ดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนข้อหาและไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งคดีนี้ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่การแสวงหาข้อเท็จจริงยังไม่แล้วเสร็จ โดยประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวนของผู้ร้องได้มีหนังสือเรียกบุคคลไปให้ข้อเท็จจริงหลังจากที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จึงเป็นการฟ้องคดีโดยไม่สุจริตและกลั่นแกล้งผู้ถูกร้องในทางการเมือง
๒.บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ไม่ได้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือเป็นสื่อมวลชนนับตั้งแต่วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ โดยได้เลิกผลิตนิตยสาร Who? ยุบกองบรรณาธิการ และเลิกจ้างพนักงานทั้งหมดของบริษัทจำนวน ๑๔๕ คน ตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และจดแจ้งการหยุดกิจการชั่วคราวต่อสำนักงานประกันสังคมเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ และไม่ได้กลับมาผลิตอีกเลย ส่วนการผลิตนิตยสารรายเดือน JIBjib Magazine นั้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ได้ผลิตให้บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด สำหรับใช้เผยแพร่บนเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ จึงต้องผลิตตามสัญญาถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ อย่างไรก็ตาม บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด มิได้เป็นเจ้าของ JIBjib Magazine โดยผู้ที่เป็นเจ้าของนิตยสาร JIBjib Magazine ตลอดจนเครื่องหมายทางการค้าและชื่อทางการค้า ซึ่งมีอำนาจกำหนดเนื้อหาและรูปเล่ม คือ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด ซึ่งสัญญาการตกลงผลิต JIBjib Magazine ไม่มีข้อตกลงให้บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด ต้องชำระราคาการผลิตให้แก่บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด แต่ให้บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด มีสิทธิใช้พื้นที่โฆษณาได้จำนวน ๖ หน้า โดยไม่มีสิทธินำเนื้อหาในนิตยสารไปเผยแพร่ หรือทำซ้ำ หรือนำออกแจกจ่ายแก่บุคคลอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด ดังนั้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด จึงมิได้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือเป็นสื่อมวลชนใด ๆ
๓.ผู้ถูกร้องโอนหุ้นของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ให้แก่ผู้อื่นตั้งแต่วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒ โดยข้อเท็จจริงสรุปได้ดังนี้
(๑)เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ ผู้ถูกร้องได้โอนขายหุ้นจำนวน ๖๗๕,๐๐๐ หุ้นให้แก่นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยทำเป็นหนังสือ ในราคาหุ้นละ ๑๐ บาท และมีการชำระเงินค่าหุ้นด้วยเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จำนวน ๖,๗๕๐,๐๐๐ บาท และจดแจ้งการโอนหุ้นลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ในวันดังกล่าว จึงมีผลผูกพันต่อ