หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/52

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
37

อันมีที่เมืองสุพรรนแปลกกับเมืองอื่น ๆ บันดาที่ได้เคยเห็นมาแต่ก่อน คือ หย่างหนึ่ง มีสาลเจ้ามากกว่าไหน ๆ หมด จะไปทางไหน ๆ ไนบริเวนเมือง เปนแลเห็นสาลเจ้าไม่ขาดสายตา เปนสาลขนาดย่อม ๆ ทำด้วยไม้แก่นมุงกะเบื้องก็มี ทำแต่ด้วยไม้ไผ่มุงจากก็มี ล้วนมีผ้าแดงหรือผีสีชมพูห้อยไว้เปนเครื่องหมาย สังเกตเพียงตรงที่จวนเจ้าเมืองมีสาลเจ้ารายรอบถึงสี่สาล อาการส่อว่า ชาวเมืองสุพรรนเห็นจะกลัวเกรงเจ้าผีเปนนิสัยสืบกันมาช้านาน ที่เรียกว่า เจ้าผี นั้น ต่างกับเทพารักส์ บอกอธิบายไห้เข้าไจง่าย ๆ เทพารักส์ คือ เทวดาที่บุญพามาหยู่ประจำพิทักส์รักสาอานาเขตแห่งไดแห่งหนึ่งไห้หยู่เย็นเปนสุข แต่เจ้าผีนั้น คือ มนุสที่สิ้นชีพไปแล้ว ผลกัมทำไห้ต้องท่องเที่ยวเปนผีหยู่ ยังไม่สามารถไปถือกำเหนิดเกิดไหม่ได้ ถ้าผีไม่ชอบไจไคร ก็อาจทำร้ายไห้เดือดร้อนรำคาน เพราะฉะนั้น คนจึงกลัวผี ถ้าเชื่อว่า แห่งไดเปนที่มีผีสิงหยู่ ก็ต้องเอาไจผี เช่น ปลูกสาลไห้สำนัก และเส้นวักเรียกว่า "เจ้า" มิไห้ผีเบียดเบียน บางทีที่กล่าวกันว่า เทพารักส์หลักเมืองสุพรรนดุร้าย จะเกิดแต่ชาวสุพรรนเอาคติเจ้าผีไปปนกับเทพารักส์ก็เปนได้

เมืองสุพรรนทำไห้จับไจผิดกับที่อื่นอีกหย่างหนึ่ง ที่เปนเมืองเนื่องกับนิทานเรื่องขุนช้างขุนแผนอันคนชอบกันแพร่หลายด้วยได้ฟังขับเสภาและจำเรื่องได้ยิ่งกว่านิทานเรื่องอื่น ๆ ตามที่กล่าวไนเรื่องนิทานว่า ขุนสรีวิชัย กับนางเทพทอง พ่อแม่ขุนช้าง ตั้งบ้านเรือนหยู่ที่ตำบนท่าสิบเบี้ยก็ดี ว่า บ้านพันสรโยธา กับนางสรีประจัน พ่อแม่ของนางพิมพ์