หน้า:ฎ ๒๕๓๑-๒๓๕๔.pdf/18

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๙๙ • ปริญญา จิตรการนทีกิจ
 

นพตลุง ซึ่งรับราชการประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เบิกความว่า พยานได้ฟังจำเลยกล่าวปราศรัยแล้วรู้สึกตกใจและไม่สบายใจ เพราะเป็นการพูดหมิ่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ที่จะเกิด ใจกลางพระบรมมหาราชวังได้ก็คือพระโอรสของพระมหากษัตริย์ซึ่งต่อไปจะได้เป็นพระมหากษัตริย์ และข้อความที่ว่า ถ้าเป็นพระองค์เจ้าป่านนี้ก็ไม่มายืนพูดให้คอแหบคอแห้ง นี่ก็เวลา 6 โมงครึ่ง ผมเสวยน้ำจัณฑ์ ให้มันสบายอกสบายใจไม่ดีกว่าหรือ ที่มายืนพูดนี่ก็เมื่อยพระชงฆ์เต็มทีอยู่แล้ว เป็นคำพูดที่ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและรัชทายาทไม่ได้ทรงทำอะไร มีแต่ความสุขสบายซึ่งไม่เป็นความจริง นายสัญชัย เลาวเกียรติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๑ ตำบลสตึก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เบิกความว่า คำพูดของจำเลยเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมโอรสาธิราชฯ เพราะจำเลยกล่าวว่าไปเลือกเกิดใจกลางพระบรมมหาราชวังซึ่งมีคนอื่นอยู่ไม่ได้นอกจากสองพระองค์เท่านั้น และนายทรงศักดิ์ สืบขำเพชร กำนันตำบลสตึก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เบิกความว่า จำเลยกล่าวปราศรัยเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ที่สูงส่งมาเปรียบเทียบในทางที่เสื่อมเสียสถาบันพระมหากษัตริย์ หมายความถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เป็นการเปรียบเทียบในทางที่เสื่อมเสียว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจอะไรซึ่งเป็นการตรงกันข้าม คำว่าที่เกิดเป็นพระองค์เจ้าก็เป็นการพูดล้อเลียนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในทางที่เสื่อมเสีย ทำให้ประชาชนขาดความเคารพและศรัทธา พยานและประชาชนที่ฟังต่างไม่พอใจคำปราศรัยของจำเลย นอกจากนี้ โจทก์ยังมีบุคคลอีกมากมายซึ่งได้ทราบคำกล่าวปราศรัยของจำเลยในภายหลังมาเบิกความเป็นพยาน อาทิเช่น พลเอก อาทิตย์ กำลังเอก สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งขณะเกิดเหตุคดีนี้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด