้าวพลหนีไปอยู่ที่ห้วยจำแขวงเมืองสบแอด กวานกอยี่รู้จึงไปจับเอาตัวอำแดงแก้วน้องสาวท้าวพลไปเปนภรรยาอยู่ที่ค่ายเชียงเขือง แล้วท้าวสามกายตง ท้าวสามแสนจงซึ่งถอยไปตั้งค่ายอยู่เมืองวานั้นได้ ๓ เดือนก็หาได้ยกลงมารบกับกวานกอยี่ไม่ แล้วก็เลิกกองทัพกลับไปหาเจ้าเมืองไลที่ค่ายเมืองลาช่วยเจ้าเมืองไลรบกวานกอยิบ ๆ กับเจ้าเมืองไลรบกันอยู่ได้ปีเศษยังหาแพ้ชนะกันไม่ เจ้าเมืองไลจึงมีหนังสือขึ้นไปขอกองทัพพวกธงดำเจ้าเมืองเล่ากาย ๆ จึงได้จัดพล ๘๐๐ คน กับธงยี่ห้อของเมืองเล่ากายมอบให้ปักเปงเก๊าเปนแม่ทัพยกขึ้นไปช่วยเจ้าเมืองไล กวานกอยิบรู้ว่าพวกธงดำเจ้าเมืองเล่ากาย แต่งให้ปักเปงเก๊าเปนแม่ทัพ มีธงยี่ห้อของเมืองเล่ากายปักมาเปนสำคัญ กวานกอยิบมีความกลัว จึงออกไปคำนับรับกองทัพปักเปงเก๊าเข้ามาในค่าย ปักเปงเก๊าจึงว่ากับกวานกอยิบว่า เจ้ากรุงจีนมีหนังสือให้เจ้าเมืองเล่ากายไปจับเอาตัวพวกฮ่อที่เข้าไปรบอาณาเขตรเมืองลาวให้หมด ถ้าไม่ได้ตัวพวกฮ่อไปจะทำโทษเจ้าเมืองเล่ากาย ๆ จึงใช้ให้ปักเปงเก๊ามาเอาตัวกวานกอยิบกับไพร่พลไปเมืองเล่ากาย กวานกอยิบกับไพร่พลก็ยอมไป กวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง ที่ตั้งค่ายอยู่เชียงเขืองนั้น รู้ว่าปักเปงเก๊าเมืองเล่ากายขึ้นมาเอาตัวกวานกอยิบกับกวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง ไปเมืองเล่ากาย มีความกลัวพากันยกครอบครัวไพร่พล ๒๐๐ คนเศษ หนีไปอยู่กับพระยาข่าเจืองที่เมืองเปินได้ปีหนึ่ง เจ้าเมืองแอดรู้ว่ากวานกอยี่หนีไปอยู่กับพระยาพระที่เมืองเปินเจ้าเมืองแอดก็พาครอบครัวกลับ เข้ามาอยู่เมืองแอดตามเดิม แล้วกวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจืองจึงไปปฤกษากับพระยาพระว่าให้พระยาพระไปช่วยกวานกอยี่รบพวกเมืองสบแอดได้แล้ว กวานกอยี่ก็จะไปช่วยพระยาพระรบเมืองซ่อน จะให้พระยาพระอยู่เมืองซ่อน พระยาพระกับกวานกอยี่ปฤกษากันตกลงพร้อมแล้ว พระยาพระกับกวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง คุมไพร่พลทั้งฮ่อแลข่าเจือง๑๖๐ คนเศษยกเข้าตีเมืองสบแอด เจ้าเมืองสบแอด กับท้าวพลแลราษฎร๑๐๐คนเศษหนีไปอยู่เมืองหลวงพระบาง ท้าวเพี้ย แลราษฎรที่ไม่ได้หนีไปนั้นยอมเข้าทู้กวานกอยี่หมด กวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง พระยาพระเข้าตั้งค่ายอยู่บ้านนาเพียงแขวงเมืองสบแอดปักเปงเก๊ารู้ว่ากวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง หนีไปหาได้ตัวไม่ จึงเอาตัวกวานกอยิบกับไพร่พล ๒๐๐๐ คนเศษไปเมืองเล่ากาย เจ้าเมืองไลยกกองทัพไปเมืองไล พวกไพร่พลกวานกอยิบที่ไปอยู่เมืองเล่ากายมาทีละ ๑๐ คนบ้าง ทีละ ๒๐ คนบ้าง มารวบรวมกันเข้าได้ คน ๑๐๐ เศษ กวานกอต้ายเปนนายคุมพล ๑๐๐ เศษยกไปตั้งค่ายอยู่ เมืองสบคบได้ปีเศษ เจ้าเมืองเล่ากายรู้ว่าพวกกอต้ายหนีมาอยู่เมืองสบคบ กวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง หนีไปอยู่เมืองสบแอด จึง แต่งให้องบาฮ่อธงดำคุมพล ๓๐๐ คน กับเจ้าเมืองไลคุมพล ๑๖๐ คนขึ้นมาจับตัวกวานกอต้าย กวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง ๆ รู้ตัวเข้าว่าองบาจะมาจับ มีความกลัวหนีไปสมทบอยู่กับกวานกอต้าย แล้วก็พากันหนีองบาไปอยู่ห้วยสุย แต่พระยาพระหนีไปอยู่กับกายตงเมืองลาน องบากับเจ้าเมืองไลตามไปถึงหว้ยสุย กวานกอยี่ กอวาง กอซู กอเจือง กอต้าย หนีจากห้วยสุยไปอยู่เมืองซ่อน เจ้าเมืองซ่อนกับราษฎรหาสู้พวกฮ่อไม่ ก็พาครอบครัวยกหนีเข้าป่าไปหมด กวานกอยี่ กวานกอต้ายก็เข้าตั้งค่ายอยู่เมืองซ่อนได้ ๑๕ วัน ค่ายหาทันแล้วไม่องบากับเจ้าเมืองไลก็ยกตามไปถึง กวานกอยี่ กวานกอต้าย จวนตัวออกสู้รบกับองบาแลเจ้าเมืองไล รี้พลต่างคนต่างตาย แต่พวกกวานกอยี่ กวานกอต้ายตายมาก กวานกอยี่ กวานกอต้ายสู้ฝีมือองบากับเจ้าเมืองไลไม่ได้ แตกหนีพาไพร่พลหนีไปอยู่ทุ่งเชียงคำ แล้วพระยาพระเอาเงิน ๓ ขันหกขีด คิดเปนเงิน ๑ ชั่ง ๒ ตำลึง กับนอศีร์ษะหนึ่งให้กายตงเจ้าเมืองลานไปขอทู้กับองบา ๆ ก็ยอมรับทู้ แล้วพระยาพระมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ห้วยหวนแขวงเมืองลาน แล้วองบากับเจ้าเมืองไลก็ยกกองทัพมาตั้งค่ายอยู่เมืองวา เจ้าเมืองซ่อนแลราษฎรเห็นกองทัพทั้ง ๒ กองยกไปแล้ว ก็พากันเข้าอยู่บ้านเมืองตามเดิม แล้วองบาจึงใช้ ให้กอหวายไปขอเงินค่าลูกดินกับเจ้าเมืองซ่อน ๆ ให้เงินตรากับกอหวายไป ๕ ชั่ง แล้วองบาก็ยกกองทัพไปตั้งอยู่ที่บ้านท่าขวา เจ้าเมืองไลก็ยกกลับไปเมืองไลแต่ข้าพเจ้าทราบความว่ากวานกอบิวที่ตั้งค่ายอยู่ทุ่งเชียงคำนั้นตาย ไกวซรึงฮ่อเปนนายขึ้น เรียกกันว่ากวานหลวงคุมไพร่พลอยู่ทุ่งเชียงคำ กวานหลวงกับกอยี่กอต้ายเกิดวิวาทกันขึ้น กวานหลวงก็หาให้กอยี่ กอต้าย อยู่ที่ค่ายทุ่งเชียงคำไม่ กอต้ายก็รวบรวมคนได้ ๕๐ คน ยกมาตั้งค่ายอยู่ที่บ้านนาปาได้ ๖ เดือน แล้วกวานกอยี่กับอึงกอตามมาภายหลังมีพล ๗๐ คนเศษยกไปเมืองอ้อ จึง ปฤกษากันกับพระยาว่านชวนกันไปตีเมืองทราง พวกเมืองทรางหาทันรู้ตัวไม่ก็แตก เจ้าเมืองทรางกับราษฎรหนีไปอยู่เมืองซ่อน พวกแม้วที่อยู่ในแขวงเมืองทรางก็ยอมเข้าทู้กับกวานกอยี่ ๆ กับอึงกอพระยาว่านเข้า ตั้งค่ายอยู่ในเมืองทราง แล้วกอวางกอเจืองที่อยู่กับกวานหลวงค่ายทุ่งเชียงคำนั้น ยกไปตีเมืองยู้ เจ้าเมืองยู้แลราษฎรแตกหนีเข้าป่าหมด กอวาง กอซู กอเจือง ก็เก็บเอาทรัพย์สิ่งของวัวควายกลับมายังทุ่งเชียง คำ กวานหลวงทุ่งเชียงคำก็หายอมให้กอวาง กอซู กอเจือง อยู่ที่ค่ายนั้นไม่ กอวาง กอซู กอเจือง จึงยกไปตั้งค่ายอยู่ที่ห้วยทราย กอต้ายซึ่งตั้งค่ายอยู่บ้านนาป่านั้นรู้ว่ากวานกอยี่ตีเมืองทรางได้แล้ว จึงขึ้นไปชวนกวานกอยี่ให้ยกไปอยู่ที่ค่ายบ้านป่า กอยี่กับอึงกอก็ยกมาอยู่ค่ายบ้านนาป่า แต่พระยาว่านยังอยู่เมืองทราง กอยี่จึงว่ากับกอต้ายว่ากอต้ายเปนฮ้อธงดำ กอยี่เปนฮ่อธงเหลืองจะอยู่ด้วยกันนั้นไม่ได้ กอยี่จึงยกมาตั้งค่ายอยู่ที่บ้านได กอยี่จึงตั้งให้กอรันเปนที่ซือแย้นายทหาร แต่อึงกอนั้นหามาอยู่กับกอยี่ไม่ อยู่กับกอต้ายที่ค่ายนาปา แล้วอึงกอมาได้เมียอยู่ที่เมืองสบแอดกอยี่จึงว่านานไปอึงกอจะคบคิดกับกอต้าย มาฆ่ากอยี่เสีย กอยี่จึงลอบไปฆ่าอึงกอตายที่เมืองสบแอด แล้วองบาถ้าขวารู้ว่ากอยี่ กอต้าย กลับมาจากทุ่งเชียงคำ มาตั้งค่ายอยู่ที่บ้านได บ้านนาปา จึงกวานซือแย้ฮ่อธงดำมาเอาตัวกอยี่ กอต้ายไป กอยี่ กอต้ายจึงว่ากับกวานซือแย้ว่า ตีได้เมืองหัวพันทั้งหกยอมเข้าทู้หมดแล้ว กอยี่ กอต้ายขอยอมตัวเปนบ่าว จะช่วยดูแลเมืองหัวพันทั้งหกให้องบา ขออย่าให้ไปเมืองเล่ากายเลย กวานซือแย้จึงเอาความไปแจ้งกับองบา ๆ ก็ยอมให้กอยี่ กอต้ายอยู่ องบาจึงว่าถ้าเช่นนั้นให้เปลี่ยนแซ่ธงเหลืองเปนธงดำให้หมด องบาจึงเอาธงดำให้กวานกอยี่ กอต้ายเปนสำคัญคนละธง องบาตั้งแต่ให้ซือแย้เปนนายเล่าแย้ จึงยกมาเข้าอยู่ค่ายกอต้ายที่บ้านนาปา แล้วองบาจึงมีหนังสือไปยังเจ้าเมืองเล่ากายฉบับหนึ่ง ใจความว่ากอยี่ กอต้าย ตีได้เมืองหัวพันทั้งหก พวกราษฎรขอให้กวานกอยี่อยู่รักษาบ้านเมือง เจ้าเมืองเล่ากายจึงมีหนังสือมาถึงองบา ให้องบารักษาเมืองสิบสองจุไทย ให้กอยี่กับซือแย้รักษาเมืองหัวพันทั้งหก แต่เงินที่ทู้นั้นมอบให้องบา

