หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/147

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
132

ราชการจังหวัดเพชรบูรน์ว่างลง ฉันหาคนไนกรุงเทพฯ ไปเปนเจ้าเมืองไม่ได้ เลือกดูกรมการไนเมืองเพชรบูรน์เอง ที่จะสมควนเปนผู้ว่าราชการจังหวัดก็ไม่มี นึกว่า มนทลพิสนุโลกมีท้องที่ความไข้ร้ายหลายแห่ง บางทีจะหาข้าราชการไนมนทลนั้นที่คุ้นกับความไข้ไปเปนเจ้าเมืองเพชรบูรน์ได้ เวลานั้น เจ้าพระยาสุรสีห์วิสิถสักดิ์ (เชย กัลยานมิตร) เมื่อยังเปนที่พระยาสรีสุริยราชวรานุวัติ เปนสมุหเทสาภิบาลมนทลพิสนุโลก ฉันเคยเห็นท่านถนัดเลือกคนไช้ จึงถามท่านว่า จะหาข้าราชการไนมนทลพิสนุโลกที่มีความสามาถพอจะเปนเจ้าเมืองและไม่กลัวความไข้เมืองเพชรบูรน์ไห้ฉันสักคนจะได้หรือไม่ ท่านขอไปตริตรองแล้วมาบอกว่า มีหยู่คนหนึ่งเปนที่พระสงครามภักดี (ชื่อ เฟื่อง) นายอำเพอเมืองน้ำปาด ดูลาดเลามีสติปัญญา และเคยไปรับราชการตามหัวเมืองที่มีความไข้ เช่น เมืองหลวงพระบาง และแห่งอื่น ๆ หลายแห่ง เวลานั้น เปนนายอำเพอที่เมืองน้ำปาด ก็หยู่ไนแดนความไข้ เห็นจะพอเปนเจ้าเมืองเพชรบูรน์ได้ ฉันเรียกพระสงครามภักดีลงมากรุงเทพฯ พอแลเห็นก็ประจักส์ไจว่า แกเคยคุ้นกับความไข้ เพราะผิวเหลืองผิดกับคนสามัญ ดูราวกับว่า โลหิตเต็มไปด้วยตัวไข้มาลาเรีย จึงหยู่คงกับความไข้ ฉันไถ่ถามได้ความว่า เปนชาวกรุงเทพฯ แต่ขึ้นไปทำมาหากินหยู่เมืองเหนือตั้งแต่ยังหนุ่ม เคยอาสาไปทัพฮ่อทางเมืองหลวงพระบางและที่อื่น ๆ มีความชอบ เจ้าพระยาสุรสีห์ฯ จึงชวนเข้ารับราชการมาจนได้เปนที่พระสงครามภักดี ฉันซักไซ้ต่อไปถึงความคิดการงาน ดูก็มีสติปัญญาสม