หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๔) - ๒๔๗๒ a.pdf/23

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๓

ขึ้นสิบค่ำ ฟ้าผ่าลงที่เสาติดกะดานแผ่นทองที่จารึกนามประตูเมืองไว้นั้น ครั้นณเดือนแปด เจ้าเมืองจันทบุรีนำเอาบุตรสาวมาถวายคนหนึ่ง ๚

 ครั้นศักราชได้ ๑๑๓๓ ปี เจ้าวงศ์ผู้เป็นเจ้าเมืองหลวงพระบางยกลงมาตีเมืองจันทบุรี เจ้าเมืองจันทบุรีบอกขึ้นไปณเมืองอังวะ มองระเจ้าอังวะจึงสั่งให้ชิกชิงโบคุมไพร่สองพันเป็นกองหน้า ให้เนมะโยหาเสนาบดี คือ โปสุพลา คุมไพร่สามพันเป็นแม่ทัพหลวงลงมาตีเมืองหลวงพระบางได้แล้ว โปสุพลากลับขึ้นไปพร้อมทัพกันณเมืองจันทบุรี ค้างเทศกาลฝนอย่ที่นั้น ๚

 ครั้นศักราชได้ ๑๑๓๔ ปี สิ้นเทศกาลฝน โปสุพลาจึงยกกองทัพลงมาตีเมืองลับแล เมืองพิไชย รบกันกับกองทัพกรุง กองทัพโปสุพลาแตกหนีถอยทัพไปตั้งอยู่ณเมืองเชียงใหม่ ค้างเทศกาลฝนอยู่ ๚

 ครั้นศักราชได้ ๑๑๓๕ ปี ในปีนั้น กระแซก็คิดกบฏที่อังวะ ด้วยอำมาตย์จันตะรอซุยกีเลโบกับไพร่กระแซสามพันคิดกบฏ ใช้ให้โยคีกระแซเอาเพลิงจุดขึ้นที่มุมเมือง โยคีจุดเพลิงศาลาวัดซุยจี่กุง จุดขึ้นริมวัดติดแห่งหนึ่ง พอจับตัวกระแซโยคีไต่ถาม ให้การว่า จันตะรออำมาตย์ซุยกีเลโบใช้ให้โยคีจุดเพลิงขึ้นสี่ทิศ แล้วจะยกคนสามพันเข้าตีเอาเมือง จะฆ่าเจ้าเมืองอังวะเสีย พิจารณาได้ความเป็นสัตย์ สั่งให้ฆ่ากระแซนายและไพร่สามพันเสีย ออกพระวัสสาแล้วจึงเกณฑ์ให้พระยาจ่าบ้านกับแสนท้าวไพร่ลาวพันหนึ่งยกเป็นกองหน้า ให้เนมะโยกามะนีเฝ้าเมืองเชียงใหม่อยู่ โปสุพลากับไพร่ลาวพะม่าเก้าพันเป็นแม่ทัพยกลงมาตีกรุงทวาราวดีศรีอยุธยา ยกออกจากเมืองเชียงใหม่คืนหนึ่ง