สุด พวกไต้เผงสู้ไม่ได้ ต้องหลบหนีแยกย้ายกันไปเที่ยวซุ่มซ่อนอยู่ตามป่าแลภูเขาในมณฑลต่าง ๆ ทั้งในมณฑลฮกเกี้ยน กวางไส กวางตุ้ง แลเสฉวน มีจีนไต้เผงนั้นพวก ๑ ประมาณ ๔๐๐๐ คน ผู้เปนหัวหน้าชื่อ ง่ออาจง พากันอพยบหนีเข้ามาในแดนญวนทางเมืองตังเกี๋ยเมื่อปีฉลู พ.ศ. ๒๔๐๘ จีนพวกนี้ที่มาเปนพวกฮ่อ ชั้นเดิมมาตั้งอยู่ที่เมืองฮานอย ญวนเกรงพวกฮ่อจะมาก่อการกำเริบขึ้น จึงบอกไปขอกำลังจีนที่เมืองฮุนหนำ จีนให้กองทัพมีจำนวนพลประมาณ ๑๐,๐๐๐ คนมาสมทบกับกองทัพญวนยกไปตีพวกฮ่อ ๆ สู้ไม่ไหว ง่ออาจง นาย ตายในที่รบ พรรคพวกที่เหลือตายก็พากันแตกหนีไปอาศรัยอยู่ที่เมืองซันเทียนอันเปนเมืองของพวกแม้วตั้งเปนอิศระอยู่บนภูเขาที่ชายแดนจีนต่อกับแดนสิบสองจุไทย พวกไพร่พลพร้อมกันยกน้องชายของง่ออาจง ชื่อ ปวงนันซี ขึ้นเปนหัวหน้า ตั้งซ่อมสุมรี้พลอยู่ที่เมืองซันเทียนนั้น ครั้นถึงปีขาล พ.ศ. ๒๔ ปวงนันซีได้กำลังมาก ก็ยกกองทัพฮ่อไปตีเมืองเลากายในแดนญวน เขตรตังเกี๋ย พวกจีนกับญวนยกกองกัพมารบ สู้พวกฮ่อไม่ได้ ปวงนันซีตีได้เมืองเลากายเมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ แต่เมื่อได้เมืองเลากายแล้ว ปวงนันซีเกิดเปนอริกับนายทัพคนสำคัญในพวกฮ่อคน ๑ ชื่อ ลิวตายัน พวกฮ่อเกิดรบกันขึ้นเอง ปวงนันซีสู้ไม่ได้ ก็พาพรรคพวกรี้พลของตนแยกมาตั้งซ่องที่เมืองฮายางในแดนสิบสองจุไทย ฮ่อพวกลิวตายันใช้ธงดำ ฮ่อพวกปวงนันซีใช้ธงเหลือง จึง
หน้า:จมห เจ้าพระยาภูธราภัยฯ ปราบฮ่อ - ๒๔๖๖.pdf/17
หน้าตา