หน้า:ประชุมจดหมายเหตุ สมัยอยุธยา (ภาค ๑) - ๒๕๑๐.pdf/7

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
คำจาฤกที่พระเจดีย์ศรีสองรักษ์เมืองด่านซ้าย

ว่าด้วยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ กับพระไชยเชษฐา พระเจ้า
กรุงศรีสัตนาคนะหุต ทำพิธีปักปันเขตรแดนกันเมื่อปีวอก โทศก
จุลศักราช ๙๒๒ พ.ศ. ๒๑๐๓ สอบกับเรื่องราวในหนังสือพระราช–
พงษาวดารในเวลานั้น พระเจ้าหงษาวดีตะเบงชะเวตี้ได้ยกเข้ามาตี
กรุงศรีอยุธยาแล้วหลายปี เป็นเวลากรุงศรีอยุธยาว่างการสงคราม
เปนเวลากำลังพระเจ้าหงษาวดีบุเรงนองปราบปรามข้าศึกทางเมือง
พม่ารามัญอีก ๓ ปี ต่อปีกุญ เบญจศก จุลศักราช ๙๒๕ พ.ศ. ๒๑๐๖
สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีบุเรงนองจึงยกกองทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา
คราวขอช้างเผือก

 นมามิ รัตนัต์เตยยํ สัพสิทธิ์สวัสดีจักกล่าวตำนานศิลาเหล็ก พระยาธรรมมิกะราชตั้งแต่ศุภมสันตุ(มหา)ศักราชอติเรกได้ ๑๔๘๒[1] โทศก ปีวอก อตีตะวรพุทธสาสนาตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าสู่นิระพานไปแล้วได้ ๒๑๐๓ ปี จึงมีพระมหากระษัตราธิราชเจ้า ๒ พระองค์ ทรงนามกรชื่อว่า พระยาธรรมมิกราช ๑ ตน เปนอาชญในเมืองจันทบุรีศรีสัตนาคนะหุตมหานครบวรณราชธานี แต่นั้นยังมีพระมหากษัตริย์เอกองค์ ๑ ชื่อว่า มหาจักรวรติตถวรราชาธิราช ตนเปนอาชญในเมืองกรุงศรีอโยธิยามหาดิลกนพรัตนบุรีศรีมหานครบวรณราชธานีบุรีเลิงรม[2] พรหมจารีศรีมหากระษัตริย์เจ้าทั้ง ๒ ก็จริงปองหิตะประโยชน์สบถต่อกัน

ครั้นตั้งคำต่อพระสาสนาพระตถาคตเจ้าเท่า ๕๐๐๐ พระวษา ก็จิงตั้งเมตาไมตรีจิตรคิดให้เปนประโยชน์แก่แผ่นดินทั้ง ๒ คือ คองผารบ[3] ในธรรมหนักหนา ก็จึงใช้ราชาอำมาตย์ไปถึงมหาอุปราชาเจ้าทั้ง ๒ ให้นำคองคระดี[4] ไมตรีทำปรมัถศุขเปนอันยิ่ง จิงพร้อมกันทั้ง ๒ กระษัตริย์ให้ไปนิมนต์เอาพระสงฆ์เจ้าตนทรงศีลอันบริสุทธิตนชื่อว่า พระมหาอุบาลี ตน ๑ แล้วจิงนิมนต์พระอริยะกะสป ตน ๑ แล้วจิงนิมนต์พระมหาธรรม


  1. จุลศักราช ๙๒๒
  2. ตามจารึกเขียนเป็น เลิงรม
  3. ข้อปรารภ
  4. ข้อคดี