หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/261

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
246

สักสามสี่เชือก ตัวหนึ่งชื่อ พลายแก้ว เจ้าพระยายมราช (แก้ว) หัดที่เมืองนครราชสีมา กล้าหานนัก พอเห็นยิงปืนออกมาจากค่าย ก็สวนควันเข้าไปรื้อค่ายแทงรูปหุ่นที่รักสาทำลายลง พวกชาวพระนครไม่เคยเห็นการซ้อมรบหย่างนั้น พากันมาดูมากกว่ามาก เกิดกิตติสัพท์ระบือไปถึงพวกอั้งยี่ ก็กลัวไม่ก่อเหตุอันไดได้จริง

อุบายของสมเด็ดเจ้าพระยาฯ อีกหย่างหนึ่งนั้น ขยายการบำรุงจีนอนุโลมตามกะแสพระราชดำหริของพระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวซึ่งซงตั้งปลัดจีนตามหัวเมือดังกล่าวมาแล้ว และเวลานั้น มีความลำบากเพิ่มขึ้นอีกหย่างหนึ่งด้วย เพราะเมื่อตอนปลายรัชกาลที่ 4 มีพวกชาวจีนชาวเมืองขึ้นของอังกริด ฝรั่งเสส ฮอลันดา และโปรตุเกส เข้ามาหากินไนกรุงเทพฯ มากขึ้น ก็ตามหนังสือสัญญายอมไห้จีนเหล่านั้นหยู่ไนความป้องกันของกงสุลชาตินั้น ๆ จึงเรียกกันว่า "พวกร่มทง" หมายความว่า "หยู่ไนร่มทงของต่างประเทส" หรือเรียกอีกหย่างหนึ่งว่า "สับเย๊ก" (subject) หมายความว่า "เปนคนไนชาตินั้น ๆ" ไม่ต้องหยู่ไนอำนาดโรงสาลหรือไนบังคับรัถบาลของบ้านเมือง แม้กงสุลต่างประเทสช่วยห้ามมิไห้จีนไนร่มทงเปนอั้งยี่ก็ดี สมเด็ดเจ้าพระยาฯ ก็ยังวิตกเกรงว่า พวกจีนชั้นพลเมืองจะพากันหยากเข้าร่มทงฝรั่ง เพราะฉะนั้น พอเปลี่ยนรัชกาลได้ 3 สัปดาห์ ก็ประกาสตั้งสาลคดีจีนขึ้นไนกรมท่าซ้าย ไห้พระยาโชดึกราชเสดถี (จ๋อง แล้วเปลี่ยนเปนพระยาโชดึกฯ พุก) คนหนึ่ง หลวงพิพิธภันทวิจารน์ (ฟัก พายหลังได้เปน