หน้า:ตำนานกฎหมายเมืองไทย - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๙๓.pdf/5

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

การ ระหว่างนั้น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนศิริธัชสังกาศ ทรงกรุณาให้อยู่ในวังของพระองค์ท่านที่ตำบลเสาชิงช้า (จนกระทั่งออกไปเป็นผู้พิพากษาศาลเมืองพุมเรียงในภายหลัง) เริ่มเข้าศึกษาวิชากฎหมายในโรงเรียนกฎหมายเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๔๔๕ ต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๗ เสด็จในกรมฯ ทรงฝากฝังให้เข้ารับราชการในกระทรวงยุตติธรรมเป็นเสมียนในกรมบัญชาการ พ.ศ. ๒๔๔๙ ได้เลื่อนเป็นนายเวร สอบวิชากฎหมายชั้นต้นและความรู้ชั้นผู้พิพากษารองได้เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๔๕๐ ทางราชการได้ส่งไปช่วยพิจารณาความที่ศาลสโบริสภาที่ ๒ สิบวันเศษ แล้วให้ไปช่วยที่ศาลจังหวัดเพ็ชร์อยู่เดือนเศษ

ต่อมา กระทรวงยุตติธรรมได้มีคำสั่งตั้งให้เป็นผู้พิพากษาไปรับราชการที่ศาลเมืองพุมเรียง (ไชยา) ตั้งแต่วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๔๕๐ จน พ.ศ. ๒๔๕๓ ย้ายไปเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดกำแพงเพ็ชร์ ระหว่างนั้น ทางราชการสั่งให้ไปช่วยพิจารณาความศาลจังหวัดตากอยู่ ๑๔ วัน พ.ศ. ๒๔๕๖ ย้ายไปเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดระนอง พ.ศ. ๒๔๖๑ ย้ายมาเป็นผู้พิพากษาศาลมณฑลจันทบุรี ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๖๕ ทางราชการให้ไปช่วยพิจารณาความศาลจังหวัดระนอง ๒ เดือนเศษ พ.ศ. ๒๔๖๗ ย้ายมาเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. ๒๔๗๓ ย้ายมาเป็นผู้พิพากษาศาลมณฑลนครไชยศรี หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครปฐม พ.ศ. ๒๔๗๖ ย้ายมาเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดสมุทรสงคราม จนกระทั่งสิ้นปี พ.ศ. ๒๔๘๐ จึงออกจากราชการครบเกษียรอายุ