กอยี่ กอต้าย ตั้งค่ายอยู่ที่บ้านไดบ้านนาปาได้ปีเศษ ท้าวโต้บุตรเจ้าเมืองเชียงค้อจึงรวมคนเมืองสิบสบแอดเมืองเชียงค้อ กับไพร่ราษฎรที่แตกหนีไปอยู่ตามป่าได้คน ๓๐๐ เศษ ยกเข้ามาตั้งค่ายอยู่ที่บ้านศพมอญแขวงเมืองเชียงค้อ แล้วจึงแต่งคนไปพูดกับกวานซือแย้ฮ่อธงดำที่ค่ายบ้านนาปาว่า ท้าวโต้ยกกองทัพมาตั้งนี้ไม่ใช่จะมารบกับกวานซือแย้จะมารบกวานกอยี่ฮ่อธงเหลืองที่ค่ายบ้านได ขออย่าให้กวานซือแย้มาช่วยกวานกอยี่ กวานซือแย้จึงตอบว่ารบเถิดไม่ไปช่วยดอก ท้าวโต้ตั้งค่ายเสร็จแล้ว กวานกอยี่รู้ว่าท้าวโต้ยกกองทัพจะมาตีจึงจัดพลได้ ๕๐ คน ยกลงไปตั้งค่ายที่บ้านโสดใกล้กับค่ายท้าวโต้ ๓ เส้นเศษ ท้าวโต้กับกอยี่ได้สู้รบกันอยู่ ๓ วัน กอยี่ก็แตกหนีมาตั้งค่ายอยู่ที่เมืองสบแอดได้วันหนึ่ง ก็หาเห็นกองทัพพวกท้าวโต้ยกตามขึ้นมาไม่ กอยี่จึงยกลงไปรบกับท้าวโต้อีก ท้าวโต้แตกถอยลงไปตั้งอยู่เมืองฮัง จึงเกลี้ยกล่อมเอาคนเมืองโสย เมืองพูน เมืองสิม เมืองพุง ได้คน ๘๐๐ คนเศษ ยกเข้ามาตั้งค่ายที่เมืองสบแอด กวานกอยี่เห็นท้าวโต้ยกพลเข้ามามาก จึงยกหนีไปอยู่ค่ายบ้านนาปากับซือแย้ แล้วจึงพูดกับซือแย้ว่าขอให้ซือแย้ช่วย ถ้าไม่ช่วยกอยี่แพ้ท้าวโต้ ๆ ก็จะตีค่ายกวานซือแย้ ๆ กับกอยี่ปฤกษาพร้อมกันแล้ว ก็ยกกองทัพมาถึงทุ่งนาน่าเมืองสบแอดฟากตวันตก ท้าวโต้ก็ยกพลข้ามน้ำแอดไปรบกวานซือแย้กวานกอยี่ที่ทุ่งนา รบกันอยู่ได้ ๔ วัน พวกกวานซือแย้กวานกอยี่รวนเรจวนจะแตกอยู่แล้ว พอท้าวโต้ถูกกระสุนปืนฮ่อที่หน้าผากไรผมแต่หาเข้าไม่ พวกบ่าวก็หามเอาท้าวโต้ลงไปเมืองเชียงค้อ ท้าวโต้ก็ถึงแก่กรรม พวกไพร่พลในกองทัพท้าวโต้ก็แตกกระจัดกระจายไป หาได้สู้รบกับพวกฮ่อต่อไปไม่ พวกฮ่อก็ยกกลับมาอยู่ที่ค่ายบ้านไดตามเดิม

ต่อมาจนถึงปีจออัฐศก ๑๒๔๗ (คือกองทัพเจ้าพระยาสุรศักดิ์ ฯ) กองทัพกรุงเทพ ฯ ยกขึ้นมาปราบปรามอ้ายฮ่อต่อสู้ทานกำลังมิได้ ซือแย้กวานกอยี่ กวานกอต้าย แลองบาถ้าขวายอมเข้าหากองทัพ เปนสิ้นโจรผู้ร้ายในครั้งนี้ สิ้นคำให้การท้าวพลเมืองสบแอดแต่เท่านี้ ๚ะ

ที่ ๒ เรื่องเมืองซำเหนือ[แก้ไข]

ที่ตั้งกองทัพณเมืองซ่อน
ณวัน ๑๑ ค่ำ ปีจออัฐศก๑๘ ๑๒๔๘

ข้าพเจ้าท้าวเมืองท้างบุญในเมืองซำเหนือให้ถ้อยคำว่า

เดิมเมื่อปีมะแมตรีศก ๑๒๓๓ (พ.ศ. ๒๔๑๔) ข้าพเจ้าทราบว่าพวกจีนธงแดง ธงเหลือง ธงลาย ยกพวกมาตีเมืองสิบสองจุไทย คือ เมืองม่วย ๑ เมืองลา ๑ เมืองมอก ๑ เมืองตืก ๑ เมืองวัด ๑ เมืองลอ ๑ เมืองคาง ๑ เมืองหวก ๑ เมืองควาย ๑ เมืองไล ๑ เมืองแถง ๑ เมืองจัน ๑ รวม ๑๒ หัวเมือง พวกฮ่อตีได้แล้วแต่จะเปนวันเดือนปีใด ข้าพเจ้าจำไม่ได้ เมื่อบิดาข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ณวัน ๑๕ ฯ  ค่ำ ปีจอ ฉศก ๑๒๓๖ (พ.ศ. ๒๔๑๗) พวกฮ่อข้าศึกธงแดง ธงลาย คุมไพร่พลประมาณ ๒๐๐๐ คนเข้ามาตีเมืองสบแอดแตกแล้ว พวกฮ่อถอยไปตั้งค่ายอยู่ที่บ้านเชียงเคือง ไกลกับเมืองสบแอดประมาณ ๓ ชั่วโมง ข้าพเจ้าได้รู้ว่าเจ้าเมืองเชียงค้อแต่งให้เพี้ยพลไปรับกับฮ่อ ต่างคนไม่แพ้ชนะกัน เพี้ยพลก็ถอยทัพกลับมาเมืองเชียงค้อ ณปีกุญสัปตศก (พ.ศ. ๒๔๑๘) เจ้าเมืองเชียงค้อแต่งให้เพี้ยพิมคุมไพร่ไปรบกับฮ่อที่ค่ายเมืองวันต่างคนต่างไม่แพ้ชนะกัน เพี้ยพิมก็ถอยทัพลงมาเมืองเชียงค้อ เหตุที่ถอยลงมานั้นเปนการช้านาน ต้องเปลี่ยนกันไปรบ แต่ได้สู้กันนั้นประมาณ ๒ ปีไม่แพ้ชนะกัน ไพร่พลที่ได้รบกันต่างคนต่างตาย แต่ฝ่ายไหนจะตายมากน้อยเท่าไรข้าพเจ้าหารู้ไม่ ในปีกุญสัปตศก ๑๒๓๗ (พ.ศ. ๒๔๑๙) พวกหัวเมืองคิดพร้อมใจกัน เมืองซำเหนือ ๑ เมืองโสย ๑ เมืองเชียงค้อ ๑ เจ้าเมืองเชียงค้อเปนแม่ทัพคุมไพร่ประมาณ ๕๐๐ คน เมืองซำเหนือคุมไพร่ประมาณ ๑๕๐ คน เมืองโสยคุมไพร่ประมาณ ๖๐ คน เข้าสมทบกันทั้ง ๓ เมือง รวม ๗๑๐ คน ยกไปตั้งค่ายที่เมืองวันไกลกับค่ายฮ่อประมาณ ๕ ชั่วโมงเศษ แล้วเจ้าเมืองเชียงค้อแต่งให้ท้าวเชียงเปนนายทัพคุมไพร่ ๔๖๐ คน ยกไปที่นาสบกอง แล้วพวกฮ่อยกพลออกจากค่ายมาที่นาสบกองประมาณ ๑๐๐ คน แล้วพวกท้าวเชียงก็ออกรบกับพวกฮ่อตั้งแต่เวลาเช้า ๓ โมงครั้นเวลาบ่าย ๓ โมง พวกฮ่อแบ่งพลออกสกัดตัดหลัง ฮ่อยิงท้าวเชียงนายทัพตาย พวกท้าวเชียงแตกฮ่อมาเข้าค่ายเมืองวัน เวลานั้นฮ่อก็หา ได้ติดตามมาไม่ เจ้าเมืองเชียงค้อรู้ว่าท้าวเชียงถูกปืนตายในที่รบรุ่งขึ้นเวลาเช้าก่อนกินเข้า เจ้าเมืองเชียงค้อแลพวกข้าพเจ้าแตกฮ่อต่างคนต่างระบาด เจ้าเมืองเชียงค้อหนีฮ่อไปอาศรัยกับข่าแจะอยู่ที่บ้านห้วยมั่น ในเวลาเดียวนั้นอ้ายฮ่อก็ตามไปฆ่าเจ้าเมืองเชียงค้อตายที่บ้านข่าแจะ พวกข้าพเจ้าและไพร่ราษฎรเมืองซำเหนือ เมืองโสย เมืองเชียงค้อ พากันหนีฮ่อซุ่มซ่อนอยู่ในป่าได้ประมาณปีหนึ่ง บิดาข้าพเจ้าคนหนึ่งกับเพี้ยพลน้องชายเจ้าเมืองเชียงค้อ พร้อมใจกันลงไปขอกองทัพ ญวนที่เจ้าเมิองเตินแถง ๆ ก็แต่งให้กวานถือเปนแม่ทัพคุมไพร่ประมาณ ๒๐๐๐ เศษยกขึ้นมา แต่เสบียงอาหารเกณฑ์ไพร่หาบขึ้นมาค่ายรบกับฮ่อ อยู่ที่เมืองเชียงค้อพวกข่าแจะเกิดเปนเจืองขึ้นคือพระยาพระ พระยาว่าน เปนมีพวกประมาณ ๕๐๐ คน พากันมาตีเมืองซำเหนือและหัวเมืองขึ้นแล้วไปตั้งค่ายอยู่ที่นาคูน บิดาข้าพเจ้าให้หม่อมบ่าวลัดพี่เขยข้าพเจ้าเปนแม่ทัพยกไปรบข่าเจืองที่นาคูนแขวงเมืองซำเหนือ เพี้ยพลน้องเจ้าเมืองเชียงค้ออยู่กับพวกญวนแกว สู้รบฮ่อที่เมืองเชียงค้อ กวานถือสู้ฮ่ออยู่ได้ประมาณ ๓ เดือนสู้ฮ่อไม่ได้ ก็พากันแตกหนีฮ่อกลับลงไปเมืองเตินแถง ครั้นพวกข้าพเจ้ารู้ว่ากวานถือแม่ทัพเมืองญวนแตกหนีฮ่อไปแล้ว พวกข้าพเจ้าสู้รบข่าเจืองอยู่ได้ประมาณ ๒ ปี พวกข้าพเจ้าอดอยากด้วยเสบียงอาหาร ก็พากันอพยพเข้าอยู่บ้านสบกกบ้าง ลงไปอยู่น้ำบากเมืองงอยบ้าง ไปอยู่เมืองกาสีบ้าง พวกข่าแจะก็เลยเปนเจืองตั้งค่ายอยู่ที่ห้วยตาบวนแขวงเมืองซำเหนือกับเมืองซ่อนต่อกัน ข่าแจะพวกนี้เดิมอยู่เมืองแท้น เมืองยาแขวงเมืองแถง แล้วข้าพเจ้ารู้ว่าฮ่อธงลาย ธงแดง ที่หัวเมืองเชียงค้อเมืองสบแอด เมืองซำเหนือ หัวพันทั้งหก และเมืองสิบสองจุไทยเก็บได้ทรัพย์สิ่งของทองเงินตามหัวเมืองซึ่งตีแตก แล้วเอามาแบ่งปันกัน พวกฮ่อธงลายธงแดงเกิดมีความผิดใจกันด้วยแบ่งปันสิ่งของไม่เสมอกัน แล้วว่าจะมีข้าศึกมาก็ไม่ช่วยกัน ในปีกุญนั้นพวกฮ่อก็แยกย้ายกันไปทางเมืองพวนบ้าง เมืองหัวพันทั้งหกบ้าง ต่อมาจนทุกวันนี้ เมื่อข้าพเจ้าแตกไปเที่ยวอาศรัยอยู่ในเมืองต่าง ๆ เมืองซำเหนือก็ร้างว่างเปล่าอยู่ แต่นั้นมาจนถึงปีจออัฐ ๑๒๔๘ ซึ่งกองทัพกรุงเทพ ฯ ยกขึ้นมาปราบปรามพวกจีนฮ่อ แลจัดราชการบ้านเมืองในพระราชอาณาเขตรสยามครั้งนี้นั้น ข้าพเจ้าได้แตกฮ่อไปเสียหลายปีหาได้อยู่บ้านเมืองไม่ ได้ทราบเหตุการณ์แลได้ต่อสู้ฮ่อข่าเจืองซึ่งเปนโจรผู้ร้ายนั้นแต่เท่านี้.

