หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/93

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
78

แล้วไม่มีไครรู้ รู้แต่ว่า สืบพืชพรรนมาแต่พระสรีมหาโพธิต้นเดิมหยู่ไนที่เดียวกันมาจนกาลบัดนี้ ลานวัดปราบเปนที่ราบออกไปสัก 2 เส้น 4 เหลี่ยมมีกำแพงล้อม นอกกำแพงออกไปยังเปนกองดินสูงบ้างต่ำบ้างเปนพืดไป กรมตรวดโบรานคดียังไม่ได้ขุดค้น

เรื่องตำนานของวัดพระสรีมหาโพธิพุทธคยา เมื่อตอนก่อนสมัยพระเจ้าอโสกมหาราช แม้เปนที่พุทธสาสนิกชนไปบูชามาแต่แรกพระพุทธเจ้าสเด็ดเข้าพระนิพพาน ก็ไม่ปรากตสิ่งไดที่ส้างไว้ก่อน พ.ส. 200 ของเก่าที่พบมีแต่ของครั้งพระเจ้าอโสกมหาราช ว่า ซงส้างพระแท่นรัตนบัลลังก์กับวิหารขนาดน้อยไว้ข้างหน้าต้นโพธิเปนที่คนไปบูชาหลังหนึ่ง ต่อมาเมื่อพระพุทธสาสนาจเรินแพร่หลายไนอินเดีย มีผู้สัทธาไปส้างเจดีย์วัตถุและเครื่องประดับต่าง ๆ เพิ่มเติมต่อมาโดยลำดับ ผู้ตรวดเขาสังเกตแบบลวดลายตามสมัย ได้เค้าว่า มีชาวอินเดียปติสังขรน์มาจนราว พ.ส. 1500 ก่อนพระพุทธสาสนาจะถูกกำจัดจากอินเดียไม่นานนัก แต่การบุรนะปติสังขรน์สิ่งสำคัน คือ พระปรางค์ที่เปนหลักวัดหยู่เดี๋ยวนี้ เขาสันนิถานว่า ถึงสมัยเมื่อเกิดนิยมทำพระพุทธรูปไนราว พ.ส. 500 มีผู้ส้างแปลงวิหารของพระเจ้าอโสกมหาราช ซึ่งเดิมเปนแต่ที่สำหรับคนบูชาพระสรีมหาโพธิไห้ไหย่ขึ้นกว่าเก่า เปนที่ตั้งพระพุทธรูปด้วย ต่อมาถึง พ.ส. 1000 เสส มีมหาพราหมน์คนหนึ่งชื่อ อมรเทวะ เปนปุโรหิตของพระเจ้าวิกรมาทิตย์นะเมืองมัลวา เข้ารีดเลื่อมไสไนพระพุทธสาสนา มาส้างแปลงวิหารนั้นเปนพระปรางค์