เพราะว่าเรือตามน้ำ ไม่หนักแรง ผจงพายเอางามได้ ใช้ทำนองเห่ช้า เข้าใจว่า ได้กับที่เรียกในตำราว่า ช้าลวะเห่ (น่าจะเปน ช้าแลว่าเห่) คงหมายความว่า เห่ช้า พอจวนจะถึงที่ประทับ ต้นบทก็ชักสวะเห่ คำนี้จะหมายความอย่างไรยังคิดไม่เห็น คเนพอจบบทเรือพระที่นั่งก็ถึงที่จอด ขากลับเรือทวนน้ำ มีระยะย่านไกล ต้องพายหนักจังหวะเร็ว ใช้เห่ทำนองเร็ว ที่มีพลพายรับ "ฮะไฮ้" นั้น เข้าใจว่า ได้กับที่เรียกในตำราว่า มูลเห่ คงหมายความว่า เห่เปนพื้น เมื่อจบบท พายจ้ำ ๓ ทีส่งทุกบท ถ้าลอยพระประทีปเดือน ๑๒ ซึ่งมีการแต่งเรือพระที่นั่งกิ่งทรงพระไชยลำหนึ่ง พานพุ่มดอกไม้พุทธบูชาลำหนึ่ง เวลาเรือกิ่งเข้ามาทอดเทียบเรือบัลลังก์พระที่นั่ง ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว โปรดให้จอดเห่ถวายอยู่นาน ๆ ว่าเปนทำนองมูลเห่ เห่ถวายแล้วออกเรือ จึงเปลี่ยนเปนทำนองช้าลวะเห่ ลักษณการเห่เรือเคยเห็นดังกล่าวมานี้