ที่ ๓ เรื่องเมืองโสย[แก้ไข]

ที่ตั้งกองทัพณเมืองซ่อน
ณวัน ๑๑ ค่ำ ปีจออัฐศก๑๘ ๑๒๔๘

ข้าพเจ้าท้าวเมืองอินโยธาเจ้าเมืองโสย ให้ถ้อยคำว่าเดิมพระยา สุรินทาเปนเจ้าเมืองเปนปู่ข้าพเจ้า รับราชการอยู่ได้ ๔๐ ปี อายุได้ ๘๐ ปี ตายในราชการ พระยาสุนิรทามีบุตร ๒ ชื่อท้าวทิดพรม ๑ ชื่อท้าวล่า ๑ ท้าวล่าบุตรพระยาสุรินทร์เปนพระยาคำเจ้าเมืองแทน รับราชการได้ ๑๒ ปี ถึงแก่กรรมในราชการ แล้วท้าวเมืองบุตรพระยาคำรับราชการเปนเจ้าเมืองแทน เปนพระยาอีสารอุตไท สุรินทฦๅไชยเตชนะสงคราม ๆ รับราชการ ๓๐ ปีถึงแก่กรรมในราชการ มีบุตรชื่อหม่อมเบ่ากงยันรับราชการแทนเปนตีเวียนกงที่เจ้าเมือง รับราชการได้ ๒๐ ปีถึงแก่กรรมในราชการ มีบุตรชื่อหม่อมเบ่าสุ รับราชการเปนเจ้าเมืองแทนเปนตีเวียนทุกทุม รับราชการได้ ๑๒ ปี ถึงแก่กรรมในราชการ มีบุตรชื่อท้าวเมืองรับราชการอยู่ปัตยุบันนี้

เดิมจะเปนปีใดข้าพเจ้าจำมิได้ มีนายฮ่อชื่อองยิบคุมไพร่ประมาณ ๒๐๐๐ คนเศษ พากันมาตั้งค่ายอยู่ที่เมืองลา ฮ่อพวกนี้จะมาจากเมืองใดข้าพเจ้าหาทราบไม่ เมืองลาเปนเขตรแขวงเมืองสิบสองจุไทย พวกฮ่อยกรี้พลเข้าตีเมืองสบแอด พวกเมืองสบแอดเกณฑ์รี้พลออกต่อรบกับพวกฮ่อ ทัพพวกฮ่อแลทัพพวกเมืองสบแอด ผู้ใดจะเปนแม่ทัพไป รบนั้นข้าพเจ้าหาทราบไม่ พวกเมืองแอดต่อรบฮ่ออยู่ได้ประมาณ๑๒ วัน ฝ่ายไหนจะตายเท่าใดข้าพเจ้าหารู้ไม่ ทัพพวกเมืองแอดสู้กำลังฮ่อไม่ได้ ก็แตกทัพหนีฮ่อยกครอบครัวหนีออกจากเมืองสบแอด พวกฮ่อก็ติดตามมาถึงเมืองสบแอด แล้วพวกฮ่อเอาไฟเผาบ้านเรือนเสียสิ้น พวกฮ่อก็ ตั้งค่ายมั่นอยู่ในเมืองสบแอด จะเปนปีเดือนใดข้าพเจ้าจำหาได้ไม่เจ้าเมือง เชียงค้อมีหนังสือแต่งให้ท้าวกองถือมาถึงตีเวียนทุกทุมเจ้าเมืองโสย มีใจความว่าให้เจ้าเมืองโสยเกณฑ์ไพร่พลขึ้นไปช่วย บัดนี้พวกฮ่อตีเมืองสบแอดแตกเสียแล้ว เจ้าเมืองโสยจึงแต่งให้องกาย ๑ หม่อมเบ่าพรมเมืองพูน ๑ หม่อมเบ่ากงเมืองเชียงแมน ๑ รวม ๓ นายคุมไพร่พล ๓๐๐ เศษยกขึ้นไปถึงเมืองเชียงค้อ อยู่ได้ ๔ เวลาเจ้าเมืองเชียงค้อแต่งให้ท้าวหาย ท้าวเชียง เปนนายทัพคุมไพร่ ๔๐๐ เศษเข้ากันกับเมืองโสย นายทัพ ๕ คนไพร่ ๗๐๐ เศษ ยกไปตั้งค่ายที่สบเงินแขวงเมืองเชียงค้อ ระยะทางมาเมืองเชียงค้อวันหนึ่ง พวกกองทัพฮ่อแต่งคนมาสอดแนมเห็นว่ากองทัพพวกเมืองเชียงค้อมีไพร่พลมาก กองทัพพวกฮ่อก็ถอยทัพกลับไปเข้าค่ายเมืองลา ระยะทางจากเมืองลามาที่ค่ายสบเงิน ๓ คืน นายทัพเมืองเชียงค้อแต่งคนไปสอดแนมดู ว่าพวกฮ่อถอยทัพไปแล้ว นายทัพเมืองเชียงค้อคนไพร่ ๔๐๐ เศษ กับท้าวคูนเมืองโสยไพร่ ๑๐๐ คน รวมเข้ากันไพร่ ๕๐๐ คนยกไปขัดทัพอยู่กีกอลานที่แขวงเมืองสบแอดเมืองฮุงต่อกัน ตั้งค่ายขัดทัพอยู่ที่นั้น ในคราวเดียวนั้นกอยิบนายทัพฮ่อจึงแต่งให้กวานซือแย้คุมไพร่พลประมาณ ๘๐๐ คนยก แยกไปทางเมืองคางกวาน ซือแย้ตั้งค่ายมั่นที่นั่น ระยะทางมาที่ค่ายเมืองลา ๔ คืน กวานซือแย้ให้คนรักษาค่ายอยู่เมืองคาง ๑๐๐ คน กวานซือแย้คุมไพร่ประมาณ ๗๐๐เศษเข้าตีเมืองฮา เมืองมูน แขวงญวน แตก พวกกวานซือแย้เก็บได้ทรัพย์สิ่งของแล้วก็ยกทัพไปตั้งค่ายอยู่ที่บ้านกุมแขวงเมืองฮาขึ้นกับเมืองญวน แล้วกวานซือแย้แต่งกอลำต้ายเปนนายทัพคุมพวกฮ่อ ๘๐ คนยกแยกมาทางเมืองเซีย เมืองมิม กองหนึ่ง แล้วกวานซือแย้แต่งให้นายทัพคุมพวกฮ่อประมาณ ๖๐ คนไปทางเมืองมอแลเมืองซำใต้ กองทัพพวกกอลำต้ายยกไปถึงเมืองเซียเมืองมิม ๆ เปนพวกผู้ไทแดง ระยะทางมาค่ายบ้านกุ่ม ๒ คืน พวกเจ้าเมืองเซียเมืองมิมยอมเอาเงินเข้าทู้กอลำต้าย พวกกอลำต้ายได้เงินทู้แล้วหาได้ทำอันตรายบ้านเมืองไม่ กอลำต้ายยกไพร่พล ๘๐ คนมาพักอยู่เมืองจา ระยะทางจากเมืองเซียเมืองมิมวันหนึ่ง กอลำต้ายมีหนังสือแต่งให้ผู้ไทแดง ๓ คนถือหนังสือไปถึงเจ้าเมืองโสย เมืองพูน เชียงแมน มีความว่าเอาเงินไปทู้เสีย ถ้าไม่ยอมทู้จะยกรี้พลเข้ามาตีบ้านเมือง เจ้าเมืองโสยเจ้าเมืองเชียงแมน เจ้าเมืองพูนปฤกษาพร้อมกันไม่ยอมเข้าทู้ฮ่อ ตีเวียนทุกทุมเจ้าเมืองโสยจึงแต่งให้พระสุรินทร์ นาย ๑ คุมไพร่ ๓๐๐ เศษ แต่งให้ไกโตงเจ้าเมืองแมน หม่อมเบ่าแก้วเมืองพูนคุมไพร่ ๕๐๐ เศษ พระสุรินทร์คุมไพร่ไปทางน้ำโสย ไปตั้งค่ายที่ด่านนขรัวโฮบค่ายหนึ่ง ระยะทางมาเมืองโสยประมาณ ๗ ชั่วโมง กายโตงหม่อมเบ่าแก้วคุมไพร่ไปทางน้ำคูน ไปตั้งค่ายที่กิวอีลู้กองหนึ่งระยะทางมาเมืองโสยวันหนึ่ง พวกกอลำต้ายรู้ว่ากองทัพเมืองโสยยกไพร่พลมามาก พวกกอลำต้ายจึงถอยทัพกลับไปค่ายบ้านกุ่มที่กวานซือแย้อยู่ กองทัพเมืองโสย คือพระสุรินทร์นาย ๑ กายโตง หม่อมเบ่าแก้ว ๒ นาย รวม ๓ นาย ก็สมทบกัน ยกติดตามพวกกอลำต้ายไปถึงเมืองจ่า เห็นว่าพวกฮ่อหนีไปแล้ว พระสุรินทร์กายโตงหม่อมเบ่าแก้วกองทัพเมืองโสยจึงคุมไพร่ตั้งค่ายขัดทัพอยู่เมืองจ่าระยะทางไปที่ค่ายด่านขรัวโฮบ ๖ ชั่วโมง

อยู่มาจะเปนปีเดือนใดจำมิได้ ข้าพเจ้าได้รู้ว่าองเถืองเจ้าเมืองเต็งแถงขึ้นแก่เจ้าเมืองญวนคุมไพร่พลประมาณ ๕๐๐ เศษ ยกลงมาทางลำน้ำมาตั้งค่ายอยู่ที่ตำบลควานเป้แขวงเมืองกายา กวานเถืองแม่ทัพญวนจึงมีหนังสือถึงกองทัพพระสุรินทร์เมืองโสยที่ขัดทัพอยู่ มีความว่าเราจะไปตีทัพฮ่อให้คอยระวังรักษา อย่าให้พวกฮ่อหนีเล็ดลอดไปทางนั้นได้กองทัพพวกพระสุรินทร์รู้ความแล้วก็ตั้งระวังรักษามั่นอยู่ จะเปนวันเดือนใดข้าพเจ้าจำไม่ได้ องเทืองแม่ทัพญวนยกไพร่พลเข้าตีกองทัพฮ่อกวานซีอแย้ค่ายบ้านกุ่ม ญวนกับฮ่อสู้รบกันครั้งนั้น ญวนฮ่อตายในที่รบมาก ฝ่ายไหนจะตายเท่าไรข้าพเจ้าหาทราบไม่ ต่อรบกันอยู่ประมาณ ๓-๔ วัน พวกฮ่อกวานซือแย้ทานกำลังทัพญวนไม่ได้ก็แตกพ่ายหนีทิ้งค่ายไปเมืองลา กองทัพพวกพระสุรินทร์รู้ว่าพวกญวนตีฮ่อแตกไปแล้ว ก็ถอยทัพกลับไปเมืองไล พวกทัพญวนก็ถอยทัพกลับลงไปเมืองเตงแถง

