หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/292

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
277

ชาวกรุงเทพฯ สำคันกันมาแต่ก่อนว่าเปนลาว แต่เดี๋ยวนี้รู้กันมากแล้วว่าเปนไทยมิไช่ลาว ถึงไนราชการแต่ก่อนก็อ้างว่าหัวเมืองไนมนทลพายัพกับมนทลอุดรและอิสานเปนเมืองลาว เรียกชาวมนทลพายัพว่า "ลาวพุงดำ" เพราะผู้ชายชอบสักมอมตั้งแต่พุงลงไปจนถึงเข่า เรียกชาวมนทลอุดรและอิสานว่า "ลาวพุงขาว" เพราะไม่ได้สักมอมหย่างนั้น เมื่อจัดหัวเมืองชายพระราชอานาเขตเปนมนทลไนรัชกาลที่ 5 ราว พ.ส. 2433 แรกก็ขนานนามหัวเมืองลาวพุงดำว่า "มนทลลาวเฉียง" ขนานนามหัวเมืองลาวพุงขาวว่า "มนทลลาวพวน" มนทลหนึ่ง "มนทลลาวกาว" มนทลหนึ่ง เปนเช่นนั้นมาจนถึงสมัยเมื่อพระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัว ซงเปลี่ยนแปลงการลักสนะการปกครองพระราชอานาเขตตั้งแต่ พ.ส. 2435 เปนต้นมา ด้วยซงพระราชปรารพว่าลักสนะการปกครองแบบเดิม นิยมไห้เปนหย่างประเทสราชาธิราช Empire อันมีเมืองคนต่างชาติต่างพาสาเปนเมืองขึ้นหยู่ไนพระราชอานาเขต จึงถือว่าเมืองชายพระราชอานาเขต 3 มนทลนั้นเปน "เมืองลาว" และเรียกชาวเมืองซึ่งอันที่จริงเปนชน "ชาติไทย" ว่าลาว แต่ลักสนะการปกครองหย่างนั้นพ้นเวลาอันสมควนเสียแล้ว ถ้าคงไว้จะกลับไห้โทสแก่บ้านเมือง จึงซงพระราชดำริไห้แก้ลักสนะการปกครอง เปลี่ยนเปนหย่างพระราชอานาเขต Kingdom ประเทสไทยรวมกัน เลิกประเพนีที่มีเมืองประเทสราชถวายต้นไม้ทองเงิน และไห้เปลี่ยนนามมนทลลาวเฉียงเปน "มนทลพายัพ" เปลี่ยนนามมนทลลาวพวนเปน