หน้า:ข้อกำหนดตาม ม ๙ (ฉ ๑๘, ๒๕๖๔-๐๑-๒๙).pdf/1

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๒ ง

๒๙ มกราคม ๒๕๖๔
หน้า ๔๓
ราชกิจจานุเบกษา

ข้อกำหนด
ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนด
การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘
(ฉบับที่ ๑๘)

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นคราวที่ ๙ จนถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น

โดยที่ได้มีการบังคับใช้บรรดามาตรการต่าง ๆ เพื่อเข้าระงับยับยั้งและป้องกันการระบาดแบบกลุ่มก้อนของโรคโควิด - 19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นและได้ยกระดับเป็นมาตรการที่เข้มงวดอย่างยิ่งในบางพื้นที่ ฝ่ายสาธารณสุขได้รายงานผลการปฏิบัติงานและประเมินสถานการณ์ปัจจุบันว่าการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวสามารถจำกัดและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคให้อยู่ในขอบเขตได้เป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งของพนักงานเจ้าหน้าที่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน อาสาสมัคร ตลอดจนความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทุกภาคส่วนตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ดังนั้น เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุขโดยมุ่งถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ จึงสมควรผ่อนคลายการกำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์และการบังคับใช้บางมาตรการตามลำดับขั้นตอนและตามสภาพของพื้นที่สถานการณ์ที่สอดคล้องกับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ เพื่อให้สถานที่กิจการ หรือกิจกรรมที่มีความเหมาะสมและความพร้อมสามารถเปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบและระเบียบต่าง ๆ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ การกำหนดพื้นที่สถานการณ์ โดยกำหนดเป็นระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ดังนี้

(๑) พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้พื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเป็นพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่จำเป็นต้องบังคับใช้มาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง ตามที่กำหนดไว้ ในข้อ ๒ ของข้อกำหนด (ฉบับที่ ๑๓) ลงวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้การสกัดและยับยั้ง การแพร่ระบาดของโรคเป็นไปโดยรวดเร็วและเด็ดขาด