ข้ามไปเนื้อหา

หน้า:คำแถลงการณ์ฯ กฎอัยการศึกฯ ๒๔๘๗.pdf/3

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

พิพากษาคดีอาญาฉะเพาะที่มีผู้กระทำความผิดฐานประทุษร้ายต่อความมั่นคงของราชอาณาจักร์ ขัดขวางทางดำเนินการของราชการทหารในการป้องกันประเทศ หรือทำลายความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองในยามสงครามเท่านั้น ผลจึงเป็นว่า คดีอาญาประเภทอื่นนอกจากที่กล่าวนี้ ให้ศาลพลเรือนเป็นผู้พิจารณาพิพากษา แทนที่จะให้ศาลทหารเป็นผู้พิจารณาพิพากษาดังที่เคยเป็นมาแต่เดิม การที่คดีอาญาจะได้รับการพิจารณาพิพากษาในศาลทหารหรือพลเรือนนั้น มีผลแตกต่างกันตั้งแต่แรกดำเนินคดีจนถึงคดีถึงที่สุด ถ้าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือน การจับกุมและสอบสวนผู้ต้องหาโดยเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และกำหนดเวลาที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งมีหลักประกันในเสรีภาพของผู้ต้องหาเป็นอย่างดี แต่ถ้าคดีอยู่ในอำนาจศาลทหารแล้ว ตามวิธีการของกฎอัยยการศึก เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการสอบสวนอาจขังผู้ต้องหาไว้ก่อนฟ้องศาลเป็นเวลานาน นอกจากนั้น ราษฎรผู้เป็นเจ้าทุกข์ไม่มีโอกาสนำคดีขึ้นฟ้องร้องยังศาลโดยตนเองได้ ต้องมอบคดีให้เจ้าพนักงานเป็นผู้ฟ้องร้อง ในชั้นพิจารณา