หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/42

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
27

พวกชาวบ้านช่วยกันปลูกทับกะท่อมไห้คนเจ็บไปหยู่ต่างหาก หายาและข้าวปลาอาหารไปวางไว้ไห้ที่กะท่อม แล้วพวกชาวบ้านพากันทิ้งบ้านเรือนไปหยู่เสียไห้ห่างไกล จนคนไข้หายสนิธจึงกลับมา ถ้าคนไข้ตาย ก็เผาเสียไห้สูญไปด้วยกันกับกะท่อม เขาหยากไห้ฉันส่งทหานเรือคนที่เจ็บไปไว้ที่เกาะว่างผู้คนกลางลำน้ำปากจั่น เขาจะไห้ไปปลูกทับกะท่อมที่อาสัย และจะลองหาคนที่ออกฝีดาดแล้วไปช่วยหยู่รักสาพยาบาล มิฉะนั้น ถ้าฉันพาคนไข้กลับไปด้วย ไปถึงไหนราสดรที่มาทำงานหยู่ที่นั่นก็คงพากันหลบหนีไปหมด ฉันสงสารทหานเรือคนไข้ ยังมิรู้ที่จะว่าประการได พระทิพจักส์ฯ หมอที่ไปประจำตัวฉันพูดขึ้นว่า จะไปตรวดดูเสียไห้แน่ก่อน แกไปสักครู่หนึ่งเดินยิ้มกลับมา บอกว่า ไม่ต้องซงพระวิตกแล้ว คนเจ็บเปนแต่ออกอีสุกอีไส มิไช่ฝีดาด เพราะเม็ดที่ขึ้นห่าง ๆ กันไม่เปนพืดเหมือนเม็ดฝีดาด พิสไข้ก็ไม่ร้ายแรงเหมือนหย่างออกฝีดาด รักสาไม่กี่วันก็หาย ได้ฟังดังนั้นก็โล่งไจไปด้วยกันหมด ขากลับจากเมืองระนอง พระทิพจักส์ฯ แกรับคนไข้มาไนเรือลำเดียวกับแก เมื่อขึ้นเดินบก ฉันก็ไห้จัดช้างตัวหนึ่งไห้คนไข้นอนมาไนสับปะคับนำหน้าช้างตัวที่ฉันขี่มาจนถึงเมืองชุมพร รักสาต่อมาไม่กี่วันก็หายเปนปรกติ ต่อเมื่อคนไข้หายสนิธแล้ว พระทิพจักส์ฯ จึงกะซิบบอกฉันว่า ที่จริงทหานเรือคนนั้นออกฝีดาดนั่นเอง แต่ออกหย่างบาง พิสสงไม่ร้ายแรง แกเห็นพอจะพามาได้ จึงคิดเอากลับมา ฉันก็มิรู้ที่จะว่าประการได นอกจากขอบไจ เพราะรอดลำบากมาได้ด้วยมายาของแก