หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/307

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
292

กันว่า "นั่นวัวหรือควาย" คนที่หยู่ทางฝั่งโน้นก็เห็นถนัดต่อเมื่อเดิน ถ้านิ่งหยู่กับที่ก็มิไคร่สังเกตได้ แต่นอกจากเห็นว่าไหญ่โตแล้ว ดูแม่น้ำโขงที่เมืองหนองคายยังไม่เห็นหย่างอื่นผิดกับแม่น้ำเจ้าพระยาทางเมืองเหนือเท่าไดนัก ต่อเมื่อลงเรือล่องจากเมืองหนองคายจึงรู้ว่าแม่น้ำโขงผิดกับแม่น้ำอื่นไนเมืองไทยหย่างไรบ้าง เริ่มต้นแต่วันแรกจะลงเรือ ฉันแต่งตัวแล้วต้องนั่งคอยแสงสว่างหยู่จนเกือบ 8 นาฬิกาจึงลงเรือได้ เพราะรึดูที่ฉันไปพอถึงเวลาพลบ พระอาทิตย์ตก หมอกก็ลงไนแม่น้ำโขงมืดไปตลอดคืน จนรุ่งเช้าแสงแดดแข็งหมอกจึงจาง เพราะฉะนั้นเรือจะขึ้นล่องไนแม่น้ำโขงเวลากลางคืนไม่ได้ เรือไฟของรัถบาลฝรั่งเสสที่ฉันมา พอถึงที่พักแรมเวลาเย็นเขาจอดส่งฉันขึ้นบกทางฝั่งขวาแล้วก็ข้ามไปจอดนอนทางฝั่งซ้าย รุ่งเช้าพอหมอกจางเขาจึงข้ามมารับลงเรือต่อไป แต่เมื่อวันไปถึงเมืองท่าอุเทน เผอิญถึงต่อเวลาพลบนายเรือขอจอดที่เมืองฟองวินทางฝั่งซ้ายไกล้ ๆ กับเมืองท่าอุเทน ด้วยว่าหมอกลงแล้วแลไม่เห็นท้องน้ำถนัด เขาเกรงเรือจะติด ฉันต้องลงเรือพายของเมืองท่าอุเทนข้ามมายังที่พักแรม ต่อรุ่งเช้าหมอกจาง เรือไฟจึงข้ามมารับตามเคย

แม่น้ำโขง ผิดกับแม่น้ำอื่น ๆ ไนเมืองไทยอีกหย่างหนึ่ง ที่มีเกาะมากกว่ามาก พวกชาวเมืองเรียก "เกาะ" ว่า "ดอน" ก็ถูกโดยนัยหนึ่ง เพราะเกาะไนแม่น้ำโขงโดยมากเป็นแต่แผ่นดินดอนหยู่ไต้น้ำ ถึงรึดูแล้งน้ำลดจึงโผล่ขึ้นมาเป็นเกาะ เกาะที่สูงพ้นน้ำหยู่ตลอดปีเป็นที่ตั้งบ้านเรือนอาสัยได้ เหมือนเช่นเกาะไหญ่หรือเกาะบางปะอินไนแขวงกรุงสรีอยุธยา