ในปีนั้นการทัพก็สงบอยู่ เจ้าเมืองโสยจึงมีหนังสือไปให้กองทัพที่ขึ้นไปช่วยเมืองสบแอดถอยกลับลงมา องกายหม่อมเบ่าแก้วรู้หนังสือเจ้าเมืองโสยแล้ว ก็พารี้พลกลับมาเมืองโสย พวกเมืองสบแอดซึ่งแตกฮ่อมานั้นก็พากันเข้าไปอยู่ในเมืองสบแอดตามเดิมพวกฮ่อกอลำต้าย ๑ กวาน สับกอ ๑ รวม ๒ นายคุมไพร่พล ๑๐๐๐ เศษ ตีเวียนเจ้าเมืองเชียงค้อ แต่งให้ท้าวเชียงเมืองฮัง ๑ ท้าวโพเมืองล้อง ๑ ท้าวหาวเมืองเชียงค้อ ๑ รวม ๓ นายคุมไพร่ ๕๐ คนขึ้นไปตั้งสกัดด่านอยู่ที่กีกอล้าน ระยะทางจากเมืองเชียงค้อ ๒ คืน กอลำต้ายยกทัพมาใกล้จะถึงกองด่านพวกเมืองเชียงค้อ กอลำต้ายแยกให้นายทัพคุมไพร่ ๒๐๐ คนเข้าระดมรบพวกกองด่าน กอลำต้ายคุมไพร่พล ๘๐๐ เศษ ยกลัดตัดทางเข้ามาสกัดหลังพวกกองด่านไว้ที่ห้วยนาเงิน เจ้าเมืองเชียงค้อได้รู้ความว่าพวกฮ่อยกมาตีพวกกองด่านตำบลกีกอล้าน จึงแต่งให้คำบาล ๑ คำคูน ๑ บุตรเจ้าเมืองเชียงค้อ ๒ นายคุมไพร่ ๕๐๐ คนยกไปถึงตำบลห้วยนาเงิน พบกองทัพฮ่อตั้งสกัดอยู่ที่นั้น คำบาลคำพูนยกไพร่พลเข้าต่อรบฮ่อ ทัน ใดนั้นพวกทัพกองด่านทานกำลังฮ่อไม่ได้ก็ถอยทัพลงมา พวกฮ่อก็ติดตามมาประทะทัพกันเข้าที่ห้วยนาเงิน ทัพฮ่อกับทัพเมืองเชียงค้อในเวลานั้นได้ต่อรบเปนสามารถ สู้กันถึงอาวุธสั้น พวกฮ่อตายในที่รบประมาณ ๒๐ คน พวกกองทัพเมืองเชียงค้อ ตัวท้าวเชียง ๑ ท้าวโพ ๑ ท้าวห้าว ๑ รวม ๓ ไพร่ประมาณ ๔๐ คน พวกกองทัพเมืองเชียงค้อต่อสู้ฝีมือฮ่อไม่ได้ก็แตกหนีกระจัดกระจายเข้าป่าไป กอลำต้ายก็ยกไพร่พลติดตามไปเมืองเชียงค้อ ตีเวียนเจ้าเมืองเชียงค้อรู้ว่ากองทัพเสียแก่พวกฮ่อ แลพวกฮ่อล่วงมา ตีเวียนเจ้าเมืองเชียงค้อก็คุมไพร่๑๐๐ เศษยกไปต้านทานฮ่อไว้ ระยะทางจากเมืองเชียงค้อประมาณ ๑๐ เส้น ได้สู้รบกับฮ่อที่นั่นประมาณชั่วโมง ๑ ตีเวียนทานกำลังฮ่อไม่ได้ก็แตกหนีฮ่อ ๆ ก็คุมไพร่พลไล่ติดตามเข้ามาในเมืองเชียงค้อ ฮ่อฆ่าพวกเมืองเชียงค้อครั้งนั้นทั้งชายหญิง ๑๐๐ เศษ จับครอบครัวชายหญิงได้ไม่ฆ่า ๑๐๐ เศษ ตีเวียนเจ้าเมืองเชียงค้อกับท้าวโต้ ท้าวเนือง ท้าวหนวกบุตรกับท้าววานรวม ๕ คนก็พากันหนีฮ่อไปถึงบ้านปอดระยะทางไปเชียงค้อ ๓ ชั่วโมง ตีเวียนกับพวก ๔ คนก็เข้าพักอาศรัยที่บ้านเรือนคนพูพวก ในเวลาเดียวนั้นพวกฮ่อก็ติดตามไปทันตีเวียนเจ้าเมืองเชียงค้อที่บ้านพูพวก พวกฮ่อล้อมจับตีเวียนได้ ท้าววานเข้าไปช่วยตีเวียน พวกฮ่อเอาปืนยิงท้าววานตาย แล้วพวกฮ่อก็ฆ่าตีเวียนเจ้าเมืองเชียงค้อเสียที่นั้น แล้วพวกฮ่อถอยกลับเข้าพักอยู่ที่เมืองเชียงค้อ ฮ่อพักอยู่ในเมืองคืน ๑ กอลำต้ายก็ยกไพร่พลมาตั้งค่ายที่เมืองฮั้ง ระยะทางมาเมืองเชียงค้อคืน๑ กอลำต้ายแต่งคนคุมครอบครัวชายหญิงและทรัพย์สิ่งของ ส่งขึ้นไปที่ค่ายเมืองลา กอลำต้ายพักอยู่ได้ ๒ วันจึงแต่งให้กวานสับก้อคุมไพร่ ๔๐๐ คนยกไพร่พลเดินทาง ๒ คืนถึงเมืองเชียงแมน ก็เข้าตีเมืองเชียงแมนแตกในทันใดนั้น แล้วพวกฮ่อตั้งค่ายพักที่เมืองเชียงแมนรพยะทางไปเมืองโสยคืน ๑ พวกเมืองเชียงแมนที่แตกฮ่อมาแจ้งความต่อเจ้าเมืองโสย ว่าฮ่อตีเมืองเชียงแมนแตกหมดแล้ว บัดนี้ฮ่อตั้งอยู่ที่นั้น ตีเวียนทุกทุมเจ้าเมืองโสยคุมครอบครัวไพร่ราษฎรออกซุ่มเสียในป่า จัดได้เงิน ๖ ขัน เปนเงิน ๑ ชั่ง ๑๗ ตำลึง ๒ บาท แต่งให้แสนทิพย์กับไพร่ ๔ คนเอาเงินไปขอทู้ฮ่อที่เชียงแมน ฮ่อก็รับเอาเงินไว้แล้วฮ่อว่าจะเอาเงินอีก ๖๐๐ ขัน แสนทิพย์จึงว่ากับพวกฮ่อ ถ้าจะเอาเงินอีกนั้น ขอทุเลากลับมาเมืองโสยแจ้งความต่อเจ้าเมืองโสยเก็บริบรวมเงินมาให้พวกฮ่อก็ยอม พวกแสนทิพย์ก็กลับมาเมืองโสย แสนทิพย์มาแจ้งความต่อเจ้าเมืองโสยว่าฮ่อจะจะเอาเงิน ๖๐๐ ขัน เจ้าเมืองโสยก็คิดว่าจะเก็บเงินไปให้ฮ่อ แต่พระสุรินทร์ไม่ยอมเสียเงินทู้ฮ่อ ในคราวเดียวนั้นพระสุรินทร์จึงอพยพครอบครัวและไพร่ราษฎรเข้ากันเปนคน ๑๐๗๗ คนทั้งชายหญิงใหญ่น้อยออกจากเมืองโสยไปอยู่เสียเมืองหนองคาย เจ้าเมืองโสยเห็นว่าไพร่ราษฎรอพยพแยกย้ายกันไปเสียมากแล้ว จะเก็บเอาเงินให้ฮ่อไม่ได้ตามสัญญา จึงแต่งให้หม่อมบ่าวบัวกับไพร่ ๔ คนไปขอกองทัพญวนเมืองเตงแถง หม่อมบ่าวบัวออกจากเมืองโสยเดินทางไป ๑๒ คืนถึงเมืองเตงแถง เวลานั้นจะเปนปีเดือนใดจำไม่ได้ องเถืองเจ้าเมืองเตงแถงได้รู้ความแล้ว ๆ แต่งให้กวานเถือม กวานท่าม ๒ คน คุมไพร่ ๓๐๐๐ คนไปทางน้ำมา แต่งให้กวานหลิงเข ๑ กวานแจ้ง ๑ กวานลก ๑ รวม ๓ นาย คุมไพร่ ๒๐๐๐ คนมาทางเมืองโสย เดินทาง ๑๒ คืนถึงเมืองโสย พวกกองทัพกวานหลิงก็ตั้งค่ายมั่นอยู่ในเมืองโสย กองทัพกวานเถือมตั้งค่ายที่สบสิม ระยะทางไปเมืองเตงแถง ๑๒ คืน กวานสับก้อพวกกองทัพฮ่อซึ่งตั้งอยู่เชียงแมนได้รู้ว่ากองทัพญวนยกไพร่พลแยกกันมาถึง ๒ ทัพ แล้วมีไพร่พลมาก กวานสับก้อก็ยกไพร่พลพวกฮ่อถอยทัพออกจากเชียงแมน ไปเข้าค่ายเมืองฮังที่กอลำต้ายอยู่ จะเปนวันเดือนใดจำไม่ได้ กวานหลิงนายทัพญวนรู้ว่ากวานสับก้อทัพฮ่อที่เชียงแมนถอยทัพไปเสียแล้ว กวานหลิงจึงยกไพร่พลออกจากเมืองโสยตามกองทัพฮ่อไปสมทบเข้ากับกองทัพกวานเถือมที่ค่ายสบสิม กวานหลิมกวานเถือมยกไพร่พลรวมกัน ๔๐๐๐ เศษจากค่ายสบสิมไปตั้งค่ายที่ตำบลปอมลาว ระยะทางจากค่ายสบสิมวันหนึ่งอยู่ได้ประมาณ ๒ วัน กวานหลินกวานเถือม กองทัพญวนก็ยกไพร่พลเข้ารบกับพวกฮ่อกอลำต้ายที่ค่ายเมืองฮัง ฮ่อกับญวนต่อรบกันอยู่ประมาณ ๓ วัน พวกฮ่อตายในที่รบประมาณ ๔๐ คน พวกญวนตายประมาณ ๒๐ คน กวานหลิมกับกวานเถือมนายทัพญวนครั้งนั้นหาเปนปรกติปรองดองกันไม่ แก่งแย่งกันอยู่หาเปนอันที่จะช่วยต่อรบฮ่อไม่ ในขณะนั้นกองทัพพวกฮ่อก็จวนจะเสียทีกองทัพญวนอยู่แล้ว กองทัพญวน ทั้ง ๒ ทัพก็ต่างคนต่างถอยทัพไปเมืองเตงแถง ในครั้งนั้นกอลำต้าย นายฮ่อเห็นว่ากองทัพญวนพากันถอยทัพกลับไปแล้ว กอลำต้ายจึงแต่งให้กวานสบกอ กวานม้าโล่คุมไพร่ ๒๐๐ คนยกมาเมืองโสย พวกฮ่อเข้าพักอยู่ในเมืองโสย แล้วทวงเอาเงิน ๖๐๐ ขัน ที่ตีเวียนเจ้าเมืองโสย เจ้าเมืองโสยเก็บเอาเงินที่ท้าวขุนราษฎรได้ครบ ๖๐๐ ขัน ๑๘๗ ชั่ง ๑๐ ตำลึง เจ้าเมืองโสยจึงเอาเงินให้กับฮ่อกวานสับก้อ ๆ ได้เงินแล้วอยู่ได้ประมาณ ๑๐ วันกวานสับก้อก็ยกไพร่พลกลับไปค่ายเมืองฮัง ฮ่อกอลำต้ายนายทัพใหญ่ก็ยกไพร่พลไปหากวานยิบที่ค่ายเมืองลา แล้วข้าพเจ้าได้รู้ว่ากวานหลิงเข กวานเถือม กวานท่าม นายทัพญวนที่กลับไปครั้งนั้นเปนโทษก็กินยาตายทั้ง ๓ คน

ในคราวนั้นอยู่ได้ประมาณ ๑๐ วัน พวกฮ่อกวานแอก กวานวัน เปนพวกธงลายคุมไพร่พล ๒๐๐๐ เศษ มาจากเมืองคางแขวงสิบสองจุไท ยกเดินทางไปทางเมืองโสย แล้วเลยไปเมืองเซีย เมืองมิม เมืองแจงแขวงเมืองญวน ข้าพเจ้าได้รู้ว่าพวกฮ่อธงลายนี้ไปเที่ยวตีบ้านเมืองในเขตรแดนเมืองญวน พวกญวนยกทัพมาตีพวกฮ่อธงลายสู้พวกญวนไม่ได้ ก็ถอยทัพกลับมาตั้งค่ายอยู่เมืองโสย แล้วพวกฮ่อธงลายมาเรียกเอาเงินทู้ที่เมืองโสย ๑๐๐ขัน พวกเมืองโสยหายยอมให้ไม่ ครั้นเวลาค่ำดึกประมาณสามยาม เจ้าเมืองโสยแต่งหม่อมบาวไซอินโยธา คุมไพร่ ๔๐๐ คน เข้าตีค่ายฮ่อ ฆ่าฮ่อตายในที่รบ ๑๔ คน พวกเมืองโสยถูกอาวุธฮ่อป่วย ๒ คน พวกฮ่อก็แตกหนีในเวลากลางคืนนั้น แล้วข้าพเจ้าได้รู้ว่าพวกฮ่อธงลายคือกวานแอก กวานวัน คุมไพร่พลไปทางเมืองซำเหนือหัวเมือง แล้วเลยลงไปทางเมืองพวน แล้วพวกข้าพเจ้าก็ยกครอบครัวแลไพร่ราษฎรเข้าตั้งทำมาหากินในเมืองโสยตามเดิม

จะเปนเดือนใดข้าพเจ้าจำไม่ได้ ข้าพเจ้าได้รู้ว่าพวกญวนแลพวก ฮ่อธงดำยกรี้พลไปที่เมืองล่า กวาดต้อนเอาพวกฮ่อองยิบธงแดงที่ค่าย เมืองล่าเอาลงไปเมืองญวนหมด แต่พวกฮ่อกอยี่ กอเจือง กอซู กอจวง กอไซ รวม ๕ คน คุมไพร่ประมาณ ๓ ร้อย ๔ ร้อย คนตั้งค่ายอยู่ที่เมืองเชียงโลงแขวงสิบสองจุไทย พวกกอยี่รู้ว่าพวกญวนแลฮ่อธงดำมากวาดต้อนเอาพวกกวานยิบพวกฮ่อธงเหลืองที่ค่ายอยู่ที่เมืองลาไปหมดแล้ว พวกกอยี่มีความกลัวก็พากันยกพวกออกจากค่ายเมืองเชียงลงมาทางเมืองซำเหนือ แล้วพวกกอยี่แยกกันออกเปน ๒ กอง ตัวกอยี่ กอเจือง คุมพวกฮ่อประมาณ ๑๐๐ เศษ ยกไปทางเมืองซ่อน พวกกอซู กอจวง กอไซ รวม ๓ นาย คุมพลฮ่อประมาณ ๒๐๐ คนไปทางเมืองแวน แล้วข้าพเจ้าได้รู้ว่าพวกฮ่อกอยี่ กอเจือง แตกทัพพวกเมืองซ่อนลงไปทางเมืองพวน

