หน้า:คหก ขุนหลวงฯ - ๒๔๕๙.pdf/26

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

ด้วยกันได้หกร้อยเศษ ครั้นเพลาพลบลงแล้วก็ลอบหนี แล้วออกจากเมืองหงษา จึ่งกวาดต้อนทั้งมอญแลลาวไป ทั้งพลเก่าพลใหม่ได้เก้าพัน แล้วจึ่งยกมาทางเมืองจิตตอง แล้วมาทางเมืองมัตตมะ แล้วจึ่งมาถึงท่าข้ามน้ำพลัน จึ่งยกมาทางอัทรัญ ครั้นถึงสะมิแล้ว ก็รีบมาจนถึงพระเจดีย์สามองค์ แล้วจึ่งยกมาตั้งคอยท่าอยู่ที่ซอยหน้าภูม ๚

 ฝ่ายมอญก็อื้ออึงคนึงกันขึ้น จึ่งรู้ไปถึงอุปราชา พระอุปราชาจึ่งเข้าไปในพระราชวัง แล้วก็กราบทูลกับพระบิดาว่า บัดนี้พระนเรศร์ยกพลหนี ไป ลูกจักยกทัพไปจับให้ทันที จักเอาตัวไพรีมาจงได้ พระเจ้าหงษาวดีจึ่งตอบพระราชโอรสว่า อันว่านเรศร์กุมารนี้ไชยชาญยิ่งนัก เจ้าอย่าทนงใจ วันหนึ่งพ่อนี้ให้หาขึ้นมาบนปราสาทปราสาทไหว พ่อทำนายไว้ว่าเขาจักได้เปนใหญ่ในโลกา จักมีฤทธิยิ่งกว่าอุปราชา ถึงรามัญที่ในหงษาก็จักได้ไปเลี้ยงช้างที่เมืองกรุงศรีอยุทธยา เจ้าอย่าไปตามเลย จงฟังคำพระบิดาเถิด แม้นเจ้ามิฟังคำพ่อห้ามดีร้ายจักเกิดสงครามใหญ่ อุปราชาจึ่งทูลทัดขัดไว้ มิได้ฟังในพระโองการ ว่าเปนชเลยมาอยู่ในเนื้อมือแล้ว ควรฤๅจักให้มันโวหาร ดั่งเรานี้มิใช่ชายชาญ ลูกจักขอยกพลตามไป ส่วนพระเจ้าหงษาจึ่งอนุญาตแล้ว จึ่งมีคำบังคับกับเสนาผู้ใหญ่ ว่าลูกกูจักยกทัพไปอย่าให้มีอันตรายมา ถ้าแม้นอุปราชามีเหตุเภทไภยสิ่งใด มึงจักบรรลัยทั้งวงษา จึ่งเกณฑ์ทัพสรัพสรรพโยธาก็ได้แสนหนึ่งแต่ในตาทัพ อุปราชาจึ่งเร่งยกทัพขับพลมา จึ่งทันที่ในป่าใหญ่ที่