หน้า:ธศย ๑๒๗.pdf/3

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
เล่ม ๒๕ หน้า ๓๓๑
วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๑๒๗
ราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๑ ให้ศาลแพ่งมีอำนาจพิจารณาแลพิพากษาคดีแพ่งทั่วไปตลอดพระราชอาณาเขตร์ตามข้อความที่ได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาซึ่งเกี่ยวด้วยศาลแพ่งทุกประการ

มาตรา ๑๒ ให้ศาลต่างประเทศมีอำนาจพิจารณาแลพิพากษาคดีทั้งปวง เมื่อคนในบังคับต่างประเทศซึ่งมีสัญญาทางพระราชไมตรีพิเศษเปนคู่ความ ตามข้อกำหนดที่ได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาสำหรับศาลแพ่งแลศาลอาญาทุกประการ แลตามที่เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมจะกำหนดให้เปนครั้งคราวเฉภาะคดีนั้น ๆ ด้วย

มาตรา ๑๓ ผู้พิพากษาซึ่งจะพิจารณาคดีทั้งปวงในศาลพระราชอาญา ศาลแพ่ง ศาลต่างประเทศ ทั้งสามศาล ตามมาตรา ๑๐, ๑๑, มาตรา ๑๒, ให้มีจำนวนตั้งแต่สองคนขึ้นไป จึงจะเปนองค์คณะ แต่ถ้านั่งพิจารณาคนเดียวแล้ว ให้มีอำนาจพิพากษาได้ตามพระธรรมนูญศาลหัวเมืองซึ่งได้ลำดับชั้นผู้พิพากษาไว้ในการพิพากษาคดีทั้งปวง

มาตรา ๑๔ ให้ศาลโปริสภามีอำนาจพิจารณาพิพากษาความในจังหวัดกรุงเทพฯ ตามที่กล่าวไว้ในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาซึ่งเปนความมะโนสาเร่ทุกประการ แลมีอำนาจไต่สวนความอาญาที่ศาลทั้งหลายในพระธรรมนูญนี้ชำระได้

มาตรา ๑๕ ศาลโปริสภาจะควรมีกี่ศาลแลกำหนดเขตร์อย่างไร ให้แล้วแต่เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมจะกำหนดเปนครั้งคราว แลผู้พิพากษาประจำศาลโปริสภานั้น ให้มีตั้งแต่คนหนึ่งขึ้นไปในศาลหนึ่งก็เปนองค์คณะได้

  • หมวดที่ ๔
  • ว่าด้วยศาลหัวเมือง

มาตรา ๑๖ พระธรรมนูญศาลหัวเมืองนี้ ให้ใช้ได้ในหัวเมืองมณฑลกรุงเทพฯ แลในมณฑลกรุงเก่า มณฑลจันทบุรี มณฑลชุมพร มณฑลนครไชยศรี มณฑลนครราชสีมา มณฑลนครสวรรค์ มณฑลนครศรีธรรมราช มณฑลปาจิณบุรี มณฑลพายัพ มณฑลพิศณุโลก มณฑลภูเก็ต มณฑลราชบุรี แลในมณฑลหรือเมืองอื่นเมื่อเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมจะได้รับพระบรมราชานุญาตประกาศให้ใช้