หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๗) - ๒๔๖๓.pdf/13

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

ข้อ  ที่เงินอากรบ่อนเบี้ยทั้งสิ้นไม่ถึงปีละ ๓๐,๐๐๐ บาท ข้อนี้ส่อให้เห็นว่า คงจะตั้งบ่อนแต่ตามหมู่บ้านจีนเปนพื้น บางที่จะพึ่งเกิดอากรบ่อนเบี้ยขึ้นเมื่อในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐนั้นเองก็จะเปนได้ ด้วยเมื่อปีชวดที่ตั้งพระราชกำหนดที่กล่าวมานั้น สมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐเสวยราชย์มาได้ ๒๔ ปี ดูบ่อนเบี้ยยังไม่แพร่หลาย แลเงิน อากรก็ไม่เท่าใดนัก ถ้าอากรบ่อนเบี้ยได้ตั้งมาถึงสี่สิบห้าสิบปี เห็นเงินอากรจะมากกว่านั้น.

เมื่อล่วงแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐมาแล้ว ในระหว่างเวลา ๙ ปีเมื่อก่อนจะเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า อากรบ่อนเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง หามีจดหมายเหตุปรากฎไม่ แต่เมื่อถึงชั้นกรุงธนบุรีนั้น ทราบการที่เปลี่ยนแปลงได้เปนแน่อย่าง ๑ ว่า ปล่อยให้ไทยเล่นถั่วโปได้ไม่ห้ามปราม ด้วยมีปรากฎในหนังสือพระราชพงษาวดารว่า เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๓๑๓ พระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จไปตีเมืองนครศรีธรรมราชได้แล้ว โปรดให้มีการเล่นรื่นเริง ให้ฝีพายทนายเลือกกำถั่วกันน่าพระที่นั่ง เล่นกันถึงกระดานละ ๕๐ ชั่งก็มี ๑๐๐ ชั่งก็มี เพราะคราวนั้นรวยกันมาก แลว่า เปนการสนุกนักดังนี้ เห็นได้ว่า พวกฝีพายทนายเลือกรู้จักเล่นถั่วโปกันชำนาญมาแล้วแต่ครั้งกรุงธนบุรีเปนเวลาบ้านแตกเมืองเสียมาใหม่ ๆ พึ่งจะกลับเปนอิศร ผู้คนพลเมืองยังเบาบางบกพร่อง บ่อนเบี้ยเห็นจะไม่มีกี่ตำบลนัก คงรวมอยู่ในนายอากรคนเดียวอย่างครั้งกรุงเก่า เปนแต่อนุญาตให้ไทยเล่นได้ตามใจ