หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/151

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
136

เพชรบูรน์ แต่ว่าหนทางหยู่ข้างลำบากและไม่มีอะไรน่าดู ทางที่ 3 นั้น ไปเรือ มีเรือไฟจูงจากกรุงเทพฯ ราว 7 วัน ไปขึ้นเดินบกที่อำเพอบางมูลนาค แขวงจังหวัดพิจิตร เดินบกอีก 4 วันถึงเมืองเพชรบูรน์ และว่า ทางนี้สดวกกว่าทางอื่น แต่การที่ฉันจะไปเมืองเพชรบูรน์ ต้องกะเวลาไห้เหมาะด้วย คือ ควนไปไนรึดูแล้งเมื่อแผ่นดินแห้งพ้นเขตความไข้แล้ว แต่ต้องเปนแต่ต้นรึดูแล้งเมื่อน้ำยังไม่ลดมากนัก ทางเรือจึงจะสดวก ไปไนเดือนมกราคมเปนเหมาะกว่าเดือนอื่น แต่ฝ่ายตัวฉันยังมีข้ออื่นที่จะต้องคิดอีก คือ จะต้องหาโอกาสว่างราชการไนเดือนมกราคมไห้ไปหยู่หัวเมืองได้สักเดือนหนึ่ง เมื่อปรึกสากับพระยาเพชรรัตนสงครามแล้ว ฉันยังหาโอกาสไม่ได้ ต้องเลื่อนกำหนดมาถึง 2 ปี ไนระหว่างนั้น พระยาเพชรรัตนสงคราม (เฟื่อง) ถึงอนิจกัม ก็ไม่ได้ไปด้วยดังนัดกันไว้ ฉันมาได้โอกาสไปเมืองเพชรบูรน์ เมื่อ พ.ส. 2447 กะว่าจะไปทางเรือจนถึงบางมูลนาค แล้วขึ้นเดินบกไปเมืองเพชรบูรน์และเมืองหล่มสัก ขากลับจะลงเรือที่เมืองหล่มสัก ล่องลำแม่น้ำสักมายังเมืองวิเชียรบุรี แล้วเลยลงมาจนถึงเมืองสระบุรี ขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพฯ

พอข่าวปรากตว่า ฉันเตรียมตัวจะไปเมืองเพชรบูรน์ ก็มีพวกพ้องพากันมาไห้พร คล้ายกับจะส่งไปทัพบ้าง มาห้ามปรามโดยเมตตาปรานีด้วยเห็นว่า ไม่พอที่ฉันจะไปเสี่ยงภัยบ้าง ผิดกับเคยไปไหน ๆ มาแต่ก่อน ฉันบอกว่า เปนราชการ จำที่จะต้องไป และได้ทูนลาเส็ดแล้ว ที่ห้ามปรามก็เงียบไป แต่ส่วนพระองค์สมเด็ดพระพุทธเจ้าหลวงนั้น ซงพระราช