หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/273

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
258

มากกว่าแต่ก่อน พวกจีนไหม่ที่เข้ามาหากินไนเมืองไทยสมัยนี้มีทั้งจีนแต้จิ๋วมาจากเมืองซัวเถา และจีนฮกเกี้ยนมาจากเมืองเอ้หมึง จีนสองพวกนี้พูดภาสาต่างกันและถือว่า ชาติภูมิต่างกัน แม้มีพวกเถ้าแก่รับจีนไหม่หยู่แต่ก่อน พวกจีนไหม่ต่างถือกันว่า เปนพวกเขาพวกเรา พวกแต้จิ๋วทำงานหยู่ที่ไหนมาก ก็คอยเกียดกันรังแกพวกฮกเกี้ยนมิไห้เข้าไปแซกแซงแย่งงาน พวกฮกเกี้ยนก็ทำเช่นนั้นบ้าง จึงเกิดเกลียดชังกัน ไปประชันหน้ากันที่ไหน ก็มักเกิดชกตีวิวาทไนระหว่างกัมกรจีนแต้จิ๋วกับฮกเกี้ยนเนือง ๆ เลยเปนปัจจัยไห้อั้งยี้รวมกันเปนพวกไหย่แต่ 2 พวก เรียกว่า "ตั้วกงสี" ของจีนแต้จิ๋ว พวกหนึ่ง เรียกว่า "ซิวลี่กือ" ของจีนฮกเกี้ยน พวกหนึ่ง ต่างประสงค์จะแย่งงานกันและกัน กะซวงนครบาลยังไช้วิธี "เลี้ยงอั้งยี่" หยู่หย่างแต่ก่อน ถ้าเกิดเหตุอั้งยี่ตีกัน ก็สั่งไห้นายอั้งยี่ไปว่ากล่าว แต่แรกก็สงบไปเปนพัก ๆ แต่เกิดมีตัวหัวโจกขึ้นไนอั้งยี่ที่สองพวก เปนผู้หยิงก็มี หาค่าจ้างไนการช่วยอั้งยี่แย่งงาน และช่วยหากำลังไห้ไนเวลาเมื่อเกิดวิวาทกัน พวกอั้งยี่ก็ไม่เชื่อฟังนายเหมือนแต่ก่อน แม้พวกอั้งยี่ก็ไม่ยำเกรงกะซวงนครบาลเหมือนเคยกลัวสมเด็ดเจ้าพระยาฯ พวกอั้งยี่จึงตีรันฟันแทงกันบ่อยขึ้น จนถึงรบกันไนกรุงเทพฯ เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ส. 2432

ไนสมัยนั้น (ค.ส. 1889) มีหนังสือพิมพ์บางกอกไตมส์ Bangkok Times ออกเสมอทุกวันแล้ว เมื่อเขียนนิทานนี้ ฉันตรวด