หน้า:คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๒-๑๔ (ส่วนตน).pdf/10

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว


– ๓ –

มีเดีย จำกัด ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ ปรากฏตามเอกสารหมาย ร ๑๐/๒๕ ถึง ร ๑๐/๒๗

ผู้ถูกร้องชี้แจงและยื่นหลักฐานว่า ผู้ถูกร้องได้โอนหุ้นทั้งหมดในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ให้กับนางสมพรฯ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒ ตามตราสารการโอนหุ้นที่ได้ทำต่อหน้าทนายความผู้ทำคำรับรอง และอ้างสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เป็นพยานหลักฐานต่อศาล ทั้งได้เบิกความยืนยันความจริงของการโอนหุ้นตามเอกสารดังกล่าวต่อศาลด้วย ประกอบกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๒๙ วรรคสาม จะบัญญัติให้การโอนหุ้นตามวรรคหนึ่งและวรรคสองใช้ยันกับบริษัทหรือบุคคลภายนอกได้เมื่อมีการจดแจ้งการโอนในทะเบียนผู้ถือของบริษัทแล้ว ประกอบกับมาตรา ๑๑๔๑ บัญญัติให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องในข้อกระทงความบรรดาที่กฎหมายบังคับหรือให้อำนาจให้เอาลงในทะเบียนนั้น ผู้ถูกร้องจึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานในเบื้องต้นจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๒๙ วรรคสาม และมาตรา ๑๑๔๑

อย่างไรก็ตาม ข้อสันนิษฐานดังกล่าวเป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้นเท่านั้น มิได้เป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาด อันเนื่องมาจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเป็นเอกสารภายในของบริษัท มิได้นำไปจดแจ้งต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท และมิได้แสดงต่อสาธารณะโดยเปิดเผย อันจะทำให้เป็นพยานหลักฐานที่หนักแน่นมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยใด ๆ การพิจารณาข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นจึงจำเป็นต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง เพราะข้อเท็จจริงที่จดแจ้งอาจไม่ตรงต่อความจริงก็ได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพิจารณาถึงข้อพิรุธและพยานหลักฐานอื่นประกอบด้วย

คดีนี้ ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติในเบื้องต้นได้ว่า ผู้ถูกร้องเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผู้ถือหุ้นรวม ๑๐ คนซึ่งเป็นคนในครอบครัวผู้ถูกร้องรวมถึงคู่สมรสของผู้ถูกร้องด้วย ข้อพิรุธประการแรกในคดีนี้เกิดขึ้นจากการตรวจสอบของสื่อมวลชนเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ เนื่องจากบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ได้ยื่นจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการได้อ้างถึงรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยระบุว่า มีผู้ถือหุ้นเข้าประชุม ๑๐ คน จึงเป็นประเด็นให้เกิดข้อสงสัยว่า ผู้ถูกร้องและคู่สมรสยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่ในวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒ และได้เข้าร่วมประชุมด้วย จึงทำให้มีผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุมจำนวน ๑๐ คนเท่าเดิม