หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/46

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
31

แต่ตัวฉันเผอิญเปนทั้งเจ้าและเปนนายของแกไนตำแหน่งราชการ ไม่กล้าบอกปัด จึงพยายามห้ามหย่างนั้น ฉันสั่งพระยาวรพุทธิฯ ไห้ไปชี้แจงแก่พระยาอ่างทองว่า ฉันเคยได้ยินมาแล้วว่า ไม่ไห้เจ้านายสเด็ดไปเมืองสุพรรน แต่ยังไม่รู้ว่า ห้ามเพราะเหตุได เมื่อได้คำอธิบายของพระยาอ่างทองว่า เพราะเทพารักส์หลักเมืองสุพรรนไม่ชอบเจ้านาย ฉันคิดว่า เทพารักส์มีริทธิ์เดชถึงสามารถจะไห้ร้ายดีแก่ผู้อื่นได้ จะต้องได้ส้างบารมีมาแต่ชาติปางก่อน ผลบุญจึงบันดาลไห้มาเปนเทพารักส์สักดิสิทธิถึงเพียงนั้น ก็การส้างบารมีนั้นจำต้องประกอบด้วยสีลธัมความดี ถ้าปราสจากสีลธัม ก็หาอาจจะเปนเทพารักส์สักดิสิทธิได้ไม่ เพราะฉะนั้น ฉันเห็นว่า เทพารักส์หลักเมืองสุพรรนคงหยู่ไนสีลธัม รู้ว่า ฉันไปเมืองสุพรรนเพื่อจะทำนุบำรุงบ้านเมืองไห้ราสดรหยู่เย็นเปนสุขยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน คงจะกลับยินดีอนุโมทนาด้วยเสียอีก ไม่เห็นว่า น่าวิตกหย่างไร พระยาอ่างทองจนถ้อยคำสำนวน ก็ไม่ขัดขวางต่อไป

ฉันออกจากเมืองอ่างทองแต่พอรุ่งเช้า ต้องลองเรือข้ามลำน้ำน้อยที่ตั้งเมืองวิเสสชัยชาญแต่ก่อน แล้วขี่ม้าต่อไป ท้องที่ไนระหว่างเมืองอ่างทองกับเมืองสุพรรนเปนทุ่งตลอดทาง เวลานั้นเปนต้นรึดูแล้ง บางแห่งแผ่นดินแห้งพอขี่ม้าควบได้ บางแห่งยังไม่แห้งสนิธ ได้แต่ขี่สบัดย่าง บางแห่งก็เปนน้ำเปนโคลน ต้องไห้ม้าเดินลุยน้ำไปแต่ที่เปนนา มีหมู่บ้านราสดรเปนระยะออกไป จนไกล้จะต่อแดนเมืองสุพรรน จึงเปนป่าพงที่ว่างหยู่ตอนหนึ่งเรียกว่า "ย่านสาวร้องไห้" ชื่อนี้เคย