หน้า:ประชุมจารึก (ภาค ๑) - ๒๔๗๗.pdf/14

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

แล้วเลื่อนเป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครราชสิมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑ ถึง พ.ศ. ๒๔๕๖ ย้ายเป็นปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย, พ.ศ. ๒๔๕๘ ได้เป็นองคมนตรี และได้เลื่อนตำแหน่งเป็นอุปราชมณฑลภาคอีสาณเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ ต่อมา ทางราชการได้ยุบเลิกตำแหน่งอุปราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปเป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพ แล้วย้ายเป็นสมุหพระนครบาลเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑ พ้นจากหน้าที่ราชการรับพระราชทานบำนาญเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๔ โดยรับราชการนานและสูงอายุ รวมเวลาที่รับราชการ ๔๐ ปีเศษ ได้รับเงินเดือนครั้งสุดท้ายเดือนละ ๑,๗๐๐ บาท

ได้รับพระราชทานยศ บรรดาศักดิ์ และเครื่องราชอิสสริยาภรณ์ ดังต่อไปนี้

พ.ศ. ๒๔๔๐ เป็นหลวงพัฒนกิจวิจารณ์

พ.ศ. ๒๔๔๓ เป็นพระวิเศษไชยชาญ และได้รับพระราชทานยศเป็นอำมาตย์โท กับตราเบญจมาภรณ์ช้างเผือก

พ.ศ. ๒๔๔๔ เป็นพระยาอินทรวิชิต และได้รับตราจตุรถาภรณ์มงกุฎสยาม

พ.ศ. ๒๔๔๗ เป็นพระยาจ่าแสนยบดี

พ.ศ. ๒๔๔๙ ได้รับพระราชทานตราจตุรถาภรณ์ช้างเผือก

พ.ศ. ๒๔๕๑ รับพระราชทานยศเป็นมหาอำมาตย์ตรี

พ.ศ. ๒๔๕๓ ได้รับพระราชทานตราตริตาภรณ์มงกุฎสยาม

พ.ศ. ๒๔๕๔ เป็นพระยากำแหงสงคราม และเป็นนายหมู่ใหญ่เสือป่า กับรับพระราชทานตราทุติยจุลจอมเกล้า

พ.ศ. ๒๔๕๕ ได้รับพระราชทานตราทวีติยาภรณ์มงกุฎสยาม

พ.ศ. ๒๔๕๖ เป็นพระยาราชนกูล วิบูลยภักดี และเป็นนายกองตรี กับได้รับพระราชทานตราทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ และปฐมาภรณ์มงกุฎสยาม