แต่เป็นความผิดที่เกลื่อนกลืนอยู่ในความผิดประธานข้างต้น ไม่พึงแยกกระทงลงโทษอีกได้ จึ่งลงโทษนายชิต จำเลย ตามมาตรา ๙๗ ตอน ๒ บทเดียว ให้ประหารชีวิต ส่วนนายเฉลียว และนายบุศย์ จำเลย คดียังไม่มีหลักฐานให้พอฟังว่า ได้ร่วมกระทำผิดด้วย ให้ยกฟ้อง
นายชิต จำเลย อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยอีก ๒ คนด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ลงโทษประหารชีวิตนายบุศย์ จำเลย ตามมาตรา ๙๗ ตอน ๒ ด้วยอีกคนหนึ่ง ส่วนนายชิต นายเฉลียว จำเลย คงยืนตามเดิม แต่มีความเห็นแย้งของผู้พิพากษานายหนึ่งว่า ควรยกฟ้อง ปล่อยจำเลยทั้งสามคน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษนายเฉลียว จำเลย โดยอธิบดีกรมอัยยการรับรอง
นายชิต นายบุศย์ จำเลย ฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกานั่งฟังคำแถลงของฝ่ายโจทก์จำเลย ตรวจสำนวน ประชุมปรึกษาคดีแล้ว
ตามคำแถลงของจำเลย เป็นใจความว่า การแต่งตั้งรัฐบาลเนื่องจากการกระทำรัฐประหารเป็นการไม่ชอบ ฉะนั้น การสอบสวนตลอดจนการฟ้องร้องจำเลยในคดีนี้จึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยนั้น เห็นว่า ความข้อนี้ ศาลล่างทั้ง ๒ ได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า โจทก์ฟ้องคดีได้ และศาลนี้ก็ได้เคยวินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๕/๒๔๙๖ คดีระหว่างนายทองเย็น