หน้า:คำพิพากษาฯ รัชกาลที่ 8 - ๒๔๙๘.pdf/623

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๕๗๐

มิกลับไปสู่สถานะสมบูรณาญาสิทธิราชโดยปริยายอีกหรือ เป็นข้อที่นายปรีดี พนมยงค์ อาจคิดได้ เพราะเป็นเรื่องที่อาจเป็นไปได้ ดังนี้ โจทกืถือว่า เหตุผลข้อนี้สำคัญยิ่งกว่าอย่างอื่น เป็นเหตุผลที่ทำให้นายปรีดี พนมยงค์ มีความโกรธเคือง และคิดทำลายล้นเกล้าล้นกระหม่อมเสีย เมื่อเหลือในหลวงองค์ปัจจุบันพระองค์เดียวแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้

เมื่อต้นเหตุแห่งการปลงพระชนม์ล้นเกล้าล้นกระหม่อมอยู่ที่นายปรีดี พนมยงค์ แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างนายเฉลียว ปทุมรส กับนายปรีดี พนมยงค์ จึงเป็นความสำคัญในคดีนี้ และเมื่อประกอบกับสาเหตุที่จำเลยนี้ต้องพ้นตำแหน่งหน้าที่ไปด้วยเหตุประพฤติตนไม่เป็นที่พอพระราชหฤทัย ตลอดจนการที่จำเลยได้กล่าวยืนยันกับพันเอก ประพันธ์ กุลพิจิตร ว่า ล้นเกล้าล้นกระหม่อมจะไม่ได้เสด็จไปต่างประเทศ เพียงเท่านี้ โจทก์เห็นว่า เป็นพยานประพฤติเหตุแวดล้อมกรณีพอที่จะเชื่อได้ว่า นายเฉลียว ปทุมรส จำเลย ได้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการปลงพระชนม์ล้นเกล้าล้นกระหม่อม และเมื่อประกอบกับกรณีที่จำเลยนี้ได้ไปร่วมประชุมวางแผนการณ์ที่บ้านพลเรือตรี กระแส ปวาหะนาวิน ตามที่โจทก์ได้เรียนไว้ในฎีกาแล้ว โจทก์เห็นว่า คำพยานหลักฐานของโจทก์ควรฟังได้แน่สนิทว่า นายเฉลียว ปทุมรส จำเลย ได้สมคบร่วมคิดกระทำการปลงพระชนม์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลด้วย

โดยเฉพาะในกรณีที่จำเลยนี้ได้ไปร่วมประชุมวางแผนการณ์ปลง