หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/80

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
65

ฉันเข้าไจมาแต่ก่อนว่า คงทำวัตถุเครื่องบูชาหย่างไดหย่างหนึ่ง ร่ายมนต์สมมตว่า ปล่อยบาปลงไนวัตถุนั้น แล้วเอาไปลอยน้ำเสีย เหมือนหย่างลอยกะทงกลางเดือน 11 เดือน 12 ต่อเมื่อไปเห็นที่เมืองพารานสีจึงรู้ว่า การลอยบาปไม่เปนเช่นเคยเข้าไจเลย ตามอธิบายไนหนังสือนำทางว่า เพราะเมืองพารานสีเคยเปนราชธานีเดิมของมัชชิมประเทส สาสนาได ๆ ที่เกิดขึ้นไนอินเดีย แม้จนพระพุทธสาสนา ก็เริ่มตั้งที่เมืองพารานสี จึงนับถือกันว่า เมืองพารานสีเปนหย่างอู่ของสาสนาฮินดูสืบมาจนบัดนี้ ถึงกล่าวกันว่า ถ้าไครได้ไปทำบุญที่เมืองพารานสีครั้งหนึ่ง ก็มีอานิสงส์เท่ากับได้ไปทำบุญที่อื่นทุกแห่งหมดไนอินเดีย ดังนี้ พวกฮินดูชาวอินเดีย ถึงจะหยู่ไนแว่นแคว้นแดนอันได ย่อมนับถือความสักดิสิทธิของเมืองพารานสี อุส่าห์พากันเดินทางไปทำพิธีพลีกัมมีจำนวนนับตั้งล้านคนทุกปี โดยเชื่อเหมือนหย่างว่า เมืองพารานสีหยู่ปากทางลัดที่จะตัดตรงไปเทวะโลกได้แน่นอน ลักสนะการพิธีที่ตรงกับเราเรียกว่า "ลอยบาป" นั้น ตั้งต้นผู้จะลอยบาปต้องเดินประทักสินรอบเมืองพารานสี และบูชาตามเทวะสถานต่าง ๆ ไนระยะทางราว 1,800 เส้น เปนเวลาราว 6 วัน แล้วลงไปยัง "ฆัต" คือ ท่าน้ำอันสักดิสิทธิแห่งไดแห่งหนึ่ง ที่ตลิ่งริมน้ำมีพราหมน์นั่งคอยสอนมนต์ไห้บริกัม เมื่อเรียนมนต์แล้วจึงลงไนแม่น้ำคงคา กินน้ำและดำหัวล้างบาปไห้ลอยไปกับสายน้ำ แล้วจึงขึ้นไปรับพรต่อพราหมน์เปนเส็ดพิธี ที่พรรนนานี้ว่าตามฉันเข้าไจความไนหนังสือ ไม่ได้มีโอกาสไถ่ถามพวกพราหมน์ไนที่นั้น อาดเข้าไจผิดบ้างก็เปนได้.

9