หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/294

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
279

ขนาดของบายสรีไหย่หรือเล็กตามถานะของเมือง พวกชาวเมืองเข้าขบวนกันแห่บายสรีมาทำขวัน เมืองไหย่ก็มีขบวนแห่และเครื่องประโคมมาก่อน ถ้าเปนเมืองน้อยคนเชินบายสรีก็นำหน้า มีผู้เธ่าสองสามคนนำราสดรชายหญิงเดินตามบายสรีมาตั้งร้อย ฉันนั่งรับที่มุขหน้าพลับพลา เขาเอาบายสรีมาตั้งที่ตรงหน้า คนที่มาทำขวันนั่งหลังบายสรีต่อออกไป ถ้าที่บนพลับพลาไม่พอก็นั่งหลามลงไปถึงไนสนามหน้าพลับพลา เริ่มพิธีด้วยผู้เธ่าที่เปนหัวหน้าจุดธูปเทียนเครื่องสักการะ แล้วว่าคำเชินขวันเปนทำนอง บางคนเสียงดีทำนองก็ไพเราะน่าฟัง ความขึ้นต้นขอคุนพระรัตนตรัยและขอพรเทวดา แล้วประสิทธิพรไห้แก่ฉันเปนอเนกปริยาย เมื่อจบแล้วผู้เธ่าเอาด้ายคาดข้อมือฉัน ที่บางแห่งเวลาคาดด้ายนั้นคนที่มาด้วยแตะต้องตัวกันต่อ ๆ ไปจนหมด เปนนัยว่าช่วยกันคาดด้ายทุก ๆ คน ที่บางแห่งเมื่อทำขวันแล้วยังมีการฟ้อนรำเปนเครื่องมหรสพไห้ดูด้วย อันประเพนีบายสรีทำขวันนี้ ดูเปนประเพนีโบรานของชนชาติไทย มีด้วยกันทุกจำพวก ชาวลานนาก็ทำเหมือนกับชาวลานช้าง ไทยไนราชธานีก็ยังมีพิธีทำขวันเปนแต่ไม่แห่บายสรี ดังเช่นทำขวันเด็กก็ทำบายสรีมีของกินไส่ชามตกแต่งด้วยดอกไม้สด เรียกว่า "บายสรีปากชาม" มีผู้เถ้าว่าคำเชินขวันแล้วผูกด้ายคาดข้อมือไห้เด็ก เมื่อเด็กจะโกนจุกหรือจะบวช ก็ทำขวันด้วยมีบายสรีตองทำหลายชั้นคล้ายฉัตร และมีคนว่าคำเชินขวัน เปนแต่เอาพิธีเวียนเทียนของพราหมน์เพิ่มเข้า พิธีหลวงสมโพชเจ้านาย ก็เอาพานแก้ว ทอง เงิน ซ้อนกันเปนบายสรี