ในขณะนั้นตีเวียนเจ้าเมืองโสยก็ถึงแก่กรรมตายข้าพเจ้าท้าวเมืองก็รับว่าการเมืองโสยแทนอยู่ จึงแต่งให้หม่อมบ่าวไซเมืองโสย หม่อมบ่าวแก้วเมืองพูน ๒ นายไพร่ ๔ คน ไปขอกองทัพเมืองญวนที่เมืองเตงแถง องเทืองเจ้าเมืองเตงแถงจึงแต่งให้กวานแจงทือ กวานบ่าง กวานลิง ๓ นายคุมไพร่ ๒๐๐๐ เศษ ยกขึ้นมาทางน้ำมา กวานแจง กวานทือ กวานลิง ก็ตั้งค่ายอยู่ที่สบ สิมแขวงญวนเปนที่ต่อเขตรแดนกับเมืองเชียงค้อ แล้วข้าพเจ้าได้รู้ว่าท้าวคำตันเมืองแวนมาขอกองทัพกวานแจง กวานบาง กวานลิง พวกญวนที่ตั้งอยู่ที่ค่ายสบสิมขึ้นไปช่วยเมืองแวน ได้รบกับกองทัพฮ่อกวานลิงถูกกระสุนปืนฮ่อตายในที่รบ กอง ทัพญวนก็พากันถอยทัพกลับไปบ้านเมืองแล้วพวกฮ่อกอซู กอจองไซสาม กับไพร่ประมาณ ๒๐๐ คน ยกออกจากเมืองแวนไปสมทบกับพวกท้าวยี่ พระยาร่มโพธิ์ ๑ พระยาวังโลงพวกข่าเจืองที่ค่ายห้วยมั่นแขวงเมืองแวน ระยะทางจากเมืองแวนวันหนึ่ง ข้าพเจ้ารู้ว่าองบา องเมือง ผู้ไทแดงอยู่บ้านดงสะมางแขวงเมืองเซีย เมืองมิมเขตรแดนของญวน คนจำพวกนี้ขึ้นกับญวน มาจ้างเอาพวกฮ่อพวกข่าเจืองที่ตั้งค่ายอยู่ห้วยมันไปตีเมืองโสย เมืองพูน พวกฮ่อพวกข่าเจืองก็รับคำองบา องเมือง ครั้นณเดือน ๘ ปีเถาะเอกศก ๑๒๔๑ (พ.ศ. ๒๔๒๒) พระยาร่มโพธิ์ พระยาวังลงนายข่าเจืองคุมไพร่พล ๒๐๐ คน พวกฮ่อกอจอง กอซูไซสาม คุมไพร่พลประมาณ ๒๐๐ คน เข้ากันกับพวกข่าเจืองนาย ๕ คนไพร่ ๔๐๐ คน ยกไปเมืองโสย ข้าพเจ้าได้รู้ว่าว่ากองทัพพวกฮ่อ พวกข่าเจืองจะยกมาตีเมืองข้าพเจ้าจึงแต่งให้มอมเบ่าทิบ ท้าวคัดคุมไพร่ ๒๐๐ เศษ ยกไปที่บ้านนาค้า ระยะทางจากเมืองโสย ๒ วัน พบกองทัพพวกฮ่อข่าเจืองที่นั้น พวกเมืองโสยกับพวกฮ่อกับพวกข่าเจืองได้ต่อรบกันอยู่ถึง ๑๐ วัน พวกฮ่อตายในที่รบ ๘ คน พวกเมืองโสยหาเปนอันตรายไม่ พวกฮ่อข่าเจืองทานกำลังพวกเมืองโสยไม่ได้ก็แตกหนีกองทัพพวกเมืองโสย ๆ เก็บได้ธงพวกฮ่อสีแดง ๒ คัน หอก ๓ เล่ม แล้วพวกฮ่อก็ถอยทัพไปรวบรวมตั้งค่ายมั่นที่บ้านเฮาระยะทางจากนาค้าประมาณ ๔ ชั่วโมง พวกเมืองโสยก็ตั้งค่ายมั่นสกัดทางอยู่ที่นาค้า อยู่ได้ประมาณ ๑๐ วัน พวกฮ่อกอจอง กอซู จึงแต่งให้พระยาร่มโพธิ์พระวังลงคุมไพร่พวกข่าเจืองอ้อมไปสกัดหลังกองทัพพวกเมืองโสยไว้ในคราวเดียวนั้น พวก ฮ่อก็ยกไพร่พลมาเมืองโสยที่ตั้งสกัดทางอยู่ กองทัพพวกข่าเจืองก็ยกล่วงเลยไปตีเมืองโสย ครั้งนั้นเมืองโสยก็แตกแก่ทัพพวกข่าเจือง กองทัพเมืองโสยที่ตั้งสกัดทางอยู่นาค้าก็แตกหนีฮ่อ แล้วพวกทัพฮ่อก็ยกไปสมทบกับพวกข่าเจืองที่เมืองจาด ระยะทางมาจากเมืองโสยครึ่งวันพวกฮ่อกับข่าเจืองก็ตั้งค่ายพักอยู่ที่นั้น พวกฮ่อแลข่าเจืองแต่งคนออกสอดแนมจับครอบครัวพวกเมืองโสย เมืองจาด พวกฮ่อข่าเจืองจับได้พวกเมืองโสยชายหญิง ๓๐ คน เอาไปไว้ที่ค่ายเมืองจาด พวกข้าพเจ้าท้าวขุนแลไพร่ราษฎรก็อพยพครอบครัวหนีพวกฮ่อแลข่าเจืองไปอยู่ที่เมืองฮาม ระยะทางจากเมืองโสยคืนหนึ่ง พวกข้าพเจ้าพักอยู่ที่นั้นประมาณ ๙ วัน๑๐ วัน พวกข้าพเจ้าก็พาครอบครัวเลยลงไปอยู่ที่เมืองกีแขวงเมืองญวน ระยะทางจากนาฮาม ๘ วัน แล้วข้าพเจ้ากับท้าวขุนรวม ๑๕ คน พากันลงไปหากวานเถืองเจ้าเมืองเตงแถง ระยะทางจากเมืองกีไป ๕ คืนขอกองทัพเจ้าเมืองเตงแถงขึ้นมาช่วย กวานเถืองจึงแต่งให้กวานทือ กวานลิง กวานทาม ๓ นายคุมไพร่ ๓๐๐๐ คนยกมาทางน้ำมา ข้าพเจ้า ก็มาพร้อมกับกองทัพนั้นด้วย กวานทือ กวานลิง กวานทามก็ตั้งค่ายมั่นที่เมืองจา ระยะทางจากเมืองเตงแถง ๑๒ คืน ครั้งนั้นพวกฮ่อพวกข่าเจืองพวกพูไทแดง คือองบา องเมือง พากันเลื่อนไปตั้งค่ายอยู่ที่เมืองลายแขวงเมืองพูน นายทัพพวกญวนจึงยกกองทัพไปตีพวกฮ่อแลข่าเจืองพวกพูไทค่ายเมืองลายได้ต่อรบกันครั้งนั้น ๘ วัน พวกฮ่อตายในที่รบ ๓๗ คน ข่าเจืองตายประมาณ ๒๐ คนเศษ พวกผู้ไทยตาย ๒๐ คน พวกญวนตายประมาณ ๓๐ คน พวกฮ่อพวกข่าเจืองผู้ไทแดงก็แตกกองทัพญวน พวกฮ่อแลข่าเจืองผู้ไทยก็พากันแตกหนีแยกย้ายกันไป กอซูนายฮ่อตายในที่รบ กอจองไซสามคุมไพร่ ๑๖๐คนหนีญวนมาตั้งค่ายอยู่ที่บ้านไดนาปาแขวงเมืองสบแอด พระยา ร่มโพ พระยาวังโลงคุมไพร่หนีไปทางเมืองซำใต้ แต่องบา องเมือง พวกผู้ไทแดงยอมเข้าทู้ญวน ขออาไศรยทำมาหากินอยู่ในเขตรแขวงเมืองโสย แล้วกวานทือนายทัพญวนจึงถามข้าพเจ้าว่าจะยอมให้อยู่ฤๅไม่ให้อยู่ ข้าพเจ้าจึงว่าสุดแล้วแต่กวานทือจะเห็นควร กวานทือนายทัพญวนจึงเรียกเอาหนังสือสัญญากับองบาองเมือง องบาองเมืองก็ ยอมทำหนังสือสัญญาให้ ในหนังสือสัญญามีความว่าข้าพเจ้าองบาองเมือง แลพวกข้าพเจ้าผู้ไทแดง ตั้งแต่นี้สืบไปเมื่อน่า พวกข้าพเจ้าไม่เที่ยวชักนำพวกฮ่อข้าศึกแลข่าเจืองเที่ยวรบกวนตีบ้านเมืองอิกต่อไปแล้ว กวานทือ ก็รับเอาสัญญาไว้ องบา องเมือง ก็ตั้งบ้านเรือนทำมาหากินอยู่ในเมืองเชียงแมนแขวงเมืองโสย กวานทือ กองทัพญวนก็ถอยทัพกลับไปเมืองเตงแถง ข้าพเจ้าก็พาท้าวขุนครอบครัว ไพร่ราษฎรกลับเข้าไปอยู่เมืองโสยตามเดิม

ครั้นอยู่มาณปีวอกฉศก ๑๒๔๖ (พ.ศ. ๒๔๒๗) กอยี่นายฮ่อคุมไพร่ประมาณ ๔๐ คน ๕๐คน กลับมาจากเมืองพวนเข้าสมทบกอยู่กับพวกกอจองไซสามฮ่อธงเหลืองที่บ้านไดนาปาแขวงเมืองสบแอด จะเปนวันเดือนใดจำไม่ได้ ท้าวโต้บุตรเจ้าเมืองเชียงค้อคุมไพร่พลประมาณ ๓๐๐ คน กับไพร่พลเมือง ๑๐๐ รวม ๔๐๐ คนยกไปที่ค่ายฮ่อกอยี่ กอจอง ไซสามที่ค่ายบ้านไดนาปา ท้าวใต้ตั้งค่ายที่ทุ่งนาคำแขวงเมืองสบแอดไกลกับค่ายฮ่อประมาณ ๒ ชั่วโมง ครั้งนั้นท้าวโต้รบกับพวกฮ่อกอยี่สู้รบกันถ้อยทีถ้อยแพ้ชนะกันถึง ๓ ครั้ง ๆ ที่ ๓ ท้าวโต้ถูกกระสุนปืนตายในที่รบ พวกกองทัพท้าวโต้ก็พากันแตกหนีฮ่อลงมาเมืองฮาง พวกกอยี่ก็ยกไพร่พล ๘๐ คน ติดตามไปถึงเมืองฮาง กองทัพพวกท้าวโต้แลไพร่ราษฎรก็พากันแตกหนีไปจากเมืองฮาง ต่างคนต่างก็แยกย้ายกระจัดกระจายไป

ครั้นถึงณปีระกาสัปตศก๑๒๔๗ (พ.ศ. ๒๔๒๘) ท้าวเนื่องพี่ชายท้าวโต้บุตรเจ้าเมืองเชียงค้อรวบรวมไพร่พลได้ ๒๐๐ คน ยกไปรบพวกกอยี่ที่ค่ายเมืองฮาง ท้าวเนื่องตั้งค่ายมั่นที่บ้านลานฮาง ระยะทางมาเมืองบัววันหนึ่ง พวกฮ่อกอยี่รู้ว่าท้าวเนื่องยกทัพมาจึงยกไพร่พลไปต่อรบกับพวกท้าวเนื่องที่ค่ายลานฮาง ต่อรบกันอยู่ถึง ๓ เวลา พวกฮ่อตายในที่รบประมาณ ๘ คน พวกท้าวเนื่องถูกกระสุนปืนตายท้าวเคียม ๑ ป่วย ๒ พวกท้าวเนื่องสู้ฮ่อไม่ได้ก็แตกถอยมาเข้าค่ายเมืองบัว พวกฮ่อกอยี่ก็ติดตามไปที่เมืองบัว ท้าวเนื่องกับท้าวคำพันคำโสมเมืองบัวก็อพยพครอบครัวหนีพวกฮ่อกอยี่ไปเมืองลาดเขตรแดนญวน พวกฮ่อกอยี่ก็เข้าอยู่ในค่ายเมืองบัวณเดือน ๗ ข้างแรมปีรกาสัปตศก พระสุรินทร์ท้าวเนื่องเมืองโสยรู้ว่าท้าวเนื่องแตกหนีฮ่อไป พวกฮ่อมาตั้งค่ายอยู่เมืองบัว จึงแต่งให้ท้าวพิมอินทรโยธาคุมไพร่ ๒๐๐ คน ยกขึ้นไปตั้งสกัดทางอยู่ที่ตำบลคางยัวเขตรแดนเมืองโสยกับเมืองเชียงค้อต่อกัน ระยะทางมาเมืองโสย ๒ วัน พวกฮ่อกอยี่รู้ว่ากองทัพเมืองโสยยกมา จึงยกไพร่พลไปต่อรบกับพวกเมืองโสยที่ค่ายคางบัว พวกฮ่อกับพวกเมืองโสยสู้รบกันได้ประมาณ ๓ ชั่วโมง พวกฮ่อตาย ๑๒ คน พวกเมืองโสยตาย ๓ คน ในทันใดนั้นกอยี่แต่งนายทัพออกสกัดตัดหลัง พวกกองทัพเมืองโสยทานกำลังฮ่อไม่ได้ ก็แตกทัพถอยมาเข้าค่ายเมืองค้างพวกฮ่อกอยี่ก็ยกไพร่พลติดตามมาตั้งค่ายมั่นที่เมืองเชียงแมนไกลกับค่ายเมืองโสยประมาณ ๒ ชั่วโมง แล้วข้าพเจ้ากับพระสุรินทร์จัดได้ไพร่ ๓๐๐ คนยกขึ้นไปที่ค่ายเมืองค้าง พวกฮ่อกอยี่เห็นว่ากองทัพพวกเมืองโสยยกมาสมทบกันเข้ามีไพร่พลมาก พวกฮ่อกอยี่ก็ถอยทัพกลับมาเข้าค่ายเมืองบัว กองทัพพวกเมืองโสยก็ถอยกลับไปเมืองโสย

