หน้า:ประชุมจดหมายเหตุ สมัยอยุธยา (ภาค ๑) - ๒๕๑๐.pdf/150

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๐๑
การแต่งหนังสือ

ศักราช ๙๔๐ ขาลศก พญาลแวกแต่งทับให้มาเอาเมิองเพชบุรีย มิได้เมิอง แลชาวลแวกนั้นกลับไป ครั้งนั้น พญาจีนจันตุหนีมาแต่เมิองลแวกมาสู่พระราชสมภาร ครั้นอยู่มา พญาจินจันตุก็หนีกลับคืนไปเมีอง

ศักราช ๙๔๒ มโรงศก รื้อกำแพงกรุงพระนครออกไปตั่งเถิงริมแม่น้ำ

ศักราช ๙๔๓ มเสงศก ญาณประเชิยรเริยนสาตราคม แลคิดเปนขบด คนท้งงปวงสมักเข้าด้วยมาก แลยกมาจเอาเมิองลพบูรีย แลยืนช้างอยู่ตำบลหัวตรี แลบรเทศคนหนึ่งอยู่ในเมิองนั้นยิงปืนออกไปต้องญาณปรเชิยรตายกับคอช้าง แลในปีนั้น มีหนังสือมาแต่เมิองหงษาว่า ปีมเสง ตรีนิศกนี้ อธีฆมาศหมิได้ ฝ่ายกรุงพระนครศรีอยุธยานี้มีอธิฆมาศ อนึ่ง ในวัน คำ รู้ข่าวมาว่า พระเจ้าหงษานิฤๅพาน อนึ่ง ในเดือน ๓ นั้น พญาลแวกยกพลมาเมิองเพชรบุริย ครั้งนั้น เสียเมิองเพชรบุริยแก่พญาลแวก

ศักราช ๙๔๔ มเมิยศก พญาลแวกแต่งทับให้มาจับคนปลายด่านตวันออก

ศักราช ๙๔๕ มแมศก ครั้งนั้น เกิดเพลิงไหม้แต่จวนกลาโหม แลเพลิงนั้นลามไปเถิงในพระราชวัง แลลามไหม้ไปเมิองท้ายเมิอง ครั้งนั้น รู้ข่าวมาว่า ชาวหงษาทำทางมาพระนครศรีอยุธยา

ศักราช ๙๔๖ วอกศก ครั้งนั้น สมเดจพระนรายณเปนเจ้าเสวยราชสมบัดดิณเมิองพิศณุโลก รู้ข่าวมาว่า พระเจ้าหงษากับพระเจ้าอังวะผิดกัน ครั้งนั้น เสดจไปช่วยการเศิกพระเจ้าหงษา แลอยู่ในวัน คำ ช้างตนพลายสวัดดิมงคลแลช้างต้นพลายแก้วจักรรัศชนกัน แลงาช้างต้นพลายสวัดดิมงคลลุ่ยข้างซ้าย แลโหรทำนายว่า ห้ามยาดตรา แลมีพระราชโองการตรัสว่า ใด้ตกแต่งการนั้นสรับแล้ว จึงเสดจพยุหบาดตราไป ครั้นเถิงณวัน คำ เสดจออกตั้งทับไชยตำบลวัดยมทายเมิองกำแพงเพช ในวันนั้น แผ่นดินไหว แล้วจึ่งยกทับหลวงเสดจไป ครั้นทับหลวงเสดจไปถึงเมืองแครงแล้ว จึงทับหลวงเสดจกลับคืนมาพระนครศรีอยุธยา ฝ่ายเมิองพิศณุโลกนั้น อย่ในวัน ๑๐ คำ เกิดอัศจัรรย แมนำซายหัวเมิองพิศนุโลกนั้นป่วนขึ้นสูงกว่าพื้นน้ำนั้น ๓ ศอก อนึ่ง เหนษัตรีภาพผู้นึ่ง หน้าประดูจหน้าช้าง แลสงสถานประดูจงวงช้าง แลหูนั้นใหญ่ นั่งอยู่ณวัดประสาทหัวเมิองพิศณุโลก อนึ่ง ช้างใหญ่ตัวหนึ่งยืนอยู่ณทองสนามนั้น อยู่กล้มลงตายกับที่บัดเดิยวนั้น อนึ่ง เหนตักกแตนบินมาณอากาษเปนอันมาก แลบังแสงพระอาทิตยบดมา แล้วก็บินกระจัดกระจายสญไป ในปีเดิยวนั้น ให้เทครัวเมิองเหนิอทังงปวงลงมายังกรุงพระนครศรีอยุธยา ในปีเดิยวนั้น พระเจ้าหงษาให้พระเจ้าสาวถีแลพญาพสิมยกพลลงมายังกรุงพระนคร แลณวัน ค่ำ เพลาเทิยงคืนแล้ว ๒ นาลิกาเก้าบาท เสดจพยุหบาดตราไปตั้งทับตำบลสามขนอน ครั้งนั้น เศิกหงษาแตกพ่ายหนีไป อนึง ม้าตัวนึงตกลูก แลศีรษะม้านั้นเปนสีสะเดิยว แลตัวม้านั้นเปนสองตัว แลเท้าม้านั้นตัวละสี่เท้า ประดูจชิงศีรษะกัน

ศักราช ๙๔๗ รกาศก พระเจ้าสาวถียกพลลงมาครั้งนึงเล่า ตั้งทับตำบลสะเกษ แลต้งงอยู่แต่เดิอนญี่เถิงเดิอนสี่ ครั้นถึงวัน คำ เพลารุ่งแล้ว ๒ นาลิกาบาท เสดจพยุหบาตราตั้งทับไชยตำบลลมพะลี แลณวัน ๑๐ ฯ  คำ เสดจจากทับไชโดยทางชลมาคไปทางปาโมก มีนกกทุงบินมาทั้งซ้ายขวาเปนอันมากนำหน้าเริอพระที่นั่งไป