หน้า:จมห เจ้าพระยาภูธราภัยฯ ปราบฮ่อ - ๒๔๖๖.pdf/33

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๒

บารมีภินิหารแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งได้เห็นเปนมหัศจรรย์เมื่อวันยกออกจากเมืองหลวงพระบาง คงปกเกล้าฯ ป้องกันสรรพภัยอันตรายได้ ไม่ลงจากหลังช้าง วางจิตรเปนกลางสบายดี นอนหลับบ้างตื่นไปตามทางไหล่เขา ๔ ชั่วโมงเศษ พ้นเขตรช่องแคบแล้ว ขึ้นเขาใหม่ต่อไปอิกชั้นหนึ่งทั้งสูงชัน พวกลาวแจ้งว่า เดิมมีคนหนุ่มสาวสะกรรจ์กำลังมากขึ้นบนเข้านี้มิใคร่ไหว ต้องหยุดพักเหลียวหลังนั่งร้องไห้ จึงได้ร้องเรียกชื่อว่า ภูสาวเหลียว สืบมา ช้างกองหน้าข้าพเจ้าขึ้นไป ไม่มีที่เหยียบยันยึดหน่วง เลื่อนรูดลงมา กูบจำลองชำรุด เสียสิ่งของเครื่องใช้แตกหักยับเยินหลาย ช้างขึ้นไม่ได้

ข้าพเจ้าต้องลงจากหลังช้าง ให้ขุดสับฟันเปนคั่นบันได ด้วยภูสาวเหลียวมิใช่หิน เปนดินแขงแท้ ขึ้นแต่เชิงตลอดยอด ๓ ชั่วโมง บนยอดเขามีต้นมะก่อกินผลได้ ต้นสน ต้นฉำฉา สูงประมาณ ๙ วา ๑๐ วา เปนดงทึบ บางแห่งโปร่ง แลขึ้นไปดูใกล้ฟ้าสูงกว่าเขาอื่นไม่เทียมเท่า ทางเดินบนยอดเขาอิก ๓ ชั่วโมงครึ่งลงถึงกิ่วกอก คือ เชิงเขาชั้นบนหลังเขาชั้นล่าง กลางคืนเวลาทุ่มหนึ่ง ที่นั่นเปนเนินใหญ่ มีทั้งห้วยน้ำไหลลงมาแต่เขาชั้นบนพอกองทัพอาศรัยอยู่คืนหนึ่ง ณวันพฤหัสบดี เดือน ๓ แรมค่ำ ๑ เวลาเช้าโมงหนึ่ง ๒๘ นาที ยกจากกิ่วกอกไป ๖ โมง ๔๓ นาที ถึงกิ่วคอม้า ยังเปนหลังเขา ชั้นล่างทางแคบ ฉเพาะเท้าช้างเดินค่อยโน้มตัวก้าว น่ากลัวจะพลัดตกลงจากทาง ทั้ง ๒ ข้างไม่มีต้นไม้ หินผาเปนเครื่องบังทางยาวไปประมาณ ๔ วา ตั้งแต่นั้นเปนป่าต้นสน