ครั้นถึงณะเดือน ๑๑ ปีระกาสัปตศก ข้าพเจ้าได้รู้ว่าองบาองเมือง ผู้ไทแดงแต่งให้ท้าวตื้อน้ององเมืองกับองโตยไพร่ ๔ คน พากันเอากระบือตัวหนึ่งกับเงิน ๕ เบี้ย เปนเงิน ๓ ตำลึง สองสลึง ไปให้กอยี่ที่ค่ายเมืองบัว แล้วว่าจ้างพวกกอยี่ไปช่วยตีเมืองโสยเมืองพูนให้แก่องบาองเมือง องบาองเมืองจะให้เงินค้าจ้าง ๒๐๐ ขัน คิดเปนเงิน ๒๖ ชั่ง ๑๐ตำลึง พวกกอยี่ก็รับคำว่าจะไปตีเมืองโสยเมืองพูนให้แก่องบาองเมืองแล้วกอยี่สั่งท้าวตื้อองโดยให้ไปบอกองบาองเมืองให้จัดแจงเสบียงอาหารเตรียมไพร่พลไว้ท่าเถิด ท้าวตื้อองโดยก็พากันกลับมา ณะเดือน ๑๑ ข้างขึ้นปีระกาสัปตศก กอยี่กับไพร่พล ๘๐ คน ยกไปหาองบาองเมืองที่เมืองเชียงแมน กอยี่องบาองเมืองพร้อมใจกัน กอยี่คุมพวกฮ่อ ๘๐ คนองบาองเมืองคุมพวกผู้ไทยแดง ๓๐๐ คน รวมเข้ากันเปนไพร่พล ๓๘๐ คน ยกไปตีเมืองพูน แล้วพวกเมืองพูนเมืองโสยเกณฑ์ไพร่พลออกต่อรบกับพวกกอยี่ องบาองเมืองสู้รบกันอยู่ได้๘ วัน พวกฮ่อและ พวกผู้ไทตายในที่รบ ๒๓ คน พวกเมืองโสยเมืองพูนตายในที่รบ ๘ คน พวกเมืองโสยเมืองพูนทานกำลังพวกกอยี่องบาองเมืองไม่ได้ ก็แตกหนีอพยพครอบครัวไพร่ราษฎรไปเมืองแวน พวกกอยี่องบา องเมืองเก็บได้ทรัพย์สิ่งของ แลจับได้พวกเมืองพูนเมืองโสยรวมชายหญิง ๑๙ คน แล้วกอยี่คุมพวกฮ่อไปตั้งค่ายอยู่เมืองพูนกองหนึ่ง องบาองเมืองคุมพวกผู้ไทแดงตั้งค่ายอยู่ที่เมืองโสยกองหนึ่ง จะเปนวันเดือนใดจำไม่ได้ กอยี่คุมไพร่ประมาณ ๗๐ คน องบากับท้าวตื้อคุมพวกผู้ไทแดงประมาณ ๒๐ คนเข้ากับพวกกอยี่ รวมไพร่พลประมาณ ๒๗๐ คน ยกไปเมืองแวน พวกเมืองแวนยกไพร่พลมาต่อสู้ พวกเมืองแวนทานกำลังฮ่อแลพวกองบาไม่ได้ ฮ่อถอยทัพกลับมาเข้าเมืองแวน พวกกอยี่แลองบาก็ยกไพร่พลตามเข้าตั้งค่ายที่บ้านโคงแขวงเมืองแวน พวกเมืองแวนก็ยอมเข้าทู้ฮ่อพวกกอยี่องบา

คราวนั้นพวกข้าพเจ้าแลท้าวขุนไพร่ราษฎรก็อพยพครอบครัวหนีออกจากเมืองแวน แยกย้ายกันไปอยู่ตามหัวเมืองขึ้นในเขตรแดนแขวงเมืองหลวงพระบางหลายตำบล ข้าพเจ้าคุมครอบครัวมาอยู่บ้านปุงห้าแขวงเมืองซ่อน ครั้นณเดือน ๔ ขึ้นแรมกี่ค่ำจำไม่ได้ ปีระกาสัปตศก ข้าพเจ้าได้รู้ว่ากองทัพใหญ่กรุงเทพ ฯ คุมไพร่พลทหารยกขึ้นมาจากเมืองหลวงพระบางแล้ว ท่านเจ้าหมื่นไวยวรนารถแม่ทัพใหญ่ยกมาขึ้นตั้งค่ายพักอยู่ที่เมืองซ่อน แล้วข้าพเจ้าได้รู้ว่าท่านแม่ทัพแต่งนายทหารคุมทหารกรุงเทพ ฯ แยกกันเปน ๒ กอง ๆ หนึ่งเจ้าราชวงศ์ หลวงจำนง[1] นายทหารไปทางเมืองแวน กองหนึ่งเจ้าราชภาคินัย หลวงดัษกรปลาศ[2] นายทหารไปทางเมืองแอด การที่จะไปรบกอยี่ จนกอยี่เข้ายอมทู้ก็แจ้งอยู่กับเจ้าราชภาคินัยแลท่านหลวงดัษกรปลาศนายทหารนั้นแล้ว เดิมในพื้นบ้านเมืองข้าพเจ้าเมื่อปรกติอยู่ทำไร่นาได้ปีหนึ่งประมาณ ๓๐๐ เกวียน ซื้อขายกัน ๖ สัดต่อบาท ลูกสัด ๓๐ ทนาน ๆ ๘๓๐ ปีหนึ่ง พวกฮ่อแลซื้อเอาฝิ่นมาขายในพื้นบ้านเมือง ซื้อเปนเงินบาทหนึ่งเปนยาฝิ่นหนัก ๒ บาทบ้าง ได้จำหน่ายขายซื้อกันดังนี้ สิ้นถ้อยคำข้าพเจ้าท้าวเมืองอินทโยธาเปนความสัตย์จริงแต่เท่านี้ ฯ

ที่ ๔ เรื่องเมืองซำใต้[แก้ไข]

ที่ตั้งกองทัพณเมืองซ่อน
ณวัน ๑๐ ฯ  ค่ำ ปีจออัฐศก๑๘ ๑๒๔๘

ข้าพเจ้า องเวียน ท้าวขุนในเมืองซำใต้ ให้ถ้อยคำว่าเดิมเมื่อปีจอฉศก ๑๒๓๖ (พ.ศ. ๒๔๑๗) ข้าพเจ้าทราบว่านายจีนฮ่อชื่อกวานเหียบ มีธงแดงคุมไพร่พล ๕๐๐ คน ยกมาแต่เมืองมูลหัวเมืองขึ้นเมืองญวนลงมาตั้งมั่นอยู่ในเขตรแดนแขวงเมืองซำใต้ องเวียนเจ้าเมืองซำใต้ได้ทราบข่าวว่าพวกฮ่อมาตั้งอยู่ ดังนั้นจึงได้เรี่ยไรเงินท้าวขุนกรมการแลราษฎรได้แล้ว แต่งให้แสนพรหมกรมการคุมเอาเงิน ๓๐๐ ขัน ๆ ละ ๒๔ บาท คิดเปนเงิน ๙๐ ชั่ง เอาไปให้กับกวานเหียบนายฮ่อขอยอมเข้าทู้กวานเกียนนายฮ่อก็รับเอาเงิน ๓๐๐ ขันไว้

ครั้นอยู่มาได้ประมาณ ๙ เวลา ๑๐ เวลา พอดึงสองยามเศษเกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่เรือนราษฎรในเมืองซำใต้ เพลิงไหม้ลุกลามติดเรือนต่อไปประมาณ ๕๐ หลังเรือนเศษหมดทั้งเมืองซำใต้ เจ้าเมืองท้าวขุนกรมการแลราษฎรแตกตื่นวุ่นวายกัน ฝ่ายกวานเหียบนายฮ่อสงไสยว่าพวกลาวหายอมเข้าทู้โดยสุจริตไม่ คิดอุบายแกล้งเอาเพลิงเผาเรือนเสียทั้งสิ้น ไม่เปนที่ไว้วางใจกลัวว่าพวกฮ่อจะรบกวนอิกต่อไป ฝ่ายพวกลาวก็มีความสงไสยพวกฮ่อว่าแกล้งเอาเพลิงมาเผาเรือนเสียทั้งนี้ เพื่อความประสงค์ของพวกฮ่อจะให้ ไพร่พลเมืองแตกตื่นหนีไป จะได้ยกเข้ามาครอบครองตั้งมั่นอยู่ในเมืองซำใต้ แต่เมื่อเพลิงเกิดขึ้นนั้นจะพิเคราะห์เอาเหตุกับผู้ใดเปนแน่หาได้ความชัดไม่ ต่างคนต่างมีความสงไสยกันอยู่ทั้งสองฝ่ายดังนี้ แล้วพวกฮ่อก็กวาดเอาคนเมืองซำใต้ไป ๒๐ คน ยกออกจากเมืองซำใต้ไปตั้งมั่นอยู่นาเริมแขวงเมืองแวน แต่ฮ่อจะยกไพร่พลต่อไปบ้านใดเมืองใดหาทราบไม่ เจ้าเมืองซำใต้กับท้าวขุนกรมการแลไพร่พลเมืองหนีไปซุ่มซ่อนอยู่ในป่า ซึ่งพวกลาว ๒๐ คนที่ฮ่อกวาดต้อนไปนั้นหนีกลับมาเมืองซำใต้ได้ทั้ง ๒๐ คน ก็รวบรวมกันอยู่ในป่าประมาณได้ ๗ เวลา จึงพากันยกครอบครัวออกจากป่าเข้ามาตั้งอยู่ในเมืองซำใต้ดังเก่า

ครั้นอยู่มาได้ประมาณ ๑๑ เวลา ๑๒ เวลา นายฮ่อพวกธงลายคือกวานแบก กวานวัน คุมไพร่พล ๒๐๐๐ คน ยกออกจากเขตรแดนแขวงเมืองญวนขึ้นมาตั้งมั่นอยู่ณเมืองเปา ๆ นี้ขึ้นกับเมืองซำใต้ ระยะทางตั้งแต่เมืองเปาขึ้นมาเมืองซำใต้ ๒ เวลา แล้วกวานแบกนายฮ่อแบ่งพร่พล ๓๐๐ คน ยกออกจากเมืองเปาขึ้นมาตั้งมั่นอยู่เมืองพัด ๆ นี้ขึ้นกับเมืองซำใต้ ระยะทางตั้งแต่เมืองพัดขึ้นมาเมืองซำใต้ ๒ ชั่วโมง แล้วกวานแบกนายฮ่อจึงให้เพี้ยพระเจ้าเมืองพัดขึ้นมาบอกกับองเวียนเจ้าเมืองซำใต้ว่า ถ้าจะต่อสู้รบกันกับกวานแบกนายพวกฮ่อแล้ว ก็ให้เจ้าเมืองซำใต้รีบเร่งยกขึ้นมาต่อสู้รบกันโดยเร็ว อย่าได้รั้งรออยู่ให้เนิ่นช้า ถ้ามิฉนั้นไม่ต่อสู้รบกันกับพวกฮ่อก็ให้เจ้าเมืองซำใต้เอาเงิน ๓๐๐ ขันไปให้กับกวานแบกนายฮ่อขออ่อนน้อมยอมเข้าทู้เสียองเวียนเจ้าเมืองซำใต้ได้ทราบความตามถ้อยคำกวานแบกนายฮ่อสั่งเพี้ยพระมาแจ้งดังนั้นแล้ว จึงได้มอบเงิน ๓๐๐ ขัน ๆ ละ ๒๔ บาท คิดเปนเงิน ๙๐ ชั่งให้กับเพี้ยพระเจ้าเมืองพัดคุมไปให้กวานแบกนายฮ่อขออ่อนน้อมยอมเข้าทู้ไม่สู้รบแล้ว ๆ กวานแบกนายฮ่อก็รับเอาเงิน ๓๐๐ ขันนั้นไว้ จึงสั่งกับเพี้ยพระให้บอกกับเจ้าเมืองซำใต้ว่า ให้เจ้าเมืองซำใต้จัดเงินมอบให้กับเราอิก ๒๐๐ ขันให้ครบ ๕๐๐ ขันจึงจะยอมรับให้เข้าทู้ เจ้าเมืองซำใต้ได้ทราบความดังนั้นแล้ว เห็นว่ากวานแบกนายฮ่อพูดจาไม่ยั่งยืนกลับกลอกมีใจกำเริบหาเปนคนซื่อตรงมั่นคงไม่ จึงได้สั่งกับเพี้ยพระให้ไปบอกกับกวานแบกนายฮ่อว่า ซึ่งจะเอาเงินอิก ๒๐๐ ขันนั้นไม่มีเงินจะให้แล้ว ให้กวานแบกยกไพร่พลฮ่อขึ้นมาต่อสู้กันเถิด เพี้ยพระจึงเอาข้อความซึ่งเจ้าเมืองซำใต้สั่งนั้นไปแจ้งความกับกวานแบกนายฮ่อทุกประการ แล้วกวานแบกนายฮ่อตอบว่าถ้าจะต่อสู้รบกันก็ตามแต่ใจเจ้าเมืองซำใต้ ทันใดนั้นกวานแบกคุมไพร่พลฮ่อยกออกจากเมืองพัดเดินลงไปยัวงเมืองเปาซึ่งกวานวันนายฮ่อตั้งมั่นอยู่นั้น รวบรวมไพร่พลพร้อมกันณเมืองเปา ครั้นอยู่มาได้ประมาณ ๓ เวลา ๔ เวลา กวานแบกนายฮ่อคุมไพร่พลแบ่งกำลังออกจากเมืองเปา ๔๐๐ คนยกเดินขึ้นมาต่อสู้กันที่ณเมืองซำใต้ ได้สู้รบกันเปนสามารถอยู่ ๒ เวลา ฝ่ายพวกลาวเมืองซำใต้ไล่ฆ่าฟันพวกฮ่อตาย ๑๗ คน ถูกกระสุนปืนป่วยเจ็บไปเปนอันมาก กวานแบกนายฮ่อทานฝีมือแลกำลังลาวพวกเมืองซำใต้มิได้ ก็แตกทัพถอยหนีลงไปหากวานวันนายฮ่อซึ่งตั้งมั่นอยู่ณเมืองเปา รวบรวมกองทัพอยู่ที่นั่นแล้ว กวานแบก กวานวัน ปฤกษากันว่าเมืองเปานี้เปนหัวเมืองขึ้นกับเมืองซำใต้ ควรพวกเราจะแก้แค้นเจ้าเมืองซำใต้ให้ได้ เห็นชอบพร้อมด้วยกันแล้ว จึงพากันเข้าไปจับเพี้ยฮมเจ้าเมืองเปากับท้าวขุนกรมการนั้นฆ่าเสีย แลกวาดต้อนราษฎรไพร่พลเมืองชายหญิงประมาณได้ ๓๐ คน ๔๐ คน กวานแบก กวานวันนายฮ่อจึงคุมไพร่พลยกออกจากเมืองเปาเดินทางไปเมืองโสย แลจะไปตั้งมั่นอยู่บ้านใดเมืองใดหาทราบไม่

