หน้า:คหก ขุนหลวงฯ - ๒๔๕๙.pdf/31

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๑

บังคมอยู่สลอน พระนเรศร์จึ่งชักช้างพระที่นั่งแล้วก็ยืนอยู่ในกลางพล แล้วพระนเรศร์จึ่งกรายกรกวักเรียกเสนารามัญ จึ่งตรัสว่าดูกรสมิงพลรามัญทั้งปวง จงชวนกันกลับไปหงษาเถิด เราไม่เอาโยธา ด้วยธรรมยุทธสัญญากันไว้ ถึงอุปราชากับเราก็ชอบอัชฌาไศรยกันอยู่ ตัวท่านก็ย่อมแจ้งอยู่ในใจ ควรฤๅมาดูหมิ่นกันได้ แต่เรียกว่าขุนชเลยน้อยแล้วมิสา ยังมาจับบ่าสั่นกันได้ เปนเชื้อชาติชายเหมือนกัน เพราะสำคัญว่าเปนชเลย เราเจ็บใจจึ่งคิดการทั้งนี้ จักมาลองฝีมือกันให้ได้ ซึ่งอุปราชาตามมาชิงไชย ก็ตายไปด้วยฝีมือเรา ก็สมดังใจที่เราปราถนาแล้ว เราก็จักกลับคืนไปกรุงศรีอยุทธยาดังเก่า อันเปนที่ถิ่นฐานบ้านเมืองของเรา ท่านจงเอาความทั้งนี้ไปทูลกับพระเจ้าหงษาเถิด แล้วพระนเรศร์ก็กรีพลมายังกรุงศรีอยุทธยา ๚

 ฝ่ายรามัญจึ่งเชิญพระศพอุปราชานั้นใส่บนราชยานแล้ว ก็กลับมาสู่ยังเมืองหงษา แล้วก็เข้าไปกราบทูลเรื่องราวซึ่งข้อที่อุปราชากับพระนเรศร์ได้รบกันจนบรรไลยนั้น ส่วนพระเจ้าหงษาก็มิขอฟังความที่เสนามาทูลดังนั้นได้ จึ่งมีพระโองการตรัสสั่งกับนายเพชฌฆาฏ ให้เอาเสนามอญเหล่านี้กับทั้งเจ็ดชั่วโคตรด้วยกันทั้งสิ้น ให้เอาไม้ลำทำตับเข้าแล้วให้ปิ้งเพลิงเสียทั้งเจ็ดชั่วโคตร แล้วให้ทำพลีกรรมเทวดา นายเพชฌฆาฏก็เอาตัวเสนาทั้งปวงไปแล้วก็ทำตามมีรับสั่งทั้งสิ้น ส่วนพระเจ้าหงษาก็ทรงพระโกรธยิ่งนัก ก็เสด็จเข้าไปในพระราชฐาน จึ่งเห็นองค์พระพี่นางพระนเรศร์นั้นประธม