หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/347

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
332

หมดกลับมีรูปโฉมเปนสง่างาม ตีครั้งที่ 2 ปราถนาจะมีบ้านเมืองสำหรับครอบครอง ก็เกิดเมืองขึ้นที่ไกล้บ้านโคนข้างไต้เมืองไตรตรึงส์ทางฝั่งตะวันออก ตีครั้งที่ 3 ปราถนาเปลทองคำสำหรับไห้กุมารนอน ก็เกิดเปลทองคำขึ้นดังปราถนา เพราะกุมารมีบุญได้นอนเปลทองคำของนรึมิตผิดกับคนอื่น จึงได้นามว่า "เจ้าอู่ทอง" ส่วนนายแสนปมก็ตั้งตัวเปนกสัตร ซงนามว่า "พระเจ้าสิริชัยเชียงแสน" ครองเมืองที่นรึมิตนั้น ขนานนามว่า "เมืองเทพนคร" เมื่อพระเจ้าสิริชัยเชียงแสนสิ้นชีพ เจ้าอู่ทองได้รับรัชทายาท ครองเมืองเทพนครมาได้ 6 ปี พระเจ้าอู่ทองปรารภหาที่ส้างราชธานีไหม่ไห้บริบูรน์พูนสุขกว่าเมืองเทพนคร ไห้ข้าหลวงเที่ยวตรวดตราหาที่ เห็นว่า ที่ตำบนหนองโสนเหมาะดี พระเจ้าอู่ทองจึงย้ายจากเมืองเทพนครลงมาส้างพระนครสรีอยุธยา ราชาภิเสก ซงพระนามว่า "สมเด็ดพระรามาธิบดี" เรื่องพระราชพงสาวดารตั้งต้นต่อนิทานนี้ เริ่มความแต่สมเด็ดพระรามาธิบดีที่ 1 ส้างกรุงสรีอยุธยาเมื่อปีขาน พ.ส. 1893

นิทานเรื่องนายแสนปมนี้ ที่เปนมูลเหตุไห้คนทั้งหลายเข้าไจกันว่า สมเด็ดพระรามาธิบดีที่ 1 ซึ่งส้างกรุงสรีอยุธยา ซงพระนามเดิมว่า "อู่ทอง" เพราะมีบุญญาภินิหาร ได้บันทมเปลทองของนรึมิตเมื่อยังซงพระเยาว์ คำที่เรียกกันไนหนังสือต่าง ๆ ว่า "พระเจ้าอู่ทอง" จึงถือกันว่า เปนพระนามส่วนพระองค์ ทำนองเดียวกับ "พระสังข์" ไนนิทานที่ชอบเล่นละคอนกัน