ครั้นอยู่มาถึงณปีกุญสัปตศก ๑๒๓๗ (พ.ศ.๒๔๑๘) กวานเลืองนายฮ่อธงแดงคุมไพร่พล ๑๐๐ คนยกออกจากทุ่งเชียงคำขึ้นมาตั้งมั่นอยู่เมืองแฟน ๆ ขึ้นกับเมืองลาน แล้วองเวียนเจ้าเมืองซำใต้ได้ทราบข่าวว่าพวกฮ่อมาตั้งอยู่เมืองแฟนนั้น เกลือกว่าพวกฮ่อจะยกเลยลงมาตีเมืองซำใต้ เจ้าเมืองซำใต้จึงแต่งให้เอียนเทื่อกรมการคุมไพร่พล ๓๐๐ คนกอง ๑ ยกออกจากเมืองซำใต้ขึ้นไปตั้งมั่นคอยสู้รบอยู่หัวเชียงแขวงเมืองซำใต้ เพื่อจะมิให้ฮ่อยกล่วงเลยลงมาตีในเมืองซำใต้นั้นได้ แล้วพวกฮ่อก็หาได้ยกมาต่อสู้กันที่หัวเชียงนั้นไม่ แต่กวานเลืองนายฮ่อคุมไพร่พลยกออกจากเมืองแฟนเลยลงไปทางเมืองแวนโอบอ้อมสกัดหลังมาตั้งมั่นคอยสู้รบอยู่นามอนในเขตรแดนแขวงเมืองซำใต้ องเวียนเจ้าเมืองซำใต้ได้ทราบข่าวว่าพวกฮ่อยกมาตั้งอยู่นามอนดังนั้น จึงคุมไพร่พล ๒๐๐ คนยกออกจากเมืองซำใต้ ขึ้นไปสมทบกองทัพเวียนเทือที่ ณหัวเชียง รวบรวมไพร่พลได้ ๕๐๐ คนพร้อมกันยกออกจากหัวเชียงเลยลงมาถึงนามอน แล้วองเวียนเจ้าเมืองซำใต้ เวียนเทือกรมการคุมไพร่พล ๕๐๐ คนนั้นเข้าต่อสู้รบกับกวานเลืองนายพวกฮ่อเปนสามารถได้เวลาหนึ่ง พวกฮ่อทานกำลังแลฝีมือลาวมิได้แตกระส่ำระสายถอยกองทัพหนีเข้าป่าไป พวกลาวไล่ฆ่าฟันพวกฮ่อตายในขณะนั้น ๑๙ คน ถูกกระสุนปืนป่วยเจ็บไปเปนอันมาก แต่พวกฮ่อที่เหลือตายหนีไปได้นั้นกวานเลืองนายฮ่อจะรวบรวมควบคุมไพร่พลไปตั้งมั่นอยู่ที่หนึ่งที่ใดหาทราบ ไม่ แล้วองเวียนเจ้าเมืองซำใต้กับเอียนเทือกรมการคุมไพร่พลยกออกจากนามอนกลับเข้ามายังเมืองซำใต้

ครั้นอยู่มาถึงณปีเถาะเอกศก ๑๒๔๑ (พ.ศ.๒๔๒๒) พระยาดอกไม้ พระยาคำนายข่าเจืองคุมไพร่พล๓๐๐คน ยกออกจากเมืองหมัดหัวเมือง ขึ้นกับเมืองญวน เดินขึ้นมาตั้งมั่นอยู่เขาหมอกซึงเปนเขตรแดนแขวงเมืองญวนติดต่อกับเขตรแดนแขวงเมืองซำใต้นั้นด้วย แล้วองเวียนเจ้าเมืองซำใต้ได้ทราบข่าวว่าพวกข่าเจืองมาตั้งมั่นอยู่เขาหมอกดังนั้นจึงแต่งให้เพี้ยนาม แสนคำ กรมการคุมไพร่พล ๒๕๐ คน ยกออกจากเมืองซำใต้ไปตั้งรับคอยสู้รบ กับพวกข่าเจืองที่บ้านนาคาในแขวงเมืองซำใต้กอง ๑ แต่งให้หม่อมบ่าวคำเพง คำโสม กรมการคุมไพร่พล ๒๕๐ คน ยกออกจากเมืองซำใต้ไปตั้งมั่นสู้รบอยู่เขาหมอกกอง ๑ รวม กองทัพเมืองซำใต้ซึ่งได้ยกแยกทางไปต่อสู้รบ ๒ กองเปนคน ๕๐๐ คน ระยะทางตั้งแต่เขาหมอกไปบ้านนาคาห่างกันเวลาหนึ่ง แล้วพระยาคำ แบ่งกำลังไพร่พลข่าเจือง ๑๕๐ คน ยกออกจากเขาหมอกไปต่อสู้รบกับเพี้ยนาม แสนคำ ที่บ้านนาคากอง ๑ แต่พระยาดอกไม้คุมไพร่พลข่าเจืองที่เหลือจากพระยาคำแบ่งกำลังไปรบนั้น ยังคงอยู่ ๑๕๐ คน ตั้งมั่นคอยรับรบสู้กับบ่าวหม่อมคำเพง คำโสม ที่ณเขาหมอกกอง ๑ แต่กองทัพพวกลาวกับพวกข่าเจืองทั้ง ๒ ฝ่ายนี้ พร้อมกันต่างคนต่างเข้าสู้รบกันเปนสามารถทั้ง ๒ กองได้เวลาหนึ่ง ฝ่ายเพี้ยนาม แสนคำกรมการกับไพร่พลไล่ฆ่าฟันพระยาคำนายข่าเจืองตายคน ๑ ไพร่พลข่าเจืองตาย ๒๙ คน รวมข่าเจืองตาย ๓๐ คน แตกระส่ำระสายถอยหนีจากบ้านนาคาณที่รบนั้นไป แต่หม่อมบ่าวคำแพง คำโสม กรมการคุมไพร่พลไล่ฆ่าฟันพวกข่าเจืองตาย ๓ คน พระยาดอกไม้นายข่าเจืองรวบรวมไพร่พลที่เหลืออยู่นั้นแตกทัพถอยหนีออกจากณที่รบเขาหมอกนั้นกลับคืนไปตั้งมั่นอยู่ยังเมืองหมัดหัวเมืองขึ้นกับเมืองญวนดังเก่า

ครั้นถึงณปีมโรงโทศก ๑๒๔๒ (พ.ศ. ๒๔๒๓) พระยาท้าวยี่พระยาเกิดนายข่าเจืองคุมไพร่พล ๑๒๐๐คน ยกออกจากเมืองเปินซึ่งเปนหัวเมืองขึ้นกับเมืองหัวเมือง เดินลงมาตั้งมั่นอยู่บ้านห้วยเตียงแขวงเมืองซำใต้ แล้วองเวียนเจ้าเมืองซำใต้ ได้ทราบข่าวว่าพวกข่าเจืองมาตั้งอยู่บ้านห้วยเตียงดังนั้น จึงแต่งให้เพี้ยบัว เพี้ยหาด กรมการคุมไพร่พล ๕๐๐ คน ยกออกจากเมืองซำใต้ไปต่อสู้รบกับพวกข่าเจืองที่บ้านห้วยเตียนเปนสามารถได้ ๒ เวลา พวกข่าเจืองไล่ฆ่าฟันพวกลาวเมืองซำใต้ตาย ๒ คน ฝ่ายเพี้ยบัว เพี้ยหาด กรมการเห็นว่าจะทานกำลังแลฝีมือพวกข่าเจืองมิได้ก็แตกทัพถอยหนีกลับเข้ามายังเมืองซำใต้ แล้วพระยาท้าวยี่พระยาเกิด คุมไพร่พลข่าเจืองยกออกจากบ้านห้วยเตียงเดินทางเวลาหนึ่งมาถึงกิ่วเขารีบก็ตั้งมั่นพักไพร่พลประชิดติดพันคอยสู้รบกับพวกลาวเมืองซำใต้อยู่ที่นั้น องเวียนเจ้าเมืองซำใต้จึงแต่งให้เพี้ยบัว เพี้ยหาด คุมกำลังไพร่พล ๘๐๐ คน ยกออกจากเมืองซำใต้ไปต่อสู้รบกับพวกข่าเจืองที่ตั้งอยู่กิ่วเขารีบนั้นอิกครั้งหนึ่ง ต่างคนต่างเข้าสู้รบกันเปนสามารถได้ ๓ เวลา พวกข่าเจืองไล่ฆ่าฟันพวกลาวตาย ๒ คน เพี้ยบัว เพี้ยหาด กรมการเห็นว่าพวกข่าเจืององอาจแขงแรงนัก ครั้นจะต่อสู้รบกันไปก็จะทานกำลังแลฝีมือข่าเจืองมิได้ ไพร่พลคงจะเปนอันตรายล้มตายเสียเปนอันมาก จึงได้ถอยทัพกลับเข้ามายังเมืองซำใต้ ฝ่ายพระยาท้าวยี่ พระยาเกิด ก็คุมไพร่พลยกออกจากกิ่วเขารีบติดตามเข้ามาตั้งมั่นพักไพร่พลอยู่ที่หินคือคอยสู้รบกับพวกลาวเมืองซำใต้ ๆ ก็หาได้ยกออกไปต่อสู้รบกับพวกข่าเจืองไม่ พวกข่าเจืองก็ตั้งประชิดติดพันอยู่ที่นั้นมาจนถึงปีมเสงตรีศก ๑๒๔๓ แล้วพวกม้อยกับท้าวอ๊อตตอนม้อยซึ่งมาตั้งบ้านเรือนทำมาหากินอยู่ในเขตรแดนแขวงเมืองซำใต้ พร้อมใจร่วมคิดกันไปชักชวนพระยาร่มโพธิ์พระยาบังหลงนายข่าเจืองซึ่งตั่งมั่นอยู่บ้านเชียงแมนแขวงเมืองโสย ให้ยกพวกข่าเจืองลงมาตีเมืองซำใต้นั้นพระยาร่มโพธิ์ พระยาบังหลง จึงได้คุมไหพร่พลข่าเจือง ๑๐๐๐ คน ยกออกจากบ้านเชียงแมนแขวงเมืองโสย เดินลงไปถึงเมืองซำใต้แล้วเข้าสมทบกองทัพกับพระยาท้าวยี่ พระยาเกิด ซึ่งตั้งอยู่หินคือแขวงเมืองซำใต้พร้อมกันอยู่ที่นั้นได้ปฤกษาตกลงกันแล้วแบ่งกำลังไพร่พลออกเปน ๒ กอง ยกแยกกันเข้าไปต่อสู้รบกับพวกลาวเมืองซำใต้ได้ ๒ เวลา พวกข่าเจืองไล่ฆ่าฟันพวกลาวเมืองซำใต้ล้มตายเสียในขณะนั้นเปนอันมาก องเวียนเจ้าเมืองซำใต้กับท้าวขุน กรมการแลไพร่พลเมืองทานกำลังแลฝีมือข่า เจืองมิได้ พากันยกครอบครัวแตกหนีออกจากเมืองซำใต้ลงไปอยู่เมืองญวน คือเมืองกิจู๊หัวเมืองขึ้นกับเมืองติงเง้ แล้วพวกข่าเจืองก็ยกกันเข้ามาตั้งมั่นอยู่ในเมืองซำใต้

ครั้นอยู่มาได้ประมาณปีเศษ องเวียนเจ้าเมืองซำใต้จึงได้ไปขอกำลังกับกวานหลวงเทืองเจ้าเมืองติงเง้ ให้ยกกองทัพขึ้นมาช่วยตีพวกข่าเจืองซึ่งตั้งมั่นอยู่ณเมืองซำใต้ ถึงณปีมแมเบญจศก ๑๒๔๕ (พ.ศ.๒๔๒๖) กวานหลวงเทืองเจ้าเมืองติงเง้ แต่งให้กวานแจง กวานพ้อ นายทหารคุมไพร่พลญวน ๓๐๐๐ คน ยกออกจากเมืองติงเง้ขึ้นมาต่อสู้รบกับพวกข่าเจืองซึ่งตั้งอยู่ณเมืองซำใต้ได้ ๗ เวลา พวกญวนก็ไล่ฆ่าฟันพระยาร่มโพธิ์นายข่าเจืองตายกับไพร่พลพวกข่าเจืองตายในขณะนั้นเปนอันมาก แต่พวกไพร่พลพวกข่าเจืองที่เหลือจากตายนั้น พระยา ท้าวยี่ พระยาเกิด พระยาบังหลง พากันควบคุมยกออกจากเมืองซำใต้ หนีไปตั้งมั่นรวบรวมกันอยู่ณเมืองพวน แล้วพวกญวนจับได้ตัวท้าวอ๊อตตอนม้อยผู้ต้นเหตุคบคิดชักชวนพระยาริมโพธิ์พระยาบังหลงนายข่าเจืองให้ยกพวกข่าเจืองเข้ามาตีเมืองซำใต้ ทำให้ราษฎรไพร่พลเมืองได้ความเดือดร้อนล้มตายไปแต่ก่อนนั้นเปนอันมาก เปนเหตุให้เมืองซำใต้ตกเปนของพวกข่าเจืองครอบครองอยู่กวานแจง กวานพ้อ นายทหารญวนเห็นว่าท้าวอ๊อตตอนม้อยคนนี้เปนคนพาลสันดานโกง ประพฤติการทรยศ อกตัญญูหาซื่อตรงต่อเจ้าเมืองซำใต้ ซึ่งตัวได้อาไศรยทำมาหากินอยู่ณบ้านเมืองเขานั้นไม่ กลับมาทำจิตรคิดประทุษร้ายเปนเสี้ยนหนามแก่บ้านเมืองให้ได้ความเดือดร้อนทุกข์ยากลำบากของไพร่บ้าน พลเมืองขึ้นฉนี้มีความผิดเปนอันมาก แล้วกวานแจง กวานพ้อนายทหาร ญวนจึงสั่งให้พวกญวนคุมเอาตัวท้าวอ๊อตตอนม้อยไปยังณเมืองติงเง้ ฝ่ายกวานลวงเทืองเจ้าเมืองติงเง้ จึงสั่งให้ฆ่าท้าวอ๊อตตอนม้อยนั้นเสีย อย่าให้ผู้ใดเอาเยี่ยงอย่างท้าวอ๊อตตอนม้อยคนนี้ต่อไป

เมื่อถึงณปีวอกฉศก ๑๒๔๖ (พ.ศ.๒๔๒๗) องเวียนเจ้าเมืองซำใต้กับท้าวขุนกรมการแลไพร่ราษฎรพากันยกครอบครัวออกจากเมืองกิจู๊ ขึ้นมาตั้งอยู่ณเมืองซำใต้ ดังเก่าซึ่งเปนบ้านเมืองของตัวมาแต่เดิม

ครั้นอยู่มาถึงณปีรกาสัปตศก ๑๒๔๗ (พ.ศ.๒๔๒๘) กวานกอยี่นายฮ่อธงเหลืองคุมไพร่พล ๗๐๐ คน ยกออกจากเมืองโสยเดินลงไปตั้งมั่นอยู่วังหวายแขวงเมืองซำใต้ แล้วองเวียนเจ้าเมืองซำใต้ได้ทราบข่าวว่ากวานกอยี่คุมพวกฮ่อมาตั้งอยู่วังหวายนั้น จึงแต่งให้ท้าวกางกรมการคุมไพร่พล ๗๐ คน ยกออกจากเมืองซำใต้ไปต่อสู้รบกับพวกกวานกอยี่นายฮ่อณที่วังหวายหว่างเขาผาบางเปนที่ช่องแคบขับขัน ต่อสู้รบกันเปนสามารถได้ ๖ เวลา พวกลาวไล่ฆ่าฟันพวกฮ่อตายในขณะนั้น ๓๐ คน พวกฮ่อทานกำลังแลฝีมือลาวมิได้ แตกหนีถอยทัพกลับไปตั้งอยู่ณเมืองโสยดังเก่า

ครั้นอยู่มาถึงณปีจออัฐศก ๑๒๔๘ (พ.ศ.๒๔๒๙) นี้ ข้าพเจ้าทราบว่ากองทัพกรุงเทพฯ ซึ่งได้ยกขึ้นมาตั้งอยู่ณเมืองซ่อน แลได้แต่งกองทัพยกแยกออกเปน ๒ กอง เดินขึ้นไปปราบปรามโจรผู้ร้ายซึ่งตั้งมั่นอยู่ตามหัวเมืองสบแอด เมืองเชียงค้อ เมืองแวน เมืองโสย เมืองพูนนั้น กองทัพกรุงเทพฯ ได้ต่อสู้รบกับพวกจีนฮ่อเปนสามารถ ไล่ฆ่าฟันพวกจีนฮ่อล้มตายไปเปนอันมาก พวกฮ่อก็มีความเกรงกลัวเข้ามาอ่อนน้อมยอมสวามิภักดิ์เปนข้าอยู่ในพระราชอาณาเขตรขอบขัณฑเสมากรุงสยามต่อไป ตั้งแต่กองทัพกรุงเทพ ฯ นั้นยกขึ้นมาปราบปรามโจรผู้ร้ายแลได้จัดราชการเมืองหัวพันห้าทั้งหกตลอดไปจนถึงเมือง ๑๒ จุไทเรียบร้อยเปนปรกติในครั้งนี้ แล้วพวกฮ่อก็มิได้ยกเข้ามารบกวนเมืองซำใต้อิกต่อไป เจ้าเมืองซำใต้กับท้าวขุนกรมการแลไพร่พลเมืองพากันทำมาหากินทุกถ้วนหน้าโดยปรกติมีความศุขมาจนถึงทุกวันนี้ เปนสิ้นข้อความซึ่งข้าพเจ้าให้ถ้อยคำกล่าวตามข้อราชการที่มีเหตุเกิดขึ้นตามเมืองหัวพันห้าทั้งหกแลเมือง ๑๒ จุไทมาแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้ทราบความแต่เท่านี้ ให้ถ้อยคำไว้เปนสำคัญ

ที่ ๕ เรื่องเมืองหัวเมือง[แก้ไข]

ที่ตั้งกองทัพณเมืองซ่อน
ณวัน ๑๓ ฯ  ๑๑ ค่ำ ปีจออัฐศก๑๙ ๑๒๔๘

ข้าพเจ้า ท้าวกง แลท้าวขุนในเมืองหัวเมือง ให้ถ้อยคำว่า เดิมเมื่อณปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘ (พ.ศ. ๒๔๑๙) ข้าพเจ้าทราบว่ามีพวกจีนฮ่อธงลายตัวนายชื่อสามกอปิวคุมกำลังไพร่พล ๓๐๐ คน ยกออกจากเมืองเชียงค้อ เดินขึ้นมาตั้งมั่นพักไพร่พลอยู่ในเขตรแดนแขวงเมืองอ้อ ๆ นี้ขึ้นกับหัวเมือง แล้วท้าวกงเจ้าเมืองหัวเมืองได้ทราบข่าวว่าพวกฮ่อมาตั้งอยู่ดังนั้น ท้าวกงเจ้าเมืองหัวเมืองก็คุมไพร่พล ๔๐๐ คนยกออกจากเมืองหัวเมืองลงไปต่อสู้รบกับสามกอปิวนายพวกฮ่อณเมืองอ้อเปนสามารถได้ ๒ เวลา พวกลาวเมืองหัวเมืองไล่ฆ่าฟันพวกฮ่อตายในขณะนั้น ๑๒ คน สามกอปิวนายฮ่อเห็นว่าจะทานกำลังแลฝีมือลาวมิได้ ก็รวบรวมควบคุมไพร่พลฮ่อแตกถอยหนีขึ้นไปตั้งอยู่ณทุ่งเชียงคำแขวงเมืองพวน ครั้นอยู่มาถึงณปีฉลูนพศก ศักราช ๑๒๓๙ (พ.ศ. ๒๔๒๐) ท้าวยี่ นายพวกข่าเจืองคุมไพร่พล ๓๐๐ คน ยกออกจากเขตรแดนแขวงเมืองญวนเดินขึ้นมาตั้งมั่นพักไพร่พลอยู่ณเมืองเปิน หัวเมืองขึ้นกับเมืองหัวเมือง

แล้วพระยาว่านนายข่าเจืองคุมไพร่พล ๒๐๐ คน ยกออกจากเมืองยาคือหัวเมืองขึ้นกับเมืองแถงเดินลงมาสมทบกับไพร่พลพวกท้าวยี่ยายข่าเจืองรวบรวมกันอยู่ณเมืองเปินทั้งสองกองเปนคน ๕๐๐ คน แล้วท้าวกงเจ้าเมืองหัวเมืองได้ทราบข่าวพวกข่าเจืองมาตั้งอยู่เมืองเปินดังนั้น จึงแต่งให้เพี้ยอุดทุมกรมการคุมไพร่พล ๓๐๐ คนยกออกจากเมืองหัวเมืองเดินลงไปต่อสู้รบกับพระยาว่านท้าวยี่นายพวกข่าเจืองเปนสามารถได้ ๓ เวลา พวกลาวไล่ฆ่าฟันพวกข่าเจืองตายในขณะนั้น ๘ คน พระยาว่านกับท้าวยี่แลพวกข่าเจืองทานกำลังแลฝีมือลาวมิได้ พากันแตกระส่ำระสายถอยหนีไป แต่พระยาว่านนั้นรวบรวมไพร่พลพวกข่าเจืองขึ้นไปตั้งอยู่ ณเมืองซางหัวเมืองขึ้นกับเมืองซำเหนือ แล้วท้าวยี่ก็ควบคุมพวกข่าเจือง ลงไปตั้งอยู่ณเมืองหมัดคือเมืองญวนหัวเมืองขึ้นกับเมืองติงเง้

ครั้นอยู่มาถึงณปีจออัฐ ๑๒๔๗ (พ.ศ. ๒๔๒๙) นี้ ข้าพเจ้าทราบว่ากองทัพกรุงเทพฯ ซึ่งได้ยกขึ้นมาตั้งอยู่ณเมืองซ่อน แลได้แต่งกองทัพยกแยกออกเปน ๒ กองเดินขึ้นไปปราบปรามโจรผู้ร้ายซึ่งตั้งมั่นอยู่ตามหัวเมืองสบแอด เมืองเชียงค้อ เมืองแวน เมืองโสย เมืองพูน นั้นกองทัพกรุงเทพฯ ได้ต่อสู้รบกับพวกจีนฮ่อเปนสามารถ ไล่ฆ่าฟันพวกจีนฮ่อล้มตายไปเปนอันมาก พวกฮ่อก็มีความเกรงกลัวเข้ามาอ่อนน้อมยอมสวามิภักดิ์เปนข้าอยู่ในพระราชอาณาเขตรขอบขัณฑเสมากรุงสยามต่อไป ตั้งแต่กรุงเทพฯ นั้นยกขึ้นมาปราบปรามโจรผู้ร้ายแลได้จัดราชการเมืองหัวพันห้าทั้งหกตลอดไปจนถึงเมือง ๑๒ จุไทเรียบร้อยเปนปรกติในครั้งนี้แล้ว พวกฮ่อกับข่าเจืองก็มิได้ยกเข้ามาราบกวนในเขตรแดนแขวงเมืองหัวเมืองอิกต่อไป เจ้าเมืองหัวเมืองกับท้าวขุนกรมการแลไพร่พลเมืองพากันทำมาหากินโดยปรกติ มีความศุขทุกถ้วนหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ เปนสิ้นข้อความซึ่งข้าพเจ้าให้ถ้อยคำกล่าวตามข้อราชการที่มีเหตุเกิดขึ้นตามเมืองหัวพันทั้งหกแลเมือง ๑๒ จุไทมาแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้ทราบความแต่เท่านี้ ให้ถ้อยคำไว้เปนสำคัญ ฯ

เชิงอรรถ[แก้ไข]

  1. ชื่ออิ่ม ภายหลังได้เปนพระยาเทพาธิบดี ตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลพิศณุโลก
  2. ชื่ออยู่ ภายหลังเปนพระยาดัษกรปลาศ เปนตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครสวรรค์ แลตำแหน่งอื่นในกรมทหารบก