หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/283

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
268

พระยาอัถการยบดี (ชุ่ม อัถจินดา) ซึ่งพายหลังได้เปนสมุหเทสาภิบาลมนทลราชบุรี เวลานั้นยังเปนพระยาราชเสนา หัวหน้าพนักงานอัยการไนกะซวงมหาดไทย ไห้ลองสืบสวนราสดรไนท้องถิ่นโดยฉเพาะพวกนักโทสที่เคยเข้าอั้งยี่ว่า เหตุไดจึงมีคนสมัคเปนอั้งยี่ สืบหยู่ไม่ช้าก็ได้เค้าว่า มีจีนพวกหนึ่งหยู่ไนกรุงเทพฯ (จะเรียกต่อไปว่า พวกต้นคิด) หากินด้วยการตั้งอั้งยี่ตามหัวเมือง วิธีของจีนพวกต้นคิดนั้น ถ้าเห็นว่า อาดจะตั้งอั้งยี่ได้ไนถิ่นอันเปนที่มีจีนตั้งทำมาหากินหยู่มากและมีการแข่งขันการค้าขาย ก็แต่งพัคพวกไห้ออกไปหยู่ยังถิ่นนั้นหย่างว่า ไปทำมาหากิน แต่แยกกันไปหยู่เปน 2 พวกเหมือนกับไม่รู้จักมักคุ้นกัน แล้วเสาะหาจีนที่เปนคนเกกมะเหรกไนที่นั้นคบหายุยงไห้วิวาทกับคนอื่น บางทีก็หาพวกจีนที่เปนหัวไม้ออกไปจากกรุงเทพฯ ไห้ไปก่อวิวาทเกิดตีรันกันขึ้นเนือง ๆ จนคนไนถิ่นนั้นเกิดหวาดหวั่นเกรงพวกคนพาลจะทำร้าย ก็เกลี้ยกล่อมชักชวนไห้เข้าพวกช่วยกันป้องกันภัย ไนไม่ช้า พวกจีนไนถิ่นนั้นก็แตกกันเปนพวกเขาพวกเรา แล้วเลยตั้งเปนอั้งยี่ 2 พวก แต่นั้น พวกลูกสมุนก็วิวาทกันเองเนือง ๆ ถ้ารัถบาลจับกุมเมื่อได ก็กลับเปนคุนแก่พวกต้นคิดซึ่งหลบหนีเอาตัวรอดเสียก่อนแล้วกลับไปหาผลประโยชน์ด้วยเรี่ยไร "เต๊ย" เอาเงินจากอั้งยี่พวกของตนโดยอ้างว่า จะเอาไปช่วยพัคพวกที่ถูกจับ เอากำไรไนการนั้นถึงโดยว่า ไม่มีการจับกุม เมื่อถึงเทสกาล ก็เต๊ยเงินทำงานปีไหว้เจ้าเอากำไรได้อีกเสมอทุกปี สืบได้ความดังว่ามานี้ ฉันจึงคิดอุบายแก้ไข ได้ลองไช้อุบายนั้นครั้ง