หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/71

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
56

คำเดียวนั้นคงเปนหย่างรับว่า "สาธุ" เมื่อเรือไปถึงท่ารามนคร มีขบวนแห่คอยรับหยู่บนบก เขาผูกช้างงาตัวหนึ่งสูงกว่า 5 สอกสำหรับรับฉัน ช้างตัวนั้นแต่งเครื่องมีกำมะหยี่ปักทองผืนไหย่คลุมหลังลงมาจนเกือบจึงดิน ผูกสับปะคับโถงหุ้มเงิน มีที่นั่งสองตอนบนนั้น หน้าช้างมีผ้ากำมะหยี่ปักทองปกกะพอง และไส่ปลอกงากาไหล่ทองเปนปล้อง ๆ ทั้งสองข้าง มีคนแต่งเครื่องแบบขี่คอช้าง มือถือแส้จามร (คือ แส้หางจามรี) คอยโบกปัดมแลงวันคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งนั่งบนสับปะคับตอนหลังถือร่มระย้ากั้นฉัน (คือว่า กั้นฉัตร) นอกจากนั้น มีช้างพลายพังผูกสับปะคับหย่างสามัญสำหรับรับพวกบริพารอีกหลายตัว มีขบวนคนแห่ล้วนแต่งเครื่องแบบขี่ม้านำคู่หนึ่ง ต่อมาเปนคู่แห่ถือหอกเดินแซงสองข้าง ทางแต่ท่าเรือไปถึงวังรามนคร ประมานราวแต่ท่าพระเข้าไปถึงไนพระบรมมหาราชวังไนกรุงเทพฯ เมื่อแห่ไปถึงวัง พระมหาราชาคอยรับหยู่ที่ประตูตำหนัก พาเดินขึ้นไปยังห้องรับแขก น่าเรียกว่า ท้องพระโรง แต่หยู่ชั้นบน ไนนั้นตั้งเก้าอี้แถวยาวเรียงเปนรูปพระจันท์ครึ่งซีก ตรงกลางเปนเก้าอี้หุ้มทองคำ 2 ตัว ไห้ฉันนั่งตัวข้างขวา มหาราชานั่งตัวข้างซ้าย ต่อออกไปเปนเก้าอี้หุ้มเงินฝ่ายละสัก 3 ตัว แล้วเปนเก้าอี้ไม้ตลอดไป จัดไห้พวกที่ไปกับฉันทั้งไทยและฝรั่งนั่งทางฝ่ายขวา พวกญาติวงส์และเสนาอำมาจของมหาราชานั่งทางข้างฝ่ายซ้าย พอนั่งกันเรียบร้อยแล้วมีคนถือถาดไส่พวงมาลัยทำดัวยตาดและโหมด ออกมาส่งมหาราชา ๆ หยิบพวงมาลาตาดพวงหนึ่งมาคล้องคอไห้ฉัน เจ้า