ด่วนที่สุด | |
ที่ นร ๐๕๐๓/๔๔๕๔๙ | สำนักนายกรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล กทม. ๑๐๓๐๐ |
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
เรื่อง | แจ้งเรื่องการสถาปนาแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้แล้วตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ | |
กราบเรียน | ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | |
ตามที่มีประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต ลงวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสวรรคต ลงวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ นั้น ถือว่า เป็นกรณีที่ราชบัลลังก์ว่างลง และจำเป็นต้องมีการดำเนินการเกี่ยวกับการสืบราชสมบัติต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ในเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลได้ชะลอการดำเนินการเกี่ยวกับขั้นตอนดังกล่าวในส่วนของรัฐบาลไว้ก่อน เพื่อสนองพระราชดำริในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ว่า ยังไม่สมควรดำเนินการใดที่แสดงถึงการมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ในระหว่างที่ประชาชนอยู่ในภาวะทุกข์โศกและยากจะทำใจ พระองค์เองก็ทรงขอเวลาร่วมทุกข์และทำใจเช่นเดียวกับประชาชน จนกว่าการพระราชพิธีพระบรมศพจะผ่านพ้นไประยะหนึ่ง ซึ่งมีพระราชดำริว่า เมื่อการบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานผ่านพ้นจนถึงปัญญาสมวาร (ครบ ๕๐ วัน) คือ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ แล้ว จึงค่อยพิจารณาดำเนินการต่อไป ในระหว่างเวลานั้น รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้มีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อนอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะมีข้อขัดข้องใด ๆ ในราชการบ้านเมือง
บัดนี้ การพระราชพิธีพระบรมศพได้ล่วงเลยเวลาบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน จนเข้าเขตปัญญาสมวาร (๕๐ วัน) ทั้งประชาชนก็มีโอกาสเข้าถวายบังคมพระบรมศพแล้วตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ถึงบัดนี้ประมาณ ๑ เดือน มีจำนวนประมาณหนึ่งล้านคน รัฐบาลจึงนำความกราบบังคมทูลว่า นับเป็นกาลอันควรดำเนินการต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามราชประเพณีและรัฐธรรมนูญ อันจะยังความปลื้มปีติและสร้างขวัญกำลังใจแก่พสกนิกร ซึ่งทรงทราบฝ่าละอองพระบาทแล้ว
โดยที่การสืบราชสมบัติต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ ซึ่งมาตรา ๒ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนี้ กำหนดให้นำบทบัญญัติในหมวด ๒ ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาใช้บังคับโดยถือว่า เป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๗ ดังนั้น การสืบราชสมบัติจึงต้องเป็นไปตามความในหมวด ๒ พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญดังกล่าว บัญญัติว่า