หน้า:คหก ขุนหลวงฯ - ๒๔๕๙.pdf/37

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๗

กรรแสงโศกาอาดูรร่ำไรไปต่าง ๆ พระองค์ก็กอดพระเชษฐาเข้าแล้วก็สลบลงอยู่กับที่ แต่ทรงพระกรรแสงแล้วสลบไปถึงสามครั้ง ครั้นพระองค์ก็ได้สมฤดีคืนมาแล้ว พระองค์จึ่งมีพระบัณฑูรตรัสสั่งให้หาพระโกษฐทองทั้งสองใบที่ใส่พระศพ แล้วจึ่งเชิญขึ้นสู่บนพระราชรถ แล้วก็แห่แหนเปนกระบวนมหาพยุหบาตราอย่างใหญ่มาจนถึงกรุงอยุทธยาธานี แล้วจึ่งสั่งให้ทำพระเมรุทองอันสูงใหญ่ยิ่งนัก อันการพระบรมศพครั้งนั้นเปนการใหญ่หลวงหนักหนา เกินที่เกินทางแต่ก่อนมา ทั้งเครื่องไทยทานก็มากมายหนักหนา แล้วให้ชุมนุมกษัตรทุกประการอันน้อยใหญ่ทั้งสิ้น จึ่งเชิญพระศพแห่แหนไปแล้ว จึ่งถวายพระเพลิงที่วัดสบสวรรค์ ๚

 อันพระนเรศร์นั้นวันพฤหัศบดีได้ครองกรุงมาเมื่อครั้งจุลศักราชได้ ๙๖๐ ปี พระชนม์ได้ ๑๕ ปี อยู่ในสมบัติได้ ๒๐ เปน ๓๕ ปี สวรรคต เมื่อสวรรคตนั้นจุลศักราชได้ ๙๖๐ ปีสัมฤทธิศก ๚

 ครั้นพระนเรศร์สวรรคตแล้ว พระเอกาทศรถจึ่งครอบครองกรุงฉลองพระเชษฐาสืบไป จึ่งทำการราชาภิเศกอันครบครัน จึ่งถวายพระมเหษี พระนามชื่อพระสวัสดี พระองค์จึ่งสร้างวัดไว้ที่ถวายพระเพลิงพระนเรศร์ แล้วจึ่งสมมุตินามเรียกวัดสบสวรรค์ พระองค์จึ่งสร้างวัดไว้ที่สวนฉลององค์พระเชษฐาวัดหนึ่ง จึ่งสมมุตินามที่เรียกว่าวัดวรเชษฐาราม แล้วพระองค์จึ่งถวายที่เขตรอาราม จึ่งจาฤกไว้ในแผ่นศิลา อันเหล่าบรรดาทหารทั้งนั้น พระองค์ปูน