หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/63

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
48

อังกริดคล่อง ไม่ต้องมีล่าม แต่ต้อนรับตามประเพนีฝรั่ง วันรุ่งขึ้น ไปดูชนช้าง เข้าวังทางประตูอื่น ลงจากรถก็ถึงบันไดเชิงเทินก่อถมดินเหมือนหย่างเชิงเทินที่พเนียดคล้องช้างนะพระนครสรีอยุธยา เดินไปตามทางบนเชิงเทินนั้น ดูข้างด้านไนที่เปนที่เลี้ยงช้างทั้งนั้น ช้างหยู่ไนโรงยาวก็มี หยู่ไนคอกฉเพาะตัวก็มี เห็นช้างตัวหนึ่งหยู่ไนคอกมีโซ่ล่ามทั้ง 4 เท้า แยกปลายโซ่ไปผูกไว้กับเสาหมอสายละต้น เขาบอกว่า เปนช้างตกน้ำมัน และว่า เวลาช้างตัวไดตกน้ำมัน ก็เอาโซ่ล่ามไว้เช่นนั้นจนหายตกน้ำมันจึงเอาไปเลี้ยงหย่างปรกติตามเดิม เดินบนเชิงเทินต่อไปอีกหน่อยหนึ่งถึงหัวเลี้ยวเปนด้านสกัด มีสนามไหย่หย่างเราเรียกว่า "สนามชัย" หยู่ข้างหน้าพลับพลาที่มหาราชาทอดพระเนตรหยู่บนเชิงเทินด้านสกัดนั้น ตรงหน้าเชิงเทินลงไปมีกำแพงแก้วก่ออิถถือปูนแถวหนึ่งสูงขนาดพอเสมอไต้ตาคนยืนและทำช่องไห้คนลอดได้หลายทาง มีพวกกรมช้างหยู่ไนกำแพงแก้วนั้นหลายคน พอพวกเรานั่งที่บนพลับพลาเรียบร้อยแล้ว สักประเดี๋ยวก็เห็นคนขี่ม้าแต่งกายหย่างนายทหานอินเดียคนหนึ่งถือแพนเปนไม้ลำยาวสักเท่าทวนมีพู่ผูกข้างปลาย ล่อช้างพลายตัวหนึ่งวิ่งเหย่า ๆ ไล่ม้ามา เปนช้างงาสูงราว 5 สอกเสส หลังเปล่าไม่มีคนขี่ มีแต่ผ้าสักหลาดสีแดงผืนไหย่ผูกคลุมหลังผืนหนึ่งเท่านั้น ขนะนั้น มีนายทหานขี่ม้าถือแพนอีกคนหนึ่งล่อช้างพลายอีกตัวหนึ่งแต่งหย่างตัวก่อนเข้าสนามมาทางด้านข้างซ้าย แต่พอช้างสองตัวนั้นแลเห็นกันก็ผละจากม้าวิ่งตรงเข้าชนกัน ชนหยู่เพียงสัก