หน้า:คหก อังวะ - ๒๔๕๘.pdf/22

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้ตรวจสอบแล้ว
๑๑

ยอดปราสาทหักสบั้นลงมา ดับไฟได้ พยุแลฝนก็บันดาลหาย มองระจึงถามโหราพฤฒาจารย์พราหมณปโรหิตแลพระราชาคณะนักปราชญ์ราชบัณฑิตผู้มีปัญญา จึ่งทำนายว่า พระราชวงษาแลอาณาประชาราษฎรในขอบขัณฑเสมาจะอยู่เย็นเปนศุข ดับยุคดับเข็ญแลสัตรูทั้งปวง ให้ชำระสะเกษ ให้ปล่อยนักโทษแลสรรพสัตวทั้งปวงซึ่งต้องทุกขเวทนาขังไว้นั้น ๚

 เมื่อครั้งศักราชได้ ๑๑๒๗ ปี เดือน ๑๒ มองระจึ่งสั่งให้ฉับพะกงโบยานกวนจอโบคุมไพร่ห้าพันยกเปนทัพน่า ทัพหนุนนั้นให้เมียนหวุ่นเนเมียวมหาเสนาบดีคุมไพร่ห้าพันยกมาทางเหนือ ค้างเทศกาลฝนอยู่ณเมืองนครเชียงใหม่ ทางทวายนั้นให้เมคราโบคุมไพร่ห้าพันเปนกองน่า ทัพหนุนนั้นให้มหานะระทาคุมไพร่หมื่นหนึ่งยกมายังกรุงศรีอยุทธยา ค้างเทศกาลฝนอยู่ณเมืองทวาย ออกพระวัสสาแล้วยกทั้งทางเหนือทางใต้เข้าไปตี ได้กรุงศรีอยุทธยาแล้วกลับทัพไปเมืองรัตนบุรอังวะ ๚

 เมื่อศักราชได้ ๑๑๒๙ ปี ในศักราชได้ ๑๑๒๘ ปีนั้น ฮ่อยกเข้ามาถึงเมืองแซงหวี ไกลกันกับเมืองอังวะทางสิบห้าวัน มองระจึงสั่งให้ติงจาโบกับไพร่ห้าพันเปนกองน่า อะแซหวุ่นกี้กับไพร่หมื่นหนึ่งเปนทัพหนุน ยกไปตีฮ่อแตกไป ๚

 ครั้นศักราชได้ ๑๑๒๙ ปี ฮ่อยกทัพกลับเข้ามาอิกครั้งหนึ่ง มาถึงตำบลบ้านยองนี้ ใกล้กันกับอังวะทางคืนหนึ่ง มองระจึงสั่งให้อะแซหวุ่นกี้ โยลัดหวุ่น เมียนหวุ่น สามนาย เปนแม่ทัพคุมทหารเปนอันมาก ได้รบกันกับฮ่อสามวัน กองทัพฮ่อแตก จับได้นายทัพฮ่อแอซูแห กุนตาแย