ตามที่นายกรัฐมนตรี โดยมติของคณะรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๗ อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิง วิจิตรา ธนะรัชต์ ตกมาเป็นของรัฐ ตามจำนวนเงินที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เบียดบังและยักยอกทรัพยสินของรัฐไป เท่าที่ปรากฏในเวลานั้นมีมูลค่า ๔๓๕,๗๐๔,๑๑๕.๘๙ บาท (สี่ร้อยสามสิบห้าล้าน เจ็ดแสน สี่พัน หนึ่งร้อย สิบห้าบาท แปดสิบเก้าสตางค์) และเมื่อรวมดอกเบี้ยร้อยละ ๗๑๒ ต่อปีแล้ว เป็นเงินที่รัฐได้รับความเสียหายและต้องได้รับคืนทั้งสิ้น ๕๗๔,๓๒๘,๐๗๘.๒๖ บาท (ห้าร้อยเจ็ดสิบสี่ล้าน สามแสน สองหมื่น แปดพัน เจ็ดสิบแปดบาท ยี่สิบหกสตางค์) แล้วนั้น
บัดนี้ ปรากฏว่า จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขณะมีชีวิตอยู่ ได้จ่ายเงินของรัฐไปอีกจำนวนหนึ่ง เป็นเงิน ๒๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบเก้าล้านบาท) ในเงินจำนวนนี้ ปรากฏว่า จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ใช้อำนาจหน้าที่ราชการโดยมิชอบกระทำการเบียดบังและยักยอกไปเป็นประโยชน์ตนและผู้อื่นเป็นเงิน ๑๗,๙๑๙,๐๐๐ บาท (สิบเจ็ดล้าน เก้าแสน หนึ่งหมื่น เก้าพันบาท) เมื่อรวมกับดอกเบี้ยร้อยละ ๗๑๒ ต่อปีเข้าแล้ว รัฐต้องเสียหายอีกเป็นเงิน ๓๐,๒๒๓,๑๙๘.๓๖ บาท (สามสิบล้าน สองแสน สองหมื่น สามพัน หนึ่งร้อย เก้าสิบแปดบาท สามสิบหกสตางค์)
เมื่อได้รวมยอดเงินที่ปรากฏขึ้นใหม่นี้เข้ากับยอดเงินที่ปรากฏในคำสั่งนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๗ ซึ่งสั่งตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรแล้ว เงินที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เบียดบังและยักยอกไปจะเป็นจำนวน ๔๕๓,๖๒๓,๑๑๕.๘๙ บาท (สี่ร้อยห้าสิบสามล้าน หกแสน สองหมื่น สามพัน หนึ่งร้อย สิบห้าบาท แปดสิบเก้าสตางค์) เมื่อรวมดอกเบี้ยร้อยละ ๗๑๒ ต่อปีแล้ว ความเสียหายของรัฐเท่าที่ปรากฏในขณะนี้เป็นจำนวน ๖๐๔,๖๖๑,๒๗๖.๖๒ บาท (หกร้อยสี่ล้าน ห้าแสน ห้าหมื่น หนึ่งพัน สองร้อย เจ็ดสิบหกบาท หกสิบสองสตางค์)
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรี โดยมติของคณะรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ให้แก้จำนวนเงินที่ปรากฏในคำสั่งนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๗ ซึ่งสั่งตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ให้ทรัพย์สินในกองมรดก