หน้า:ฎ ๒๕๓๑-๒๓๕๔.pdf/23

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
หมิ่นประมาท ดูหมิ่นซึ่งหน้า • ๑๐๔
 

คนธรรมดาสามัญซึ่งต้องทำงานหนัก มีแต่ความเหนื่อยยากลำบาก พยานโจทก์ดังกล่าวประกอบด้วยบุคคลจากหลายท้องถิ่นและหลายสาขาอาชีพ ทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร นักการเมือง ครูบาอาจารย์ ทนายความ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวนาแสดงว่าประชาชนโดยทั่วไปต่างเห็นว่าจำเลยเจตนาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ องค์รัชทายาท

นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังได้ความว่า หลังจากเกิดเหตุแล้วจำเลยได้ไปกล่าวคำกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ห้องรับรองของรัฐสภาต่อหน้าสื่อมวลชนและสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่ง ซึ่งแสดงว่าจำเลยรู้สึกสำนึกในการที่ได้กระทำลงไป

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยกล่าวว่าถ้าเลือกเกิดได้จะเลือกเกิดใจกลางพระบรมมหาราชวัง ออกมาเป็นพระองค์เจ้าวีระ ไม่ต้องมายืนตากแดดพูดให้ประชาชนฟัง ถึงเวลาเที่ยงก็เข้าห้องเย็น เสวยเสร็จก็บรรทม ตื่นอีกทีก็บ่ายสามโมง พอตกเย็นก็เสวยน้ำจัณฑ์ให้สบายอกสบายใจนั้น เป็นการเปรียบเทียบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร องค์รัชทายาท ทรงมีความเป็นอยู่สุขสบาย ไม่ต้องปฏิบัติพระราชภารกิจใด ๆ เวลาเที่ยงเสวยเสร็จก็บรรทมไปจนถึงเวลาบ่ายสามโมง ตกเย็นก็เสวยน้ำจัณฑ์อย่างสบายอกสบายใจ ต่างกับจำเลยซึ่งเป็นลูกชาวนาต้องทำงานหนัก มีแต่ความยากลำบากเพราะเลือกเกิดไม่ได้ ซึ่งข้อความที่จำเลยกล่าวมานั้นไม่เป็นความจริง เพราะข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนทั้งประเทศ ทั้งสามพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจและทรงประกอบพระราชกรณียกิจมากมายนานัปการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและความเจริญมั่นคงของประเทศชาติโดยมิได้ทรงย่อท้อต่อความเหนื่อยยากแม้แต่จำเลยเองก็เบิกความรับว่า จำเลยเข้าใจ