หน้า:คำพิพากษาฯ รัชกาลที่ 8 - ๒๔๙๘.pdf/631

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๕๗๘

๒ ประทับ ณ ตำหนักสวนจิตรลดาฯ ประทับอยู่ ๒ เดือนก็เสด็จกลับเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ทรงศึกษาวิชานิติศาสตร์ และทรงบรรลุพระราชนิติภาวะเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๘ ต่อมา ก็เสด็จกลับมายังประเทศไทยเป็นครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ ประทับที่พระที่นั่งบรมพิมาน จนกระทั่งเกิดเหตุเรื่องนี้

โจทก์ใคร่ขอประทานกราบเรียนเกี่ยวกับจำเลยว่า ในขณะนั้น มีฐานะอย่างไร ปรากฏว่า นายเฉลียว ปทุมรส จำเลยที่ ๑ รับราชการเป็นราชเลขานุการในพระองค์ และเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ประจำราชสำนัก มีหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการในพระองค์และพิทักษ์รักษาพระองค์ นายเฉลียว ปทุมรส จำเลยที่ ๑ ได้ออกจากราชการเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ คือ ก่อนสวรรคตหนึ่งเดือนเศษ นายชิต สิงหเสนี จำเลยที่ ๒ และนายบุศย์ ปัทมศริน จำเลยที่ ๓ เป็นมหาดเล็กห้องพระบรรทมจนเสด็จสวรรคต มีบุคคลอยู่สองคนที่โจทก์จำเป็นจะต้องกราบเรียน ณ ที่นี้ ทั้งนี้ เพราะเหตุว่าในฟ้องของโจทก์ได้กล่าวไว้แล้วว่า จำเลยทั้งสามได้สมคบกับพวกที่ยังหลบหนีอยู่และจับตัวไม่ได้ และนอกจากนั้น ในการดำเนินการพิจารณาของศาล โจทก์ก็ได้นำสืบเกี่ยวพันไปถึงบุคคลดั่งกล่าว ซึ่งบุคคลทั้งสองนี้ จำเป็นที่โจทก์จะต้องกราบเรียนไว้ด้วยว่า อยู่ในฐานะเช่นไรในขณะนั้น บุคคลทั้งสองนี้ คือ นายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นรัฐบุรุษอาวุโส และต่อมา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจนถึงวันเสด็จสวรรคต ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ เรือเอก วัชรชัย