หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/365

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
350

พวกชาวบ้านตอบว่า ไม่รู้ว่าไครส้าง เปนแต่ผู้หลักผู้ไหย่บอกเล่าสืบมาว่า "พระนเรสวรกับพระนารายน์ชนช้างกันที่ตรงนั้น" ก็เปนอันได้เรื่องที่สั่งไห้ไปสืบ พระยาสุพรรนฯ จึงไห้พวกชาวบ้านพาไปยังดอนพระเจดีย์ เมื่อแรกไปถึง ไม่เห็นมีพระเจดีย์หยู่ที่ไหน เพราะต้นไม้ขึ้นปกคลุมพระเจดีย์มิดหมดทั้งองค์ จนผู้นำทางเข้าไปถางเปนช่องไห้มองดู จึงแลเห็นอิถที่ก่อถาน รู้ว่า พระเจดีย์หยู่ตรงนั้น ถ้าไม่รู้จากชาวบ้านไปก่อน ถึงไครจะเดินผ่านไปไกล้ ๆ ก็เห็นจะไม่รู้ว่า มีพระเจดีย์หยู่ตรงนั้น ฉันนึกว่า คงเปนเพราะเหตุนั้นเอง จึงไม่รู้กันว่า พระเจดีย์ยุธหัตถียังมีหยู่ เลยหายไปกว่า 100 ปี พระยาสุพรรนฯ ระดมคนไห้ช่วยกันตัดต้นไม้ที่ปกคลุมพระเจดีย์ออกหมดแล้ว ไห้ช่างฉายรูปพระเจดีย์ส่งมาไห้ฉันด้วยกันกับรายงาน สังเกตดูเปนพระเจดีย์มีถานทักสินเปน 4 เหลี่ยม 3 ชั้น ขนาดถานทักสินชั้นล่างกว้างยาวราว 8 วา แต่องค์พระเจดีย์เหนือถานทักสินชั้นที่ 3 ขึ้นไปหักพังเสียหมดแล้ว รูปสันถานจะเปนหย่างไรรู้ไม่ได้ ประมานขนาดสูงของพระเจดีย์เมื่อยังบริบูรน์ เห็นจะราวเท่า ๆ กับพระปรางค์ที่วัดราชบูรนะไนกรุงเทพฯ พอฉันเห็นรายงานกับรูปฉายที่พระยาสุพรรนฯ ส่งมา ก็สิ้นสงสัย รู้ว่า พบพระเจดีย์ยุธหัตถีเปนแน่แล้ว มีความยินดีแทบเนื้อเต้น รีบนำความขึ้นกราบบังคมทูนพระบาทสมเด็ดพระมงกุฎเกล้าเจ้าหยู่หัว ก็ซงพระปีติโสมนัสตรัดว่า พระเจดีย์ยุธหัตถีเปนอนุสาวรีย์เฉลิมเกียรติของเมืองไทยสำคันหย่างยิ่งแห่งหนึ่ง ถึงหยู่ไกลไปลำบาก ก็จะสเด็ดไปสักการะบูชา จึงซงพระอุตสาหะสเด็ดไปเมื่อ พ.ส. 2456 ด้วยประการฉะนี้