เหล่านั้นมาเห่ในการหลวงเมื่อรัชกาลที่ ๔ นี้เอง บทเห่เรือกระบวนหลวงของเดิม นอกจากสวะเห่ น่าจะมีบทอะไร ๆ อิก ในกาพย์ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ก็บ่งไว้ว่า "พลพายกรายพายทอง ร้องโอ้เห่โอ้เห่มา"[วซ 1] ดังนี้ เห็นจะไม่ได้หมายความว่า เห่แต่สวะเห่อย่างเดียว แต่บทเก่าหากสูญเสีย จึงทราบไม่ได้ในเวลานี้ว่า มีบทเห่อะไรอิกบ้าง
ถ้าว่าโดยลำนำสำหรับเห่เรือ ในตำราบอกไว้แต่ ๓ อย่าง เรียกว่า สวะเห่ อย่าง ๑ ช้าลวะเห่ อย่าง ๑ มูลเห่ อย่าง ๑ แต่ที่เคยสังเกตเห็นลักษณเห่ในกระบวนหลวง เห็นเห่อยู่ ๔ อย่าง คือ เมื่อเสด็จลงประทับในเรือพระที่นั่งแล้ว หลวงพิศณุเสนี ขุมรามเภรี เปนต้นบท (จะได้เปนต้นบทโดยตำแหน่งฤๅโดยเฉภาะตัว ข้าพเจ้าไม่ทราบแน่) คนหนึ่งนั่งคุกเข่าพนมมือเห่โคลงนำกาพย์ บางทีเรียกกันว่า เกริ่นโคลง ก็เคยได้ยิน เมื่อจบบทโคลงแล้ว จึงออกเรือพระที่นั่ง พลพายพายนกบินจังหวะช้า
- ↑ ประชุมกาพย์เห่เรือ (2460, น. 1), ประชุมกาพย์เห่เรือ (2464, น. 1), ประชุมกาพย์เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (2468, น. 1), และ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศฯ (2505, น. 25) ว่า "ร้องโหเห่โอ้เห่มา" ส่วน แบบสอนอ่านฯ (2451, น. 1) และ กาพย์เห่เรือ (2513, น. 2) ว่า "ร้องโห่เห่โอ้